เรตินอล ปลอดภัยสำหรับคนท้องหรือไม่?

ผู้หญิงมากมายใช้ทั้งครีมบำรุงหน้าและโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำทุกวันโดยไม่ได้คิดอะไรมากว่าผิวของคุณดูดซึมอะไรเข้าไปในร่างกายบ้าง แม้ว่าครีมบำรุงและโลชั่นเหล่านี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่สารบางอย่างอาจเป็นอันตรายต่อลูกในท้องคุณได้ คุณอาจเคยได้ยินว่าการใช้เรตินอลระหว่างการตั้งครรภ์เป็นอันตราย แต่ว่านี่เป็นเรื่องจริงรึเปล่า? มาดูกันดีกว่า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เรตินอล เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์ คุณอาจเคยได้ยินว่า เรตินอล ปลอดภัยสำหรับคนท้องหรือไม่? แล้วคนท้องใช้เครื่องสำอางค์ได้ไหม เมื่อคุณตั้งท้อง บางทีคุณ อาจละเลยเรื่องสิ่งที่คุณทาบนผิวหน้าผิวกายของคุณไปเสียสนิท  ผู้หญิงอย่างเราก็ต้องบำรุงผิวกันเป็นธรรมดาใช่ไหมละคะ ?

เรตินอล ปลอดภัยสำหรับคนท้องหรือไม่?

คนท้อง ใช้เรตินอล ได้ไหม ปลอดภัย สำหรับ คนท้อง หรือไม่

สารประกอบเครื่องสำอางค์ ที่คุณแม่ท้อง และให้นมลูกควรระวัง และหลีกเลี่ยง เรตินอล

สิ่งที่เรียกความมั่นใจให้คุณแม่มือใหม่ คงหนีไม่พ้นการแต่งหน้า และ บำรุงรักษาผิวให้ดูดี คนท้องหลายท่าน คงเคยสงสัยว่าช่วงเวลาที่ท้อง ยังสามารถใช้เครื่องสำอางค์ที่มี เรตินอล ได้หรือไม่  แล้วเครื่องสำอางค์คนท้อง ที่ปลอดภัยหาได้ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว  (skincare)  หรือ แต่งหน้า (makeup) อันที่จริงแล้ว คุณแม่ยังสามารถปรนนิบัติผิว และ แต่งหน้าได้ เพียงแต่ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น

เรตินอล คืออะไร?

อันดับแรกสุด เราต้องมาทำความเข้าใจ เรื่องความแตกต่างระหว่างเรตินอล และเรตินอยด์กันก่อน เรตินอลคืออีกชื่อหนึ่งของวิตามินเอซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผิวและการสร้างเซลล์ใหม่ ร่างกายของคุณสามารถสร้างเรตินอลได้จากเบต้า แคโรทีนซึ่งสามารถพบได้ตามธรรมชาติในอาหาร ส่วนเรตินอยด์เป็นสารเคมีที่สร้างได้จากวิตามินเอ มีการใช้เรตินอยด์กันโดยทั่วไป ในการรักษาเพื่อความงาม และครีมลดริ้วรอยแห่งวัย เนื่องจากเรตินอยด์ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระได้ แต่บางทีมีการเรียกเรตินอยด์ในครีมเหล่านี้ว่าเรตินอลก็มี

 

เตรียมความ พร้อมสำหรับ คุณแม่ สารเรตินอล ปลอดภัย สำหรับ คุณแม่ หรือไม่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ทำไมคุณ จึงควรหลีกเลี่ยง เรตินอลระหว่าง การตั้งครรภ์?

ผลการศึกษาค้นพบว่าการได้รับเรตินอลในช่วงตั้งครรภ์อาจก่อให้เกิดอันตรายและอาจทำให้เกิดความผิดปกติกับทารกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินเรตินอลโดยตรงจะทำให้เกิดอันตรายมากเป็นพิเศษเมื่อคุณใกล้คลอด ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมการได้รับเรตินอลปริมาณมากจึงก่อให้เกิดอันตรายกับเด็กในท้อง แต่มีการค้นพบว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณเรตินอลและความผิดปกติกับเด็กทารกแรกเกิด ซึ่งมีตั้งแต่ ขนาดร่างกายผิดปกติและการบกพร่องทางสติปัญญา

เนื่องจากสารดังกล่าวสามารถได้รับการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านผิวหนังของคุณ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าคุณควรหลีกเลี่ยงเรตินอลระหว่างการตั้งครรภ์

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ทำไมคุณ จึงควรหลีกเลี่ยง เรตินอลระหว่าง การตั้งครรภ์?

แต่อย่างไรก็ตาม....

หากคุณใช้ครีมที่มีเรตินอล ผสมอยู่โดยที่ไม่ได้รู้ตัวมาก่อนก็อย่าได้ตกใจไป ปริมาณของเรตินอยด์ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวโดยทั่วไปนั้นอยู่ในระดับที่ปลอดภัยตราบเท่าที่คุณใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่เกินร้อยละ 10 ของพื้นผิวร่างกาย คำเตือนเรื่องเรตินอลจะมุ่งเน้นไปที่การสั่งจ่ายเรตินอลเข้มข้นมากกว่า แพทย์จะเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่าโดยการไม่แนะนำให้คุณใช้เรตินอลเลยระหว่างการตั้งครรภ์เนื่องจากแต่ละคนให้นิยามคำว่า “พอประมาณ” ไม่เหมือนกันเลย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ปริมาณ ของ เรตินอยด์ ในผลิตภัณฑ์ บำรุงผิวโดย ทั่วไปนั้น อยู่ใน ระดับที่ ปลอดภัย

สรุปง่าย ๆ คือ คนท้องใช้เรตินอล มีโอกาสที่จะทำให้เกิดปัญหาเด็กคลอดออกมาผิดปกติได้น้อยมาก อย่างไรก็ดี สำคัญเลยคือ คุณต้องใช้อย่างพอประมาณ นอกจากนี้คุณควรหลีกเลี่ยงครีมที่มีปริมาณเรตินอลเข้มข้น หรือ ที่เรียกว่า ไอโซเตรทติโนอิน ซึ่งมักพบโดยทั่วไปในครีมแก้สิว

คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ เมื่อคุณสงสัยอะไรก็อย่าใช้อย่าลอง แน่นอนว่าคุณคงพอจะจัดการยอมหยวน ๆ กับเรื่องกิจวัตรการบำรุงผิวสำหรับเก้าเดือนข้างหน้าได้ ถ้าคุณไม่อยากเสี่ยงใช้เรตินอลระหว่างการตั้งท้องล่ะก็ หันมาใช้น้ำมันโรสฮิพแทนสิ หรือจะใช้ในระยะยาวเลยก็ได้นะ  เพราะน้ำมันโรสฮิพ มีคุณสมบัติต้านริ้วรอยแห่งวัยโดยปราศจากผลข้างเคียงที่เป็นพิษยังไงล่ะ

 

สารเคมี ในเครื่องสำอาง ที่แม่ตั้งครรภ์ ห้ามใช้

นอกจากนี้...  สารเคมีในเครื่องสำอางที่แม่ตั้งครรภ์ห้ามใช้  ที่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ผิวหนังของสหรัฐอเมริกาว่าปลอดภัย

คุณแม่ที่ท้องได้  2-3  เดือนขึ้นไปจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของหน้าตาผิวพรรณชัดขึ้นทุกวัน  โดยเฉพาะอาการสิว และ ผิวหมองคล้ำ จึงเป็นธรรมดาที่จะใส่ใจเรื่องความงามมากขึ้น แต่จะรักสวยรักงามแค่ไหน ก็ห้ามละเลยส่วนผสมในเครื่องสำอาง และ สกินแคร์ที่ใช้นะคะ เพราะมีหลายชนิดที่คุณแม่จะต้อง Say No แบบไม่ลังเลเลยค่ะ

ถ้าจะให้ดี  แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติ Bidens Pilosa อย่าง PregSkin ที่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ผิวหนังของสหรัฐอเมริกาว่าปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย ช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์มี Pregnancy Glow ได้สมใจ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

1. Vitamin A

สาร กลุ่มวิตามินเอ หรือเรตินอยด์

วิตามินเอ (Vitamin A) เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งต้องใช้ไขมันและแร่ธาตุมาช่วยในการดูดซีมเข้าสู่ร่างกาย โดยร่างกายคนเราสามารถเก็บสะสมวิตามินเอได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานอาหารเสริมทดแทนทุกวันแต่อย่างใด

วิตามินเอแบ่งเป็น 2 ชนิดคือ วิตามินเอแบบสำเร็จที่เรียกว่า เรตินอล Retinol (พบในอาหารที่มาจากสัตว์เท่านั้น) และโปรวิตามินเอหรือแคโรทีน (พบทั้งพืชและสัตว์) ซึ่งวิตามินเอนั้นมีหน่วยวัดเป็น IU, USP และ RE โดยที่นิยมใช้กันมากก็คือหน่วย IU

สารกลุ่มวิตามินเอหรือเรตินอยด์ ไม่ว่าจะเป็น  Retinyl  Palmitate,  Retinol,  Retinaldehyde,  Adapalene,  Tretinoin,  Isotretinoin  และ  Tazarotene  ที่มักพบในยารักษาสิว หรือ ต้านริ้วรอยเป็นอันตรายหมายเลขหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ ถึงขั้นแท้งหรือพิการแต่กำเนิดได้เลยค่ะ

2. Salicylic Acid (BHA)

ปัจจุบัน เอเอชเอหรือกรดผลไม้ นิยมใช้กันมาก ในวงการแพทย์ผิวหนัง

AHA (เอเอชเอ) ย่อมาจากคำว่า alpha hydroxy