สอนลูกอย่างไร ให้รับมือ และ ป้องกันคนแปลกหน้า อย่างชาญฉลาด เมื่อลูกโตขึ้น และ เริ่มเข้าสู่สังคมที่กว้างใหญ่ สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธถึงความกังวลของพ่อแม่ได้เลย นั่นก็คือ ความปลอดภัยของลูกในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะการรับมือกับคนแปลกหน้าที่มักมีข่าวคราวสร้างความหวั่นวิตกให้กับพ่อแม่อยู่เสมอ เพื่อให้ลูกเข้าสู่โลกกว้างอย่างมั่นใจ มาสอนลูกให้รับมือกับคน แปลกหน้ากับ 7 วิธีเด็ด นี้กันดีกว่าค่ะ
1. ปฏิเสธอย่างฉลาด
การสอนให้ลูกรู้จักพูดปฏิเสธข้อเสนอของคนแปลกหน้า เป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรตระหนักอย่างยิ่ง เพราะลูกอาจเกิดความเกรงใจแล้วทำตามที่คนแปลกหน้าร้องขอ โดยไม่ระวังว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตัวเองได้ พ่อแม่ต้องบอกลูกว่า หากมีคนแปลกหน้ายื่นสิ่งของอะไรมาหรือเรียกให้ขึ้นรถไปด้วย ให้ลูกตอบปฏิเสธว่า “ไม่” เสียงดัง ๆ และ เดินหนีออกมาจากที่นั้นให้เร็วที่สุด หรือ หากปฏิเสธแล้ว คนแปลกหน้ายังพยายามที่จะเข้ามาแตะเนื้อต้องตัวหรือทำให้ลูกรู้สึกไม่ปลอดภัย รู้สึกกลัว ลูกมีสิทธิที่จะกรีดร้อง ต่อสู้ หรือ ร้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างโดยไม่ต้องรู้สึกเกรงใจใครทั้งสิ้นเพราะว่าความปลอดภัยของตัวลูกเองต้องมาก่อน
2. จดจำข้อมูลสำคัญ
ถือเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรสอนลูกลำดับแรก ๆ เพราะการฝึกจดจำข้อมูลพื้นฐาน เช่น จำชื่อ นามสกุล ของตนเอง ของพ่อแม่ ที่อยู่ และ หมายเลขโทรศัพท์ของพ่อแม่ให้ได้นั้น จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เมื่อเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉินกับลูกหรือเมื่อลูกต้องการความช่วยเหลือ และ หากลูกโตขึ้นอีกสักหน่อย พ่อแม่ควรเพิ่มให้ลูกสังเกต และ จดจำยานพาหนะ สี เลขทะเบียนรถ และ หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินของทางการด้วย เพื่อเป็นข้อมูลไว้ช่วยเหลือตนเองในยามคับขันนั้นเอง
3. โค้ดลับ รหัสเลิฟ
พ่อแม่ควรสร้างรหัสลับเฉพาะที่รู้กันเองภายในครอบครัว เพื่อใช้สื่อสารในกรณีเมื่อลูกต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ป้องกันไม่ให้คนแปลกหน้าแอบอ้างว่าเป็นคนรู้จักกับพ่อแม่เข้าไปตีสนิทหรือรับลูกจากที่โรงเรียน ซึ่งหากคนที่มาแอบอ้างไม่สมารถตอบรหัสลับได้ พ่อแม่ต้องบอกให้ลูกปฏิเสธการพูดคุยกับคนนั้น และ รีบไปแจ้งคุณครูหรือผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้ทันที เพระามิฉะนั้นอาจจะเกิดอันตรายต่อลูกได้นั้นเองค่ะ
4. นักสังเกตตัวน้อย
การฝึกให้ลูกรู้จักสังเกตเป็นอีกหนึ่งทักษะที่พ่อแม่ไม่ควรละเลย เพราะการใช้ชีวิตข้างนอก ลูกย่อมต้องพบเจอผู้คนมากมาย ทั้งที่รู้จักมักคุ้น และ ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน ดังนั้น การฝึกสังเกตจึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ลูกรับมือกับคนแปลกหน้าได้อย่างมั่นใจ โดยเริ่มจากการฝึกสังเกตจุดเด่นจากรูปลักษณ์ภายนอกและสิ่งแวดล้อมรอบกาย เช่น ใบหน้า รูปร่าง สีผิว ทรงผม ตำหนิที่เห็นได้ชัดเจนเสื้อผ้าที่สวมใส่ สิ่งของที่ถือมาด้วย กลิ่นกาย หรือ แม้แต่สำเนียงภาษาพูด เป็นต้น
5. ระวัง แต่ไม่ระแวง
พ่อแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักระวังตัวเองเมื่อต้องอยู่เพียงสำพัง ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้าที่เข้ามาทักทาย หรือกดกริ่งเรียกที่หน้าบ้าน ไม่ควรพูดโต้ตอบ หรือ เปิดประตูให้คนที่ไม่รู้จักเข้ามาในบ้าน แต่ทั้งนี้ พ่อแม่ก็ควรอธิบายถึงเหตุผลให้ลูกเข้าใจถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย มิเช่นนั้น ความระวังตัวเองที่มากเกินไปอาจส่งผลกลายเป็นความระแวง จนลูกเป็นเด็กเก็บตัว ไม่กล้าเข้าสังคมก็เป็นได้
6. แยกแยะให้เป็น
