ไข้อีดำอีแดงระบาด เตือนแม่! สังเกต “ลิ้น” ของลูกน้อยให้ดี

lead image

หมอเตือนให้ระวัง ไข้อีดำอีแดงระบาด เรามาทำความรู้จักกับไข้อีดำอีแดง พร้อมวิธีสังเกตอาการลูกน้อยโดยเฉพาะ "ลิ้น" ถ้าเจอแบบนี้ ต้องรีบพาไปหาหมอ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คุณแม่เคยได้ยินชื่อ “ไข้อีดำอีแดง” ไหมคะ? ฟังดูเหมือนชื่อโรคโบราณที่ไม่คุ้นหู แต่รู้หรือไม่ว่าโรคนี้กำลังระบาด และหมอก็ออกมาเตือนให้ระวัง ไข้อีดำอีแดงระบาด กันด้วย!

โรคนี้คืออะไร? ร้ายแรงแค่ไหน? แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกน้อยกำลังป่วย? บทความนี้มีคำตอบ! เรามาทำความรู้จักกับไข้อีดำอีแดง พร้อมวิธีสังเกตอาการลูกน้อยโดยเฉพาะ “ลิ้น” ถ้าเจอแบบนี้ ต้องรีบพาไปหาหมอทันที!

ไข้อีดำอีแดงระบาด เตือนแม่! สังเกต “ลิ้น” ของลูกน้อยให้ดี

เพจเฟซบุ๊ค เอฟเอ็มซีคลินิกเวชกรรม ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า

หากลูกของท่านมีอาการแบบนี้ นั่นคือ ไข้อีดำอีแดง

ตอนนี้กำลังระบาด เฉพาะที่มารับการรักษาที่คลินิกเราสัปดาห์นี้ก็ 4-5 รายแล้ว

ไข้อีดำอีแดง (Scarlet fever) จะมีลักษณะให้สังเกตได้ จะพบว่าที่ลิ้นผิดปกติไปที่เรียกว่า ลิ้นสตรอเบอรี่”strawberry tongue

-> เกิดการอักเสบของลิ้น glossitis ทำให้มีลักษณะเป็นปื้น สีขาวปกคลุมลิ้น และเกิด hypertrophy การโตของ fungiform papillae เกิดตะปุ่มตะป่ำ คล้ายผิวสตรอเบอรี่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

-> ไข้ดำแดง เกิดจากแบคทีเรีย (Streptococcus) พบบ่อยสุด

-> มักพบในเด็กอายุมากกว่า 3 ปี มีอาการเจ็บคอ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก คอแดงลักษณะเป็น petechiae และผื่นตามตัวลักษณะเป็น fine maculopapula rash ผื่นจะหยาบคล้ายกระดาษทราย

-> รักษาด้วย penicillin เป็นเวลา10วัน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ซึ่ง ไข้อีดำอีแดงระบาด เช่นนี้อันตรายไม่น้อยเลยค่ะ เพราะอาจเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงได้ theAsianparent จึงมีข้อมูลเพิ่มเติมมาฝาก เพื่อให้คุณแม่รู้จักไข้อีดำอีแดงดียิ่งขึ้น และสามารถรับมือได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

 

ไข้อีดำอีแดง คืออะไร?

ไข้อีดำอีแดง หรือ Scarlet Fever จริงๆ แล้วเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า “สเตร็ปโตคอคคัส” ซึ่งทำให้ลูกน้อยมีผื่นแดงขึ้นตามตัว แถมยังเจ็บคอ คออักเสบอีกด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ไข้อีดำอีแดง จะพบบ่อยในช่วงอายุเท่าใด?

ส่วนใหญ่แล้วไข้อีดำอีแดง จะพบมากในเด็ก อายุ 5-15 ปีค่ะ

 

เชื้อสเตร็ปโตคอคคัสคืออะไร?

เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคออักเสบ ผื่นแดงตามตัว หรือแม้แต่โรคหัวใจรูมาติกก็เกิดจากเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสเช่นกัน

 

ลูกน้อยติดเชื้อนี้ได้อย่างไร?

เชื้อสเตร็ปโตคอสคัสจะแอบอยู่ในน้ำลาย น้ำมูก หรือเสมหะของคนที่ป่วย เวลาลูกน้อยอยู่ใกล้ๆ คนป่วย แล้วหายใจเอาละอองฝอยเล็กๆ ที่มีเชื้อพวกนี้เข้าไป ก็อาจจะติดเชื้อได้ หรือบางทีแค่จับของเล่น แก้วน้ำ หรือผ้าเช็ดหน้าร่วมกับคนป่วย ก็ติดได้เหมือนกัน

 

ไข้อีดำอีแดง อาการเป็นอย่างไร?

  • ระยะแรก: ลูกอาจจะตัวร้อนๆ หนาวๆ ปวดหัว ไม่มีแรง เจ็บคอ
    คุณแม่ลองสังเกตลิ้นดู ถ้ามีตุ่มแดงๆ ขึ้น คล้ายผลสตรอเบอร์รี่ แถมคอบวมแดง มีหนอง ต้องระวัง!
  • หลังจากนั้น 1-2 วัน: จะเริ่มมีผื่นแดง ขึ้นที่คอ หน้าอก แล้วก็ลามไปทั่วตัว ผื่นนี้จะสากๆ คล้ายๆ กระดาษทราย แต่ส่วนใหญ่จะไม่ขึ้นที่หน้า
  • ผ่านไป 3-4 วัน: ผื่นจะเริ่มจางลง แล้วก็จะเริ่มลอกเป็นแผ่นๆ โดยเฉพาะที่ง่ามแขน ขาหนีบ 
  • ที่สำคัญ: โรคนี้สามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอย่างโรคหัวใจหรือไตอักเสบได้ด้วย

ขอบคุณภาพจาก : เอฟเอ็มซีคลินิกเวชกรรม

ไข้อีดำอีแดงในเด็ก อันตรายอย่างไร?

เมื่อ ไข้อีดำอีแดงระบาด สิ่งที่ควรทราบคือ โรคนี้มีความอันตรายแฝงอยู่สำหรับเด็กๆ อย่างไรบ้าง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. โรคแทรกซ้อนที่รุนแรง

  • ไข้รูมาติก: เกิดจากการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย แต่ภูมิคุ้มกันนั้นกลับไปทำลายเนื้อเยื่อหัวใจ ส่งผลให้เกิดการอักเสบที่หัวใจ ลิ้นหัวใจ ข้อต่อ หลอดเลือด และสมอง ในระยะยาวอาจทำให้ลิ้นหัวใจผิดปกติ หัวใจทำงานหนัก และอาจรุนแรงถึงขั้นหัวใจวายได้
  • ไตอักเสบเฉียบพลัน: ภูมิคุ้มกันของร่างกายไปทำลายไต ทำให้เกิดการอักเสบ มีอาการบวม ปัสสาวะน้อย ปัสสาวะมีสีแดง หรือมีเลือดปน ในรายที่รุนแรงอาจทำให้ไตวายได้
  1. การแพร่กระจายเชื้อ

เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคนี้สามารถแพร่กระจายได้ง่าย ผ่านทางการไอ จาม น้ำลาย หรือการสัมผัส ทำให้เด็กๆ ในบ้าน โรงเรียน หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก มีโอกาสติดเชื้อต่อๆ กันได้ง่าย

  1. การรักษาที่ไม่ครบถ้วน

ถึงแม้ว่าอาการของลูกจะดีขึ้นหลังจากทานยาปฏิชีวนะ แต่คุณแม่ต้องให้ลูกทานยาจนครบตามที่คุณหมอสั่งนะคะ เพราะการหยุดยาเร็วเกินไป อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียยังไม่ตายหมด และเพิ่มโอกาสการเกิดโรคแทรกซ้อนได้

  1. ภาวะขาดน้ำ

เด็กที่ป่วยเป็นไข้อีดำอีแดงมักจะมีไข้สูง เจ็บคอ ทำให้ไม่อยากกินอาหารและดื่มน้ำ ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำได้ คุณแม่ควรดูแลให้ลูกดื่มน้ำมากๆ และกินอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย

สิ่งที่คุณแม่ควรสังเกต

  • มีไข้สูง 
  • เจ็บคอ
  • ผื่นแดงตามตัว
  • ลิ้นเป็นตุ่มแดง คล้ายผลสตรอเบอร์รี่ หรือเรียกว่า ลิ้นสตรอเบอร์รี่
  • ต่อมน้ำเหลืองโต

 

ทำอย่างไร หากสงสัยว่าลูกเป็นไข้อีดำอีแดง?

หากสงสัยว่าลูกเป็นไข้อีดำอีแดงให้รีบพาลูกไปหาหมอนะคะทันทีนะคะ ยิ่งรักษาเร็วยิ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อนได้ โดยคุณหมอจะตรวจดูอาการ และอาจขูดเชื้อในคอไปตรวจ หากเป็นไข้อีดำอีแดงจริงๆ คุณหมอจะให้ยา penicillin มาทานเป็นเวลา10วัน ร่วมกับยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้เด็ก โดยไข้จะลดลงภายใน 12-24 ชั่วโมง หลังจากได้รับยาฆ่าเชื้อ และต้องให้ลูกน้อยทานยาให้ครบตามที่คุณหมอสั่ง ถึงแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม 

 

วิธีป้องกัน ไข้อีดำอีแดง

  • ดูแลสุขภาพลูกให้แข็งแรง: กินอาหารครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ล้างมือบ่อยๆ: สอนลูกให้ล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนกินข้าว หลังเข้าห้องน้ำ 
  • อย่าใช้ของร่วมกับคนอื่น: เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า 
  • ถ้ามีคนป่วย: ให้ลูกอยู่ห่างๆ คนป่วย 

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับแม่ๆ ทุกคน ในการดูแลลูกน้อยให้แข็งแรง ปลอดภัยจาก ไข้อีดำอีแดงระบาด ในครั้งนี้นะคะ 

 

ขอบคุณและรูปภาพจาก : เอฟเอ็มซีคลินิกเวชกรรม , สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลูกป่วยเพราะเขียง เตือน! พ่อแม่อย่ามองข้าม แหล่งก่อเชื้อโรคร้ายให้ลูกน้อย

รู้ไว้ให้ชัวร์! ยาสีฟันมีฟลูออไรด์ ทำเด็ก IQ ต่ำลง จริงไหม?

รู้จัก เชื้อเอนเทอโรไวรัส และ สัญญาณโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากเชื้อไวรัส