สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 ได้รับสวัสดิการอะไรบ้าง ใครได้บ้าง

สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 ได้รับสวัสดิการอะไรบ้าง ใครได้บ้าง ใครที่เริ่มทำงานแล้วก็มักจะคุ้นชินกับคำว่าประกันสังคมเป็นธรรมดา ส่วนใครที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงานนั้น มาเรียนรู้และศึกษาไปพร้อมกัน รักษาสิทธิให้ตัวเอง ไม่โดนนายจ้างเอาเปรียบ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 ได้รับสวัสดิการอะไรบ้าง ใครได้บ้าง ใครที่เริ่มทำงานแล้วก็มักจะคุ้นชินกับคำว่าประกันสังคมเป็นธรรมดา ส่วนใครที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงานนั้น มาเรียนรู้และศึกษาไปพร้อมกัน รักษาสิทธิให้ตัวเอง ไม่โดนนายจ้างเอาเปรียบ

 

ผู้ประกันตนมีกี่ประเภท

ผู้ประกันตน หรือผู้ที่มีประกันสังคมนั้นถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

  1. ผู้ประกันตนภาคบังคับ (มาตรา 33) คนที่อยู่ในประเภทนี้คือพนักงานบริษัทเอกชนทั่วไป ซึ่งมีสถานะเป็นลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างประจำ หรือแบบสัญญาก็ตาม
  2. ผู้ประกันตนภาคสมัครใจ (มาตรา 39) เป็นผู้ที่เคยทำงาน หรือมีประกันสังคมมาก่อน แล้วเกิดการลาออก และต้องการส่งประกันสังคมต่อ
  3. ผู้ประกันตนภาคสมัครใจ (มาตรา 40) เป็นบุคคลที่จัดอยู่ในประเภทแรงงานนอกระบบ หรือผู้ที่ไม่เคยมีประกันสังคมมาก่อน (ไม่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39) หรือผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระนั่นเอง

 

สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 ได้รับสวัสดิการอะไรบ้าง

สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 มีสวัสดิการสำหรับผู้ที่ชำระค่าประกันตนทั้งหมด 7 กรณี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

1.กรณีเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ

จะต้องเป็นผู้ที่จ่ายเงินสมทบไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือน ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุ ซึ่งผู้มีสิทธิประกันสังคมมาตรา 33 สามารถเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ผู้ว่าจ้างได้ลงทะเบียนไว้ แต่หากโรงพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ไม่สามารถรักษาได้ ผู้ประกันตนจะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเครือข่ายตามสิทธิได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ประกันสังคมยังมีข้อยกเว้นสำหรับ กลุ่ม 13 โรคที่ไม่อยู่ในสิทธิประกันสังคมมาตรา 33 รักษาได้ คือ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • โรคหรือการประสบอันตรายอันเนื่องจากการใช้สารเสพเสพติดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด
  • การบำบัดทดแทนไต กรณีไตวายเรื้อรัง ยกเว้น กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์โดยการบำบัดทดแทนไต ด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม , ด้วยวิธีการล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร และด้วยวิธีการปลูกถ่ายไต ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและอัตราที่กำหนด
  • การกระทำใด ๆ เพื่อความสวยงามโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
  • การรักษาที่ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าทดลอง
  • การรักษาภาวะมีบุตรยาก
  • การตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ยกเว้น การตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะหรือเซลล์ต้นกำเนิด ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการการแพทย์กำหนด
  • การตรวจใด ๆ ที่เกินกว่าความจำเป็นในการรักษาโรคนั้น
  • การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ยกเว้น
  • การเปลี่ยนเพศ
  • การผสมเทียม
  • การบริการระหว่างรักษาตัวแบบพักฟื้น
  • ทันตกรรม ยกเว้น การถอนฟัน การอุดฟัน การขูดหินปูนและผ่าฟันคุดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกิน 900 บาทต่อปี กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้มีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่าย จริงไม่เกิน 1,300 – 4,400 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี
  • แว่นตา

 

2. กรณีคลอดบุตร

ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน15 เดือน ในกรณีมีการคลอดบุตร ทั้งสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตน สามารถใช้สิทธิได้เพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่จำกัดจำนวนบุตร/ครั้ง โดยจะได้รับจำนวน 15,000 บาทต่อบุตรหนึ่งคน

 

บทความที่น่าสนใจ : ลาคลอดอย่างไรให้ราบรื่น

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

3. กรณีทุพพลภาพ

คือการที่ผู้ประกันตนนั้นสูญเสียอวัยวะ หรือสูญเสียสมรรถภาพร่างกาย หรือสูญเสียภาวะปกติของจิตใจ จนทำให้ความสามารถในการทำงานลดลง หรือไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแพทย์ และการกำหนดของแพทย์เท่านั้น โดยจะต้องเป็นผู้ที่จ่ายเงินสมทบไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือน ซึ่งจะได้เงินทดแทน 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยตลอดชีวิต

 

4. กรณีเสียชีวิต สามารถแบ่งออกเป็นได้ 2 กรณีใหญ่ ๆ ดังนี้คือ

  • กรณีที่ผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย ที่ไม่ใช่สาเหตุจากงาน และจะต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือนก่อนถึงแก่ความตาย จะได้เงินค่าทำศพจำนวน 40,000 บาท และเงินสงเคราะห์
  • กรณีที่ผู้ประกันตนที่จงใจทำให้ตนเองบาดเจ็บ ทุพพลภาพและตาย หรือยินยอมให้ผู้อื่นก่อให้เกิดขึ้น จะได้รับสิทธิประโยชน์ ได้แก่ ค่าทำศพ 50,000 บาท โดยจ่ายแก่ผู้จัดงานศพ และเงินสงเคราะห์กรณีตาย

 

5. กรณีสงเคราะห์บุตร

ต้องเป็นผู้จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน โดยจะได้เป็นเงินสงเคราะห์แบบเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาท ตั้งแต่บุตรมีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ และสามารถใช้สิทธิได้จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนจะเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตายขณะที่บุตรยังอายุไม่ครบกำหนด และจะสิ้นสุดการรับเงินก็ต่อเมื่อบุตรมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ บุตรเสียชีวิต ยกบุตรให้เป็นบุญบุญธรรมของคนอื่น และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่น่าสนใจ : เงินสงเคราะห์บุตร และเงินอุดหนุนบุตร ต่างกันอย่างไร ใครมีสิทธิ์ได้รับบ้าง เช็คเลย

 

6. กรณีชราภาพ

จะต้องเป็นผู้ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย โดยจะแบ่งเงินเป็น 2 ประเภทคือ

  • บำนาญชราภาพ เป็นเงินรายเดือนในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่ใช้เป็นหลักฐานในการคำนวณเงินสมทบก่อนสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน
  • บำเหน็จชราภาพ กรณีจ่ายเงินสมทบไม่ต่ำกว่า 12 เดือน บำเหน็จชราภาพมีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ เพื่อการเป็นประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ

 

 

7. กรณีว่างงาน

จะต้องเป็นผู้ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่าจ้างงานจะสิ้นสุดลง หรือการออกจากงานด้วยสาเหตุสุดวิสัย และจะต้องเป็นผู้ที่ว่างงานไม่น้อยกว่า 8 วันขึ้นไป โดยผู้ประกันตนสามารถลงทะเบียนว่างงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ (เว็บไซต์ empui.doe.go.th) ของสำนักงานจัดหางานของรัฐ และจะต้องยื่นเอกสารที่หน่วยงานสำนักงานประกันสังคมภายในเวลา 30 วัน และจะต้องรายงานตัวในระบบทุกครั้งตามวันที่ระบบกำหนด เพื่อขอรับเงินทดแทน

 

อย่างไรก็ตามผู้ที่เป็นผู้ประกันตน หรือผู้มี สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 จะต้องศึกษาข้อมูลสิทธิของท่านอย่างละเอียด เพื่อที่ท่านจะได้ใช้สิทธิของท่านอย่างเต็มที่ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน 1506 กระทรวงแรงงาน หรือท่านสามารถเข้าสอบถามเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมใกล้บ้านของท่านได้ในเวลาราชการนะคะ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง :
เราชนะ เพิ่มปุ่มใหม่ เตือน 3 กลุ่ม ให้รีบกดสละสิทธิ์ ไม่งั้นโดนเรียกเงินคืน 7,000
เงินเราชนะเข้าแล้ว อย่าลืม ยืนยันตัวตนขอรับสิทธิเราชนะ ก่อนใช้
หญิงไทยในญี่ปุ่น สังหารลูก 2 คน เหตุกลัวสามีแย่งสิทธิ์เลี้ยงลูก

ที่มา : สำนักงานประกันสังคม

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Siriluck Chanakit