นี่เป็นอีกหนึ่งทักษะที่ลูกควรฝึก เพราะการรู้จักแยกแยะคนแปลกหน้าที่เป็นคนดีที่คอยช่วยเหลือสังคมเช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมถึงสถานที่ ที่ลูกสามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือได้ในยามคับขัน เช่น สถานีตำรวจ จุดรับแจ้งเหตุของสถานที่ต่าง ๆ หรือป้อมยาม เป็นการสร้างวิจารณญาณการตัดสินใจให้แก่ลูก หรือ แม้กระทั่งในโลกโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งมักมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำความรู้จัก พูดคุยด้วย พ่อแม่ก็ควรให้ลูกแยกแยะบุคคลที่ควรติดต่อด้วย โดยสังเกตจากเรื่องราวที่คุยกัน กล้าถามรายละเอียดถึงจุดประสงค์ที่เข้ามาทักทาย หรือ เข้าไปดูในโปรไฟล์ส่วนตัวของเขาหากเห็นว่าเป็นผู้ที่มีพฤดิกรรมไม่เหมาะสม ควรบอกให้ลูกปฏิเสธ หรือบล็อกผู้นั้นไปเลย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเสียมารยาทหรือไม่
7. กิจกรรมสร้างสรรค์
พ่อแม่ควรหากิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อปลูกฝังในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการรับมือกับคนแปลกหน้าให้แก่ลูก เช่น เกมจับคู่ชุดแต่งกายของอาชีพต่าง ๆ บัตรภาพบอกลักษณะบุคคล จำแนกภาพคนที่มีกิริยาท่าทางต่าง ๆ เพื่อเป็นการฝึกสังเกต จำแนก แยกแยะ และการคิดหาเหตุผล หรือเล่านิทานที่มีคติสอนใจเกี่ยวกับผลของการไว้ใจคนแปลกหน้า เช่น เรื่องหนูน้อยหมวกแดง หรือ เรื่องลูกแพะทั้งเจ็ด เป็นต้น หรือแม้จะเป็นนิทานต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องจำพวกเดียวกันค่ะ
กลเม็ดเคล็ดลับในการสอนลูกรับมือและ ป้องกันคนแปลกหน้า
ㆍ พ่อแม่ควรสอนด้วยท่าที่ที่สงบ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น จริงจัง ไม่ใช่เป็นการขู่เพื่อให้เกิดความกลัว และ ปิดกั้นความมั่นใจในการเรียนรู้โลกภายนอกของลูก
ㆍ การสอนลูกในแต่ละครั้ง พ่อแม่ควรเลือกวิธีพูด และคำอธิบายให้เหมาะสมกับวัย ไม่ควรยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ไกลตัว จนลูกไม่เข้าใจ และสร้างความเครียดให้แก่ลูกได้
สอนลูกอย่างไรให้ปลอดภัยจากคนแปลกหน้า บทเรียน
1. อธิบายตัวอย่างพฤติกรรมที่น่าสงสัย นี่คือหนึ่งวิธีที่สำคัญที่เป็นประโยชน์แก่เด็ก เช่น มีคนแกล้งเข้ามาถามทางแล้วให้ขนม บอกว่าจะพาไปนั่งรถเล่น ไปส่งที่บ้าน หรือบอกให้เก็บความลับไว้ นี่คือการหลอกล่อให้เด็กรู้สึกว่าเด็กเป็นคนสำคัญทันที จำเป็นต้องช่วยคน ๆ นี้หรือทำตามที่คนแปลกหน้าคนนี้บอก ควรให้ลูกรู้ไว้ว่า ห้ามไปที่ลับตาคนกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด เป็นต้น ที่สำคัญเด็กควรจำไว้เสมอว่าผู้ใหญ่ไม่ควรมาขอความช่วยเหลืออะไรจากเด็ก ดังนั้นหากลูกรู้สึกไม่ปลอดภัย และ สงสัยว่าทำไมคนนี้มีคำถามแปลก ๆ ให้รีบขอความช่วยเหลือทันที
2. ฝึกซ้อม ลูกควรฝึกการบอกว่า ไม่ วิ่งหนี ตะโกน และมองหาตำรวจหรือยามที่ไว้ใจได้ เพื่อใช้ในเหตุการณ์ที่ตัวเองตกอยู่ในอันตราย นอกจากนี้การฝึกให้ลูกรู้จักป้องกันตัวเองและพยายามดิ้นให้หลุดเมื่อถูกจับตัวก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน
3. สร้างกฎของครอบครัว แม้ว่าคุณจะสั่งให้ลูกล็อคประตูและห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเวลาที่คุณไม่อยู่บ้าน กฎต่าง ๆ เพื่อการรักษาความปลอดภัยในบ้านก็สำคัญ เช่น การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือการเปิดแก๊สเมื่ออยู่บ้านคนเดียว เป็นต้น นอกจากนี้เวลาคุณไปเที่ยวแล้วลูกหลงทางในห้าง คุณอาจจะมีจุดนัดพบที่คุณและลูกเข้าใจตรงกันเป็นต้น
4. ตอกย้ำลูกเสมอ หากคุณมีโอกาสที่จะย้ำเรื่องคนแปลกหน้าก็ควรทำค่ะ เพราะว่าภัยร้ายนี้อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ดังนั้นหากเราควรเตรียมลูกเราให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้ดีมากเท่าไหร่ โอกาสที่ลูกคุณจะปลอดภัยก็จะมีเพิ่มขึ้นไปด้วยค่ะ
ที่มาจาก :https://th.theasianparent.com/how-to-make-kids-safe-from-stranger
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แม่คนนี้กำลังสอนลูกสาวน่ารักให้ปฏิเสธคนแปลกหน้า
นี่คือวิธีที่ครอบครัวเบ็คแฮมสอนลูกให้รู้จักคุณค่าของเงิน