เมื่อคุณแม่มือใหม่เฝ้ารอคอยการมาของลูกน้อยอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งเริ่มรู้สึกตัวว่า ร่างกายของตนเองนั้นเปลี่ยนไป อาจจะไม่มากนักสำหรับคุณแม่ที่เริ่มมีอายุครรภ์ 2 สัปดาห์ แต่ก็ยังมีลักษณะบางอย่างที่ยังพอให้เราได้สังเกตได้ค่ะ ดังนั้นเราว่าเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันดีกว่าค่ะว่า ตั้งครรภ์ 2 สัปดาห์ อาการเป็นอย่างไร และเราควรที่จะปฏิบัติตัวอย่างไรกันบ้าง
การสังเกตระยะไข่ตก
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า เราจะเริ่มนับตอนถึงจะรู้ว่าเรานั้น ตั้งครรภ์ 2 สัปดาห์ หรือกี่สัปดาห์แล้ว ทางสูตินรีแพทย์นั้น เขาเริ่มนับการตั้งครรภ์ ตั้งแต่วันที่ประจำเดือนมาครั้งสุดท้าย ซึ่งจะถูกประเมินว่า เป็น 1 หรือ 2 สัปดาห์ก่อนที่คุณแม่จะตั้งท้องนั่นเอง
โดยทั่วไปผู้หญิงเรามักจะมีรอบเดือนในช่วงระยะ 28 วัน ดังนั้น โอกาสที่ไข่ตก จะอยู่ที่วันที่ 15 นั่นเอง ซึ่งเกณฑ์นี้ เป็นการกะเกณฑ์โดยรวม เพราะโดยปกติแล้ว ผู้หญิงแต่ละคน จะมีช่วงระยะของรอบเดือนไม่เท่ากัน ดังนั้นการสังเกตตัวเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ
วิดีโอจาก : drnoithefamily
อาการที่เกิดขึ้นเมื่อตั้งครรภ์ 2 สัปดาห์
อย่างที่เกริ่นมาในข้างต้นว่า การตั้งครรภ์ในระยะแรกนั้น อาการต่าง ๆ ที่เคยได้ยินมา อาจจะยังไม่ปรากฏชัดเจน แต่เมื่อครรภ์เข้าสู่สัปดาห์ที่สอง ในช่วงสัปดาห์นี้ การใช้เครื่องตรวจสอบการตั้งครรภ์นั้นสามารถตรวจสอบได้แล้วค่ะ แม้ผลที่ออกมา จะยังไม่สามารถแสดงผลออกมาได้ชัดเจนนัก เนื่องจากระดับฮอร์โมนยังมีการเปลี่ยนแปลงไม่มาก แต่ก็ยังมีอาการให้ได้สังเกตบ้างเล็กน้อย ดังนี้
1. จะมีมูกออกมาจากช่องคลอด
หลายคนอาจจะกังวลใจเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมไหลออกมาจากช่องคลอด ซึ่งลักษณะของมูกนั้น แต่จะมีลักษณะใส ลื่น และยืดได้ คล้าย ๆ กับไข่ขาวดิบ หรือที่เรามักจะเรียกกันว่าตกขาวนั่นเอง
มูกที่ออกมานั้น เป็นตัวช่วยให้เชื้ออสุจิเดินทางเข้าไปหารังไข่ได้ง่ายขึ้น ดังนั้น จะพบว่ามูกมักจะเกิดขึ้นในช่วงใกล้ไข่ตก ซึ่งเป็นภาวะปกติของร่างกาย หากแต่ ถ้ามูกที่ออกมานั้น มีสีเข้ม หรือมีกลิ่น ควรจะรีบไปปรึกษาแพทย์โดยด่วนค่ะ
2. ปวดท้องน้อย หรือปวดท้องส่วนล่าง
โดยมากอาการนี้ มักจะเกิดช่วงระหว่างกลางของรอบเดือน เป็นช่วงระหว่างการตกไข่ หรือประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่ประจำเดือนจะมา อาจจะทำให้ตัวคุณแม่ รู้สึกปวดจี๊ดด้านใดด้านหนึ่งของท้องน้อย ซึ่งศัพท์ทางการแพทย์จะเรียกอาการนี้ว่า Mittelschmerz
3. มีความต้องการทางเพศสูงขึ้นในบางคน
โดยมากช่วงระยะไข่ตกนี้ ร่างกายจะปรับเปลี่ยนฮอร์โมน ให้เกิดความรู้สึกของการอยากมีเพศสัมพันธ์มากขึ้นกว่าปกติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเหมือนกันทุกคนไป
4. อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้น
อุณหภูมิของคุณจะเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อคุณตกไข่ โดยจะเกิดการตั้งครรภ์ซักระยะ แล้วจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่สูงขึ้นภายในร่างกาย
5. อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง ร่างกายจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังส่งผลถึงอารมณ์ได้อีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : 6 อาการคนท้อง ตั้งครรภ์ไตรมาสแรก 1-3 เดือน ที่ส่วนใหญ่ต้องเจอ!
6. คลื่นไส้ หรืออาเจียน
ในระยะนี้ การรับรู้กลิ่นจะไวขึ้นกว่าเดิม ทำให้จะเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ จนทำให้เกิดความรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนได้ แต่อาการนี้ จะเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 – 9
7. รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
เนื่องจากร่างกายมีการปรับเปลี่ยนมากขึ้น ก็เหมือนกับระบบภายในมีการใช้พลังงานอย่างมหาศาลในการสร้างทารก ไม่แตกต่างจากการออกกำลังกายที่หนัก จนทำให้เรารู้สึกเหนื่อย และอ่อนเพลียง่ายกว่าเดิม ในบางราย อาจจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ หรือหน้ามืด เป็นลมได้ในระยะแรก ๆ
8. ประจำเดือนขาด
เมื่อเราสังเกตได้ว่าประจำเดือนขาด โดยมากจะถูกนับเป็นการตั้งครรภ์ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 หรือ 3 ระยะนี้ หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์เบื้องต้น ก็จะสามารถทำได้ ซึ่งอาจจะเห็นผลได้ไม่ชัดเจนมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของระดับเอสโตรเจนในร่างกาย
9. ปัสสาวะบ่อยขึ้น
ในช่วงนี้จะเริ่มมีปัสสาวะเพิ่มขึ้น จะมีลักษณะการปัสสาวะแบบกะปริดกะปรอย แต่จะบ่อย และถี่ หลายครั้งอาจจะสร้างความน่ารำคาญให้กับตัวคุณแม่พอสมควร แต่จะเป็นลักษณะนี้เรื่อย ๆ เนื่องจาก เมื่อมดลูกเริ่มมีการขยายตัว ก็จะเริ่มบีบพื้นที่ของกระเพาะปัสสาวะ
10. หน้าอกเริ่มขยาย และมีอาการเจ็บบริเวณหัวนม
ในระยะนี้หน้าอกจะเริ่มขยายขึ้น จะรู้สึกเจ็บช่วงหน้าอก โดยเฉพาะบริเวณหัวนม โดยเฉพาะเวลาที่สวมใส่เสื้อชั้นใน จะทำให้เกิดความรู้สึกระคายเคืองมากยิ่งขึ้นกว่าปกติ อาการนี้จะเป็นช่วง 1 – 2 เดือนแรก หลังจากนั้น อาการจะเริ่มบรรเทาลง แล้วจะมารู้สึกเจ็บอีกที ช่วงใกล้คลอด
11. มีเลือดออกเล็กน้อย
ประมาณวันที่ 5 – 10 ของการปฏิสนธิ จะมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย แต่ไม่ใช่การมาของประจำเดือน โดยเลือดนี้ เกิดขึ้นเนื่องจาก การฝังตัวของไข่ ในผนังมดลูก นั่นเอง
12. ท้องอืด
เมื่อร่างกาย เริ่มปรับเปลี่ยนเพื่อเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์ จะมีการปรับเพื่อเก็บกักอาหาร เพื่อนำไปเลี้ยงตัวอ่อน (ทารก) จึงส่งผลให้ ระบบย่อยอาหาร อาจจะทำงานช้าลง จนทำให้เกิดลมในท้อง และท้องอืด ในระยะนี้ บางคนจะรู้สึกว่า ท้องเริ่มยื่นออกมา แต่ความเป็นจริงแล้ว การที่ท้องยื่นออกมานั้น ไม่ได้เกิดจากตัวอ่อน แต่หากเป็นลมในท้องที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : อาการ ครรภ์เป็นพิษ เป็นอย่างไร สาเหตุของครรภ์เป็นพิษคือ?
ตั้งครรภ์ 2 สัปดาห์ อัลตราซาวนด์ได้หรือไม่
สำหรับคุณแม่ที่เป็นกังวลจนอยากจะเข้ารับการตรวจอัลตราซาวนด์นั้น โดยมากทางแพทย์จะไม่นิยมตรวจให้ เนื่องจาก การตรวจอัลตราซาวนด์ ในระยะนี้ จะยังไม่สามารถเห็นถึงตัวอ่อนได้แต่อย่างใด
เนื่องจากขนาดของไข่ที่มีการปฏิสนธินั้น จะมีขนาดที่เล็กกว่าเกล็ดพริกไทยที่ถูกบดแล้ว การจะทำอัลตราซาวนด์ เพื่อสังเกตตัวอ่อนในครรภ์ จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว แต่ในระยะนี้ คุณแม่สามารถใช้วิธีการจดสถิติ เพื่อเป็นการคำนวณการตั้งครรภ์แทน หรือสังเกตอาการที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวันก็จะช่วยได้ค่ะ
สิ่งที่ควรทำในการตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 2
- มองหาสัญญาณที่บอกว่าตกไข่
- มีเพศสัมพันธ์วันเว้นวัน เมื่อใกล้ช่วงไข่ตก
- กินวิตามินที่สามารถช่วยในเรื่องของการตั้งครรภ์ ร่วมกับกรดโฟลิกทุกวัน
อุปกรณ์การตรวจการตั้งครรภ์
ทุกวันนี้นอกจากชุดอุปกรณ์สำหรับตรวจการตั้งครรภ์ ที่มีทั้งแบบจุ่ม แบบปัสสาวะผ่าน หรือแบบหยดแล้ว เนื่องจากคุณแม่ยังมีครรภ์ที่อ่อน บางครั้งการตรวจด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ อาจจะไม่สามารถบอกผลได้อย่างชัดเจนในช่วงต้น ดังนั้น การเจาะเลือดเพื่อตรวจการตั้งครรภ์ จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับคุณแม่ทั้งหลาย ที่ต้องการทราบผลที่ชัดเจน
แต่หากคุณแม่ไม่สะดวก และไม่มั่นใจในการตรวจเลือดเพื่อทดสอบ ก็ยังสามารถใช้ ที่ตรวจครรภ์ดิจิทัล ที่นอกจากจะมีประสิทธิภาพในการตรวจการตั้งครรภ์แล้ว ยังสามารถบอกถึงอายุการตั้งครรภ์ของคุณแม่ได้อีกด้วย โดยเครื่องตรวจครรภ์นี้ จะสามารถแสดงผลได้ถึง 4 แบบด้วยกัน คือ ไม่ท้อง, ท้อง 1-2 สัปดาห์, ท้อง 2-3 สัปดาห์ และท้อง 3 สัปดาห์ขึ้นไป โดยหน้าจอ จะสามารถแสดงผลอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมง โดยเราสามารถถ่ายรูปเก็บไว้ เพื่อนำไปยืนยัน หรือประกอบข้อมูล เพื่อทำการฝากท้อง หรือพบแพทย์
อย่างไรก็ตาม หากคุณยังรู้สึกไม่มั่นใจในการตรวจครรภ์ด้วยตัวของคุณเอง ก็สามารถไปที่คลินิก หรือโรงพยาบาล เพื่อทำการตรวจครรภ์ด้วยวิธีอื่น ๆ ได้เช่นกัน และหากทราบผลว่าคุณตั้งครรภ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงระยะครรภ์อายุเท่าใดก็ตาม การฝากครรภ์ที่เร็วที่สุด เป็นสิ่งจำเป็น เพราะยิ่งฝากครรภ์ได้เร็ว ลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ของคุณ ก็จะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น และตัวเราเองก็สามารถระมัดระวังทั้งเรื่องอาหาร และกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมเช่นกัน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ตั้งครรภ์ 3 สัปดาห์ อาการเป็นอย่างไร สามารถอัลตราซาวนด์ได้หรือไม่
ตั้งครรภ์ 1 สัปดาห์ อาการคนท้อง และพัฒนาการของทารกในครรภ์
อาการเหมือนคนท้อง แต่ไม่ท้อง คุณแม่เคยเป็นกันไหม
แชร์ประสบการณ์หรือ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอาการคนท้อง 2 สัปดาห์ ได้ที่นี่!
อาการคนท้อง 2 สัปดาห์ เป็นไงบ้างคะ เริ่มแพ้ท้องรึยัง
ที่มา : healthline, mamastory