เลือกซื้อรถเข็นเด็ก สำหรับลูกแต่ละวัย ยังไง? ให้ปลอดภัย ใช้งานได้ดี

เมื่อรถเข็นเด็กกลายมาเป็นไอเท็มจำเป็นสำหรับลูกน้อย ก็เลยจะชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูวิธีเลือกซื้อรถเข็นเด็ก สำหรับลูกแต่ละวัย ให้ปลอดภัย และใช้งานได้ดีกันค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในปัจจุบัน “รถเข็นเด็ก” นับเป็นอุปกรณ์ที่อาจมีความจำเป็นของหลายๆ ครอบครัวในการพาลูกน้อยออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน การเลือกรถเข็นเด็กให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกน้อยจึงสำคัญมาก เพราะไม่เพียงช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสบาย ปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังสะดวกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ด้วย theAsianparent จะพาไปดูว่าควร เลือกซื้อรถเข็นเด็ก สำหรับลูกแต่ละวัย ยังไง? เพื่อให้เหมาะสมกับ ช่วงวัยของลูกน้อย พร้อมแนะนำปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ ทั้งขนาด น้ำหนัก วัสดุ หรือฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่ารถเข็นเด็กที่เลือกจะเป็นเพื่อนคู่ใจที่ดีในการเดินทางไปกับลูกน้อย

ทำไม? ต้อง “เลือกซื้อรถเข็นเด็ก” ให้เหมาะ สำหรับลูกแต่ละวัย

รถเข็นเด็กที่ดี เหมาะสมกับช่วงวัย ขนาด และน้ำหนักตัว จะช่วยรองรับสรีระร่างกายของลูกน้อยได้อย่างดี ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสบายขณะนั่ง และคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถเข็นได้อย่างคล่องตัวด้วยค่ะ ทั้งนี้ รถเข็นเด็กสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของลูกน้อยได้ มีหลากหลายรูปแบบและฟังก์ชันการใช้งานให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว โดยการเลือกซื้อรถเข็นเด็กมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพื่อให้ลูกสะดวกสบายและปลอดภัยตลอดการเดินทาง ดังนี้

ปัจจัยสำคัญในการ เลือกซื้อรถเข็นเด็ก

ช่วงวัยของลูกน้อย
  • วัยแรกเกิด ควร เลือกซื้อรถเข็นเด็ก ที่สามารถปรับเอนนอนได้ 170 องศา เพื่อรองรับสรีระของทารกที่ยังไม่แข็งแรง
  • วัยหัดคลาน ควร เลือกซื้อรถเข็นเด็ก ที่มีที่นั่งกว้างขวาง เพื่อให้ลูกมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหว
  • วัยเตาะแตะ ควร เลือกซื้อรถเข็นเด็ก ที่สามารถปรับเอนนั่งได้หลากหลายระดับ และมีที่วางเท้าที่ปรับได้
น้ำหนักและขนาด
  • รถเข็นเด็กที่มีน้ำหนักเบาจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ยกและเคลื่อนย้ายได้สะดวก
  • ควรพิจารณาขนาดของรถเข็นให้เหมาะสมกับพื้นที่เก็บของและการใช้งาน
วัสดุ
  • ควรเลือกวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย ทนทาน และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น ผ้าฝ้าย หรือวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี
ระบบความปลอดภัย
  • ระบบสายรัดนิรภัยควรแน่นหนาและปรับได้ง่าย
  • มีที่กั้นเพื่อป้องกันลูกน้อยตกจากรถเข็น
  • มีเบรกที่ใช้งานได้ดี
ล้อ
  • เลือกขนาดและวัสดุของล้อให้เหมาะสมกับพื้นผิวที่จะใช้งาน
  • ล้อขนาดใหญ่จะช่วยให้เคลื่อนที่ได้สะดวกบนพื้นผิวที่ขรุขระ
  • ล้อขนาดเล็กจะเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่แคบ
ฟังก์ชันเสริม
  • มีที่บังแดดเพื่อป้องกันแสงแดดและฝน
  • มีช่องสำหรับเก็บของใช้ส่วนตัวของลูก หรือตะกร้าเก็บของ สำหรับใส่ของใช้ต่างๆ
มือจับ
  • มือจับของรถเข็นควรอยู่ในระดับความสูงที่คุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นผู้เข็นสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายเวลาเดิน

รถเข็นเด็ก มีแบบไหนบ้าง

การใช้รถเข็นเด็กนั้นสามารถช่วยให้พ่อแม่พาลูกน้อย แต่ละช่วงวัย ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้สะดวกสบายกว่า โดยเฉพาะลูกวัยทารกและวัยคลาน สามารถช่วยผ่อนแรงคุณพ่อคุณแม่ในการอุ้มเดินได้อย่างดี แต่ก็จะมีข้อจำกัดเรื่องความคล่องตัวอยู่บ้าง ซึ่งโดยปกติแล้วรถเข็นเด็กเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี แต่ในกรณีลูกน้อยวัยแรกเกิดจะมีกล้ามเนื้อคอที่ยังไม่แข็งแรง ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการเลือกรถเข็นค่อนข้างมาก จึงแนะนำให้ใช้รถเข็นเด็กเมื่อลูกมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป เพราะสามารถพยุงศีรษะด้วยตัวเองได้แล้ว การใช้งานจึงปลอดภัยมากขึ้น รวมทั้งสามารถเลือกรถเข็นได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันรถเข็นเด็กถูกออกแบบและพัฒนาให้ดีขึ้นมาก เช่น สามารถปรับการเข็นได้สองทิศทาง รองรับการแยกตัวออกมาเป็น Car seat หรือตะกร้าหิ้วทารกได้ เป็นต้น มาดูกันค่ะว่าปัจจุบันมีรถเข็นเด็กแบบไหนให้เลือกใช้งานกันบ้าง

  • รถเข็นเด็กแบบคลาสสิก (Classic Stroller)

มีขนาดใหญ่และแข็งแรง เหมาะสำหรับใช้งานในระยะยาว ส่วนใหญ่เป็นแบบ 4 ล้อ เป็นรถเข็นเด็กมาตรฐานที่หาซื้อได้ง่าย มีหลากหลายรูปแบบ ใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปี แข็งแรงทนทาน กระจายน้ำหนักและทรงตัวได้ดี ลดความเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำ ทั้งยังมีพื้นที่เก็บของใช้ใต้รถเข็นที่กว้างขวาง บรรจุสัมภาระได้ค่อนข้างมาก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • รถเข็นเด็กแบบพับได้ (Foldable Stroller)

มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พับเก็บง่าย เหมาะสำหรับการเดินทาง ส่วนใหญ่เบาะนั่งและสายรัดต่างๆ ได้รับการออกแบบมาให้พอดีกับสรีระของเด็กแต่ละช่วงวัย บางรุ่นสามารถปรับเบาะเอนได้หลายระดับ มีร่มบังแดดที่กันรังสี UV และถอดเป็นคาร์ซีทได้ด้วย

  • รถเข็นเด็กแบบ Jogger

มีล้อขนาดใหญ่ เป็นรถเข็นสำหรับวิ่ง Jogging ไปพร้อมๆ กับคุณพ่อคุณแม่ ได้เพราะออกแบบให้ใช้เข็นในความเร็วที่เทียบเท่ากับการวิ่ง

  • รถเข็นเด็กแบบ Twin

เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีลูกแฝด หรือลูกที่มีอายุห่างกันไม่มาก มักถูกออกแบบให้มีประมาณ 2 – 3 ที่นั่ง มีล้อขนาดใหญ่ แข็งแรง รับน้ำหนักได้มาก และปรับเอนนอนราบได้หลายระดับ ใช้งานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด – 3 ปี โดยรถเข็นเด็กแฝดจะแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ

  1. แบบเบาะหน้า-หลัง ช่วยให้เข็นตีโค้งทางแคบได้ง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด
  2. แบบเบาะคู่ด้านข้าง ช่วยให้ดูแลลูกได้ง่าย แต่จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงเหมาะสำหรับการใช้ในเส้นทางที่มีพื้นที่กว้าง

ทั้งนี้ ก่อนเลือกซื้อรถเข็นเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรทดลองเข็นก่อนเพื่อดูว่ารู้สึกสบายหรือไม่ อาจพาลูกน้อยลองนั่งเพื่อให้แน่ใจว่าลูกรู้สึกสบายและรถเข็นพอดีกับขนาดตัว เหมาะสมกับช่วงวัย และสรีระร่างกายของลูก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เลือกซื้อรถเข็นเด็ก สำหรับลูกแต่ละวัย ให้เหมาะสม ปลอดภัย ใช้งานได้ดี

  • เลือกซื้อรถเข็นเด็ก สำหรับลูกวัยแรกเกิด

ลูกน้อยวัยแรกเกิดจะมีกล้ามเนื้อคอที่ยังไม่แข็งแรง ทำให้ไม่สามารถพยุงศีรษะได้ด้วยตัวเอง จึงต้องเลือกรถเข็นเด็กแรกเกิดที่มีคุณสมบัติรองรับคอ มีสายรัด และปรับเอนได้เท่านั้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถพิจารณาเลือกรถเข็นสำหรับวัยทารกจากปัจจัยต่อไปนี้

  1. ปรับเอนนอนได้หลายระดับ หรือปรับนอนราบได้ 170 องศา เพื่อให้ทารกสามารถเอนตัวนอนและหลับพักผ่อนได้อย่างสบายตัวตลอดการเดินทาง รวมทั้งมีสายรัดนิรภัยหรือระบบล็อก ได้แก่ ล็อกเอว ระหว่างขาและไหล่ และตัวล็อกควรแน่นหนา ไม่ดึงหลุดง่าย แต่แน่นจนเกินไป และปลดเข้าออกได้ไม่ยาก
  2. เป็นรถที่หันเข้าหาตัวผู้เข็น เพื่อให้มั่นใจว่าหากทารกน้อยเผลอหลับในรถเข็น คุณพ่อคุณแม่สามารถมองเห็นลูกน้อยได้ตลอดเวลา
  3. โครงสร้างแข็งแรง รวมถึงมีระบบกันสะเทือนที่ดี เพื่อช่วยดูดซับการกระเด้งและป้องกันการกระแทก
  4. มีที่เก็บของลูกน้อยวัยแรกเกิดนั้นมีข้าวของเครื่องใช้จำเป็นค่อนข้างมากค่ะ ตอนอยู่ในบ้านไม่เท่าไร เพราะหยิบใช้ได้สะดวกอยู่แล้ว แต่เมื่อต้องออกไปข้างนอกคุณแม่จะพบเลยว่า ขวดนมขาดไม่ได้ กระติกน้ำร้อนก็ต้องมี ผ้าอ้อมก็จำเป็น ของใช้ในการทำความสะอาดอื่นๆ ก็สำคัญ ดังนั้น รถเข็นเด็กสำหรับทารกจึงต้องเลือกที่มีความจุของที่เก็บของด้วยค่ะ
  5. มีหลังคา และระบายอากาศได้ดี เมื่อออกจากบ้านทารกน้อยควรได้รับการปกป้องจากสภาพอากาศที่อาจไม่เอื้ออำนวย รถเข็นเด็กที่มีหลังคา รวมทั้งมีช่องระบายอากาศที่เหมาะสมจึงจำเป็นค่ะ เพราะจะช่วยป้องกันลูกน้อยจากการสัมผัสกับแสงแดด ฝุ่นควัน สิ่งสกปรก และเชื้อโรคในอากาศ
  6. เลือกแบบใช้งานกับคาร์ซีทได้ หากคุณพ่อคุณแม่วางแผนที่จะใช้รถเข็นเด็กแรกเกิดเพียงไม่กี่เดือน คุณเลือกซื้อรถเข็นเด็กที่ราคาไม่สูงนัก และเลือกแบบที่มีสามารถใช้งานร่วมกับคาร์ซีทได้ เมื่อผ่านช่วงวัย 6 เดือนไปแล้วค่อยเปลี่ยนรถเข็นที่เหมาะสมตามช่วงวัยของลูกอีกครั้งค่ะ

  • รถเข็นเด็กสำหรับลูกวัย 6-18 เดือน

รถเข็นสำหรับลูกน้อยวัยหัดคลาน หรือกำลังหัดเดิน ยังควรมีหลังคาและการระบายอากาศที่ดีเช่นเดียวกับวัยแรกเกิดค่ะ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับขนาดตัวของลูกด้วย โดยอาจพิจารณาเพิ่มเติมจากปัจจัยต่อไปนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. มีสายรัดนิรภัย 5 จุด เนื่องจากลูกวัยนี้เริ่มนั่งได้นานขึ้น มีความอยากรู้อยากเห็นโลกภายนอกมากขึ้น สายรัดนิรภัยจะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการตกรถเข็น และสามารถนั่งอยู่บนรถเข็นเด็กได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
  2. มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายขึ้น เช่น ที่วางเท้าปรับได้ พนักพิงปรับได้ หรือสามารถปรับการเข็นทั้งแบบหันหน้าหาผู้เข็น และหันหน้าออกจากผู้เข็นได้ เพราะแม้ลูกวัยนี้จะอยากสำรวจโลกภายนอกมากแค่ไหน ก็ยังต้องการความอุ่นใจจากการได้มองเห็นคุณพ่อคุณแม่อยู่ในสายตาตลอดเวลาอยู่ดีค่ะ
  3. เลือกแบบพับได้ กรณีลูกน้อยอยู่ในวัยเตาะแตะ อาจมีบางช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่จะได้พาลูกลงจากรถเข็นมาเดินเล่นบ้าง เพื่อออกกำลังกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ดังนั้น รถเข็นแบบพับได้ซึ่งมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ก็ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและเหมาะสมสำหรับลูกวัยนี้ค่ะ

  • รถเข็นเด็กสำหรับลูกน้อยอายุ 2 – 4 ปีขึ้นไป

ลูกวัยนี้มีพัฒนาการด้านร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้ว สามารถเดินหรือวิ่งได้อย่างมั่นคง จึงดูเหมือนว่าแทบไม่จำเป็นต้องใช้รถเข็นเด็กแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตาม ในบางโอกาสโดยเฉพาะการต้องเดินในระยะทางที่ไกลและใช้เวลานาน ก็อาจทำให้ลูกน้อยอ่อนล้าได้เช่นกัน จึงทำให้รถเข็นเด็กยังคงสามารถรองรับความต้องการใช้ในกรณีนี้ได้ โดยสิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกรถเข็นเด็กสำหรับลูกวัย 2 – 4 ปี คือ

  1. เลือกแบบพับได้ เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง สามารถพับเก็บได้ง่าย และน้ำหนักเบา
  2. ป้องกันการสะเทือนได้ดีเมื่อลูกน้อยโตขึ้น คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจมีแผนที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับลูก เช่น เดินช้อปปิ้ง เที่ยวสวนสัตว์ หรือเอ็กซ์ตรีมแบบการวิ่งจ๊อกกิ้ง ดังนั้น ควรเลือกรถเข็นเด็กที่ป้องกันการสั่นสะเทือนได้ดี หรือแบบ Jogger ที่มีล้อขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้ลูกสามารถอยู่บนรถเข็นขณะที่ทำกิจกรรมร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากที่สุด

การจะ เลือกซื้อรถเข็นเด็ก สำหรับลูกน้อยแต่ละวัย เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความละเอียดรอบคอบในการพิจารณานะคะ แต่หากสามารถเลือกซื้อรถเข็นเด็กที่เหมาะสมกับลูกน้อยแล้ว ก็อาจช่วยให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยมีความสุขกับการออกไปข้างนอกมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้รถเข็นเด็กจะสามารถใช้ได้จนถึงลูกที่มีอายุ 6 ปี แต่เมื่อเด็กมีอายุได้ประมาณ 1 ปี คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้หมั่นฝึกเดิน เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ไม่ควรให้นั่งรถเข็นเป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้ลูกเดินได้ช้า และติดการอุ้มหรือการนั่งรถเข็นมากจนเกินไปค่ะ

 

ที่มา : www.thebump.com , www.motherschoice.com.au , th.my-best.com , hd.co.th , medthai.com , www.britaxthailand.com

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เก้าอี้กินข้าวเด็กระดับพรีเมียม ดีต่อพัฒนาการของลูกน้อยยังไง? คุ้มค่ากว่าจริงไหม?

วิธีเลือกซื้อ คาร์ซีทสำหรับเด็ก คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับพ่อแม่ชาวไทย

พาลูกเที่ยวตอนกี่เดือน ทารกเดินทางได้ตอนกี่เดือน เคล็ดลับเดินทางครั้งแรกกับทารก

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

จันทนา ชัยมี