ลูกไม่สบาย 7 สัญญาณเตือนว่าลูกน้อยของคุณกำลังป่วย และวิธีรับมือ

วิธีสังเกตสัญญาณเตือนเมื่อ ลูกไม่สบาย อาการแบบไหนบอกว่าลูกกำลังป่วย วิธีดูแลและรับมืออย่างทันท่วงที ป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในฐานะพ่อแม่ การสังเกตและดูแลสุขภาพของลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การรู้จักสัญญาณเตือนเมื่อ ลูกไม่สบาย จะช่วยให้คุณสามารถพาลูกไปพบแพทย์ได้ทันท่วงที ป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรง

ลูกไม่สบาย 7 สัญญาณเตือนว่าลูกน้อยของคุณกำลังป่วย

เตรียมพร้อมรับมือ ลูกไม่สบาย สังเกตสัญญาณเตือนต่อไปนี้

  1. ไข้ ไข้เป็นสัญญาณเตือนที่พบบ่อยที่สุดว่าลูกน้อยของคุณกำลังป่วย โดยทั่วไปแล้ว อุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5-38.4 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้ต่ำ อุณหภูมิร่างกายที่ตั้งแต่ 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป บ่งบอกว่าลูกน้อยของคุณกำลังมีไข้สูง
  2. ไอ ไอเป็นกลไกของร่างกายเพื่อกำจัดสิ่งระคายเคืองออกจากทางเดินหายใจ ไออาจเป็นสัญญาณของโรคหวัด หลอดลมอักเสบ หรือโรคปอดอักเสบ
  3. น้ำมูกไหล น้ำมูกไหลเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ น้ำมูกอาจใส ข้น หรือมีสีเขียว
  4. อาเจียนและท้องเสีย อาเจียนและท้องเสียอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อไวรัส โรคอาหารเป็นพิษ หรืออาการแพ้อาหาร
  5. เบื่ออาหาร ลูกน้อยที่ป่วยมักจะเบื่ออาหาร กินน้อยลง หรือไม่ยอมดูดนม
  6. ง่วงนอนผิดปกติ ลูกน้อยที่ป่วยมักจะง่วงนอนมากกว่าปกติ อ่อนเพลีย หรือซึม
  7. ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ ลูกน้อยที่ป่วยมักจะร้องไห้มากกว่าปกติ งอแง หรือหงุดหงิดง่าย

นอกจาก 7 สัญญาณเตือนเหล่านี้แล้ว ยังมีสัญญาณอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าลูกน้อยของคุณอาจกำลังป่วย เช่น

  • หายใจเร็วหรือหายใจลำบาก
  • ชัก
  • ตัวเย็นหรือตัวสั่น
  • จุดด่างดำหรือผื่น
  • ซึมหรือไม่ตอบสนอง

หากลูกน้อยของคุณมีสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยสาเหตุของอาการป่วยและรักษาอย่างถูกต้อง หากคุณแม่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูกน้อย ควรปรึกษาแพทย์เสมอ แพทย์จะสามารถประเมินอาการของลูกน้อยและให้คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่ค่ะ

ลูกตัวร้อน ไข้ไม่ลด ทำไงดี

ยามที่ลูกน้อยตัวร้อน ไข้ไม่ลด เป็นธรรมดาที่คุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกกังวลใจ แต่ใจเย็นๆ นะคะ เรามีวิธีดูแลลูกน้อยเมื่อมีไข้มาฝาก

1. เช็คอุณหภูมิให้ถูกวิธี

วัดไข้ด้วยปรอททางทวารหนัก เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด เหมาะกับเด็กเล็ก วัดไข้ด้วยปรอทอมทางปากอมเทอร์โมมิเตอร์ไว้ใต้ลิ้นนาน 3-5 นาที หรือวัดไข้ด้วยปรอทดิจิทัลทางรักแร้ นาน 1-2 นาที เป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว เหมาะกับเด็กทุกวัย วัดไข้ด้วยแผ่นแปะหน้าผาก ประมาณ 15 วินาที เป็นวิธีที่ง่าย สะดวก แต่ความแม่นยำอาจไม่เท่ากับการวัดด้วยปรอท

2. เช็ดตัวลดไข้

อ.พญ. สุธาทิพย์ เอมเปรมศิลป์ สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้ป่วยนอกเด็กและวัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แนะนำวิธีเช็ดตัวลดไข้ ดังนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

กรณีลูกมีไข้ต่ำ

ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง นาน 15-20 นาที จนกว่าไข้จะลด เช็ดทุกส่วนของร่างกายเน้นบริเวณข้อพับ รักแร้ ซอกคอ ขาหนีบ และหน้าผาก โดยเช็ดย้อนรูขุมขน ไม่ควรใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็งประคบ

กรณีลูกมีไข้สูง

ให้ทำเหมือนกรณีไข้ต่ำ ร่วมกับให้ยาลดไข้ ติดตามวัดอุณหภูมิหลังเช็ดตัวลดไข้ทุก 30 นาที หรือหลังให้ยาลดไข้ 1 ชั่วโมง สามารถเช็ดตัวลดไข้ซ้ำได้ 4-6 ชั่วโมง หรือจนกว่าไข้จะลง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ที่มา : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

3. ให้ยาลดไข้

ยาพาราเซตามอล เหมาะกับเด็กทุกวัย ควรอ่านคำแนะนำบนฉลากยาอย่างละเอียด ไม่ควรให้ยาลดไข้เกินขนาด สังเกตอาการของเด็กหลังทานยา หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที

4. ดูแลเรื่องการดื่มน้ำ

ให้ลูกดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ น้ำเปล่า น้ำเกลือแร่ หรือ ORS เป็นตัวเลือกที่ดี หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง

5. สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

ไม่ควรให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย ให้ลูกนอนในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก

6. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อน ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู สร้างบรรยากาศการนอนหลับที่ผ่อนคลาย เล่านิทานกล่อมนอน หรือร้องเพลงกล่อม เป็นต้น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

7. สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

หากไข้ไม่ลดหรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ซึม อาเจียน ท้องเสีย ชัก ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที

สูตรง่ายๆ ในการคำนวณยาพาราเซตามอลสำหรับเด็ก

กรณีใช้ยาชนิดดรอป (ยาขนาด 60 มิลลิกรัม ต่อยา 0.6 ซีซี)

  • ปริมาณยา (ซีซี) = น้ำหนักตัวเด็ก (กิโลกรัม) / 10

ตัวอย่าง: เด็กน้ำหนัก 10 กิโลกรัม คำนวณดังนี้ 10 / 10 = 1 ซีซี หมายความว่า เด็กน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ควรทานยาพาราเซตามอลชนิดดรอป ครั้งละ 1 ซีซี

กรณีใช้ยาชนิดความเข้มข้น 120 มิลลิกรัม ต่อยา 5 ซีซี:

  • ปริมาณยา (ซีซี) = น้ำหนักตัวเด็ก (กิโลกรัม) / 2

ตัวอย่าง: เด็กน้ำหนัก 15 กิโลกรัม คำนวณดังนี้ 15 / 2 = 7.5 ซีซี หมายความว่า เด็กน้ำหนัก 15 กิโลกรัม ควรทานยาพาราเซตามอลชนิดความเข้มข้น 120 มิลลิกรัม ต่อยา 5 ซีซี ครั้งละ 7.5 ซีซี

กรณีใช้ยาชนิดความเข้มข้น 250 มิลลิกรัม ต่อยา 5 ซีซี:

  • ปริมาณยา (ซีซี) = น้ำหนักตัวเด็ก (กิโลกรัม) / 4

ตัวอย่าง: เด็กน้ำหนัก 8 กิโลกรัม คำนวณดังนี้ 8 / 4 = 2 ซีซี หมายความว่า เด็กน้ำหนัก 8 กิโลกรัม ควรทานยาพาราเซตามอลชนิดความเข้มข้น 250 มิลลิกรัม ต่อยา 5 ซีซี ครั้งละ 2 ซีซี

ที่มา Youtube Nurse Kids

เคล็ดลับในการป้องกัน ลูกไม่สบาย

  • ล้างมือบ่อยๆ การล้างมือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ล้างมือด้วยน้ำสบู่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องน้ำ หลังจากเปลี่ยนผ้าอ้อม และก่อนกินอาหาร
  • ให้นมลูก นมแม่เป็นแหล่งสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก นมแม่ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของทารก ป้องกันไม่ให้ทารกป่วย
  • พาลูกไปฉีดวัคซีนตามกำหนด วัคซีนช่วยป้องกันโรคติดต่อหลายชนิด ดูในสมุดวัคซีนว่าลูกน้อยควรได้รับวัคซีนใดช่วงไหนบ้าง
  • รักษาสุขอนามัยที่ดี รักษาบ้านให้สะอาด ล้างของเล่นและพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

การดูแลสุขภาพของลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญ การสังเกตสัญญาณเตือนเมื่อลูกป่วย ดูแลเมื่อลูกป่วยอย่างถูกวิธี ป้องกันไม่ให้ลูกป่วย และพาลูกไปพบแพทย์เมื่อจำเป็น ล้วนเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่ดี

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลูกเป็นหวัดอาบน้ำได้ไหม สระผมได้หรือเปล่า ลูกป่วยไม่สบายควรดูแลอย่างไร?

โรคอื่น ๆ ที่ทำให้ ลูกไข้ขึ้น นอกจากหวัด

วิธีรับมือลูกป่วยตอนเดินทาง การปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากลูกเจ็บป่วยระหว่างทาง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา