เล่านิทานให้ลูกในท้องฟัง ให้ลูกฟังดีต่อพัฒนาการของลูกตั้งแต่ในครรภ์
เล่านิทานให้ลูกในท้องฟัง จริงมั๊ย?!! เล่านิทาน ให้ลูกฟังดีต่อพัฒนาการของลูกตั้งแต่ในครรภ์
เล่านิทานให้ลูกฟังดีต่อพัฒนาการของลูกตั้งแต่ในครรภ์
เล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่ในครรภ์ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ อาจมีคำถามต่อไปแล้วทารกจะรู้เรื่องหรือ? ถ้อยคำต่าง ๆ ที่คุณแม่ได้ถ่ายทอดผ่านการอ่านหนังสือ การพูดคุย หรือเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกฟังระหว่างตั้งครรภ์ จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษาอย่างรวดเร็วนับแต่แรกคลอด ซึ่งนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโต ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยสร้างสายใยแห่งสัมพันธภาพอันลึกซึ้งระหว่างพ่อแม่ลูก และส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ที่มีต่อญาติพี่น้อง และขยายไปยังคนอื่น ๆ รอบตัว
เล่านิทานให้ลูกในท้องฟังดีอย่างไร
การอ่านนิทานช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้แก่ลูกในครรภ์ไม่ว่าจะเป็นด้านสมองและด้านร่างกายจะได้รับการพัฒนาที่ดีจาการอ่านนิทาน เมื่อคุณแม่อ่านนิทานทารกในครรภ์จะได้ยินเสียงคุณแม่ทำให้ลูกรู้สึกคุ้นเคย และได้รับความรักผ่านเส้นเสียงและความรู้สึกของคุณแม่ขณะที่อ่านนิทาน โดยเฉพาะให้คุณพ่อมีส่วนร่วมในการอ่านนิทานด้วยจะยิ่งเพิ่มความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งนิทานที่ว่านี้ อาจเป็นนิทานสำหรับเด็ก หรือเรื่องราวที่คุณพ่อคุณแม่แต่งขึ้นเองก็ได้ เพื่อเพิ่มสีสันให้สนุกสนานมากขึ้น โดยระหว่างการเล่านิทานคุณพ่อคุณแม่อาจมีการพูดคุย ถามความคิดเห็น หรือหยอกเย้ากัน ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศของการเล่านิทานให้สนุกสนานมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านสติปัญญาของลูก รวมถึงพัฒนาการด้านอารมณ์ของทารกอีกด้วย เรียกว่าเสริมสร้างอัจฉริยะรอบด้านให้ทารกในครรภ์อย่างแท้จริง
เริ่มเล่านิทานให้ลูกในครรภ์ฟังได้เมื่อไร
ระบบการได้ยินของทารกจะพัฒนาเมื่ออายุครรภ์ได้ 24 – 26 สัปดาห์ขึ้นไป ระบบการได้ยินของทารกจะพัฒนาอย่างเต็มที่โดยรับรู้และตอบสนองต่อเสียงที่อยู่รอบตัวได้ ดังนั้นการเริ่มอ่านนิทานในช่วงนี้ก็จะได้ผลดีไม่น้อย นิทานที่นำมาเล่านั้นจะเป็นนิทานชนิดใดก็ที่มีเนื้อหาสนุกสนาน หรือจะเป็นนิทานที่คุณพ่อคุณแม่แต่งขึ้นเองจากชีวิตประจำวันก็ได้แต่ขอให้เป็นเสียงของคุณพ่อคุณแม่ที่อ่านให้ลูกฟังเป็นช่วงเวลาผ่อนคลาย ภาวะจิตใจสงบไม่มีสิ่งใดมารบกวนความรู้สึกนี้จะส่งผ่านไปยังทารกได้ค่ะ
เลือกนิทานอ่านให้ลูกฟัง
- ลูกน้อยวัย 6 เดือน – 1 ปี ควรเลือกนิทานผ้าหรือนิทานลอยน้ำ สีสวย ๆ ใช้คำสั้น ๆ ง่าย ๆ สอนให้ลูกรู้จักหน้าตาและรูปร่างของสิ่งต่าง ๆ สีที่ใช้ ควรปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ ด้วย
- ลูกน้อยวัย 2 – 3 ปี หนังสือนิทานนั้นจะเริ่มมีคำซับซ้อนมากขึ้นอีกสักหน่อย อาจเป็นประโยคสั้น ๆ หรือคำคล้องจองง่าย ๆ สีสันสวยงาม เน้นเรื่องราวง่าย ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวหรือเรื่องราวใกล้ ๆ ตัว
- ลูกวัย 3 – 4 ปี มักชอบฟังเรื่องราวใกล้ตัวหรือเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตจริง มักอยากรู้ว่าหากทำสิ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นหรือหากไม่ทำจะเกิดผลอย่างไร เช่น หากไม่แปรงฟันจะเกิดผลอย่างไร เป็นต้น คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกหนังสือภาพที่มีคำคล้องจองเป็นประโยคหรือเป็นบทกลอนมาเล่าให้ลูกฟัง
- ลูกวัย 4 ปีขึ้นไป วัยนี้เป็นช่วงที่อยากรู้อยากเห็นสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มักมีคำถามมากมาย เช่น ต้องการรู้ว่าสิ่งนั้นมาจากไหน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เริ่มมีจินตนาการและเริ่มเข้าใจระหว่างเรื่องจริงและเรื่องสมมติ นิทานที่เลือกมาอ่านให้ฟังนั้นควรเป็นนิทานที่เป็นเรื่องสั้น มีตัวละครน้อย ๆ เช่น นิทานเจ้าหญิง เจ้าชาย เทวดา สัตว์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่บอกว่าการอ่านนิทานมีประโยชน์ต่อพัฒนาการของทารกตั้งแต่ในครรภ์จนคลอดออกมานิทานก็ยังมีประโยชน์ต่อลูกน้อย เพราะจะช่วยพัฒนาเด็กในหลายด้าน โดยเฉพาะพัฒนาการทางด้านภาษา และการสื่อสาร
อย่างไรก็ตามคุณแม่จะอ่านนิทานให้ลูกฟังยิ่งเมื่อเขาโตแล้วต้องดูด้วยนะคะว่าตอนนั้นลูกอยู่ในอารมณ์ไหน ควรอ่านช่วงที่เด็กกำลังรู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะช่วงก่อนนอน ที่สำคัญไม่ควรดุลูกแม้เขาจะเดินไปเดินมา แต่ให้ใช้วิธีปรับโทนเสียงให้เรื่องราวน่าตื่นเต้นเร้าความสนใจจะดีกว่า
เล่านิทานให้ลูกฟัง อย่างไรให้สนุก
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีพรสวรรค์ในการเล่านิทาน เรามีเทคนิคดี ๆ มาบอกค่ะ เริ่มจากการเลือกนิทานที่จะมาอ่านให้ลูกฟัง ควรเลือกนิทานที่มีเล่มขนาดใหญ่ สีสันสดใส และยิ่งดีหากมีรูปประเภทป๊อบอัพ หรือมีพื้นผิวแปลก ๆ ยิ่งดี เหมาะจะให้ลูกได้สัมผัสเวลาที่อ่าน นอกจากนี้คุณแม่อาจประยุกต์สิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวมาใช้ประกอบการเล่านิทานก็ได้ จะช่วยให้เด็ก ๆ หันมาสนใจนิทานมากขึ้น ควรเล่าด้วยสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงประกอบ คุณแม่ควรใช้วิธีการเลียนเสียงธรรมชาติ เสียงนก เสียงคลื่น จะทำให้เด็ก ๆ สนใจนิทานมากขึ้น และหมั่นตั้งคำถามให้ลูกตอบถือเป็นการมีส่วนร่วมในการเล่านิทาน แค่นี้คุณแม่จะเล่านิทานกี่รอบก็ยังสนุกอยู่เสมอสำหรับลูก ๆ ค่ะ
The Asianparent Thailand เพื่อลงทะเบียนรับการดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ช่วงไตรมาสแรกมาติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด ลูกโตขึ้นแค่ไหนกันนะ ไตรมาสที่ 2 มาฟังเสียงลูกน้อย นับว่าหนึ่งวันลูกดิ้นไหมนะ และลูกดิ้นวันละกี่ครั้งด้วยแอพพลิเคชั่น The Asianparent นี่เป็นแค่ตัวอย่างกิจกรรมบนแอพพลิเคชั่นในส่วนแรก เพราะคุณแม่จะได้รับการดูแลทั้งอาหารการกินโดยการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญว่าควรทานอะไรบ้างในแต่ช่วงอายุครรภ์ ยาที่เป็นอันตรายชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรทาน กิจกรรมใดบ้างที่ทำได้หรือทำไม่ได้ เคล็ดลับการตั้งชื่อลูกอย่างไรให้เป็นมงคลทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย รวมถึงเตรียมแผนการล่วงหน้าถึงอนาคต การเตรียมคลอด การดูแลตนเองหลังคลอด ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องการ
อ้างอิงข้อมูล
https://www.la-orutis.dusit.ac.th
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เล่านิทานให้ลูกฟัง ดีต่อพัฒนาการของลูกตั้งแต่ในครรภ์
6 วิธีเล่านิทานแบบใหม่ถูกใจลูกจัง
หนูน้อยร้องไห้โฮทุกที ที่แม่เล่านิทานจบ เพราะอะไรดูคลิป