การจะไปให้ถึงเป้าหมายความสำเร็จที่เราตั้งไว้ สิ่งที่แน่ที่สุดที่เราจะต้องเจอ คือ อุปสรรคต่าง ๆ นา ๆ ที่จะเข้ามาทำให้เราเกิดความท้อแท้สำหรับหลายๆ คนการ สอบ TCAS ก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น แต่วิธีที่จะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงของวการ สอบ TCAS นั้น วันนี้เรามีวิธีคิดง่าย ๆ มาแนะนำให้น้อง ๆ ลองทำตามดู เพื่อช่วยให้เรามีสมาธิ และบรรลุจถดมุ่งหมายได้ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยสนามกาi สอบ TCAS กัน
ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน และต้องวัดผลได้
เริ่มจากกการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าต้องการเรียนต่อในคณะ สาขาอะไร ของมหาวิทยาลัยที่ไหน เป้าหมายที่ชัดเจน เจาะจงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้น้องๆ เดินต่อไปได้อย่างเป็นขั้นตอน และไม่หลงออกไปนอกเส้นทางที่ตั้งใจไว้ เป็นการสร้างพลังให้กับตัวเอง และกำหนดการวัดผลให้ตัวเอง เช่นการทำข้อสอบสำหรับใช้เข้าสาขาที่ต้องการให้ได้คะแนนในเกณฑ์ที่จะทำให้สอบติด
สร้างแผนการไปสู่เป้าหมาย
เมื่อรู้ว่าอะไรคือเป้าหมายของเราและเห็นภาพตัวเองบรรลุเป้าหมายแล้ว ขั้นตอนสำคัญต่อมาคือการวางแผนที่จะเดินไปสู่เป้าหมาย วิธีการที่ง่ายและช่วยให้เป้าหมายของเราเป็นจริงได้ก็คือวางแผนจากภาพใหญ่แล้วซอยย่อยงานออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นจึงทำไปทีละขั้นตอน สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่า TCAS แต่ละรอบใช้คะแนนไม่เหมือนกัน ต้องวางแผนสำหรับแต่ละรอบด้วย
กำหนดเวลาให้ชัดเจน
อย่างที่น้องๆ รู้กันอยู่แล้วว่าเวลาของเรามีจำกัด ฉะนั้นน้องๆ ต้องตั้งกรอบเวลาให้ชัดเจน เพื่อให้แผนที่เราตั้งไว้สำเร็จก่อนที่ TCAS แต่ละรอบจะมาถึง
ต้องรู้จุดเด่น จุดด้อย
ต้องรู้จุดเด่นจุดด้อยของตัวเอง ว่าวิชาไหนที่เราจะทำคะแนนได้น้อย วิชาไหนทำคะแนนได้เยอะ จะได้พัฒนาตัวเองได้อย่างตรงจุด ทัษะอะไรก็ตามที่ได้รับการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้น้องๆ บรรลุเป้าหมายที่สำคัญของน้องๆ ได้
ลองปฏิบัติจริง ทบทวน และปรับแก้แนวทาง
เมื่อสามารถตั้งเป้าหมายและวางแผนการสู่เป้าหมายเรียบร้อยแล้วก็มาถึงขั้นตอนที่ต้องลงมือปฏิบัติจริง เพราะการลงมือทำคือตัวช่วยเดียวที่ทำให้เราขยับเข้าใกล้เป้าหมายได้ หลายคนยอมแพ้ในขั้นตอนนี้เพราะเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด เนื่องจากต้องลงมือทำจริงและมักเจอกับปัญหาต่าง ๆ นา ๆ ที่เข้ามา
บทความที่เกี่ยวข้อง : เด็กช่างจินตนาการ คือเด็กฉลาด มีจินตนาการมีความคิดสร้างสรรค์
ต่อมาสิ่งที่เราจะต้องเชื่อ คือ
เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง
เชื่อว่าน้อง ๆ รู้ศักยภาพของตัวเองดี แต่ติดอยู่ที่นิสัยบางอย่างที่อาจทำให้ไม่สำเร็จสักที เช่น หากเราอยากประสบความสำเร็จในเรื่องเรียน ให้หยุดพูดว่าความฝันหรือเป้าหมายของเราคืออะไร แต่เริ่มทำแผนการเรียน เขียนเป้าหมายว่าเราจะทำอย่างไรแล้วลงมือทำ
เชื่อมั่นว่าจะเอาชนะอุปสรรคได้
ทุกความฝัน มักมีอุปสรรคเสมอ แต่หากล้มเลิกกลางคัน เมื่อได้มองย้อนกลับไปก็อาจทำให้น้องรู้สึกเสียดายขึ้นมา ดังนั้น แม้จะพบอุปสรรคหนักแค่ไหนก็ต้องหาวิธีแก้ไขให้ได้
เชื่อมั่นว่าทุกอย่างที่มุ่งมั่นจะสำเร็จ
ถ้าน้องแค่คิด แต่ไม่เคยมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ ทุกเป้าหมายก็คงไม่เกิดขึ้น ก็เหมือนกับเวลาที่น้อง ๆ อยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่ไม่เคยฝึกฝนเลย น้อง ๆ ก็คงไม่มีวันเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นกว่าเดิมแน่ ๆ เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อน้องคิดที่จะทำอะไร ก็ควรที่จะลงมือทำด้วยนะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : Portfolio หรือ แฟ้มสะสมผลงาน ที่ดีควรประกอบด้วยอะไรบ้าง
และสุดท้าย ให้มองกลับมาดูที่ตัวเอง แช็คตัวเองให้พร้อม แล้วจัดลำดับความคิดให้เข้ารูปเข้ารอย
เรียงลำดับความชอบ
วิธีค้นหาตัวตนที่ง่ายแสนง่ายคือ การเรียงลำดับความชอบ โดยให้นำกระดาษเปล่ามา 1แผ่นพร้อมเขียน 1-10 แล้วให้คิดว่า ภายใน 1-10 นี้ มีอาชีพไหนที่อยากทำและมีอาชีพไหนที่ชื่นชอบบ้าง แต่ต้องเอาอาชีพที่ชอบที่สุดไว้ข้อแรกนะ จะได้รู้จักตัวตนมากขึ้น
เวลาว่างชอบทำอะไร
เชื่อว่าน้องๆเวลาว่างๆ ต้องหางานอดิเรกทำอย่างแน่นอนอาทิ ฟังเพลง เล่นดนตรี แต่งกลอน ปลูกดอกไม้ ทำอาหาร เป็นต้นและสิ่งเหล่านี้เอง ที่จะช่วยให้ค้นพบตัวตน มากขึ้นอันดับแรกเมื่อรู้ว่าเวลาว่างชอบทำอะไร ก็ให้ลองนำสิ่งนั้นมาประยุกต์เป็นอาชีพของตัวเองตัวอย่างเช่น ชอบปลูกต้นไม้ น้องๆอาจจะหาวิธีเพาะพันธุ์พืชขายหรือทำสวนดอกไม้ตัดขายตามท้องตลาด เป็นต้น
บทความที่เกี่ยวข้อง: พฤติกรรมเด็กที่ดี ต้องฝึกฝนอย่างไร เปลี่ยนเด็กดื้อให้เป็นเด็กดี
หาแบบทดสอบต่าง ๆ มาลองทำเพื่อฝึก และดูเป็นแนวทาง
ในปัจจุบันมีการใช้อินเทอร์เน็ตมากมายจึงมีทางเลือก ข้อมูลต่างๆที่สามารถ ทดลองแบบสอบถามว่าน้องเหมาะกับคณะหรือสาขาอะไร ในเว็บต่างๆ
เช็คอีกที ว่าโตขึ้น ฝันว่าอยากเป็นอะไร
ทุกคนมีความฝัน ในวัยเด็ก ๆ บางคนวาดฝันอยากเป็นหมอ บางคนอยากเป็นครู หรือหรือบางคนอยากเป็น ดารา เป็นนักข่าว แต่เมื่อโตขึ้น ความฝันเหล่านั้นมันจะค่อย ๆ เปลี่ยนไป เนื่องมาจากด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างรอบตัว ดังนั้นทุกอย่างฝันได้ แต่ต้องลองทำด้วย จะได้รู้ว่าสิ่ง ๆ นั้น ใช่และเหมาะสม สำหรับตัวเองหรือเปล่า
ความถนัด คือพรสวรรค์ ใช้มันให้ถูก
ทุกคนมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน และความถนัดเหล่านั้นแหละ มันคือพรสวรรค์ เพราะฉะนั้นแล้ว ใช้ความถนัดให้เกิดประโยชน์กันดีกว่า ตัวอย่างเช่น ถนัดเรื่องการทำอาหาร ลองเริ่มจาก การช่วยคุณพ่อ หรือ คุณแม่ทำอาหาร แล้วลองลงมือทำเอง และให้พ่อ แม่ ชิมดูว่าผ่านไหม ถ้าผ่านก็อาจจะลองทำขายหาลูกค้าจากพนักงานในโรงงาน หรือตั้งร้านขายหน้าโรงเรียน เป็นต้น
ที่มา : ampus.campus-star.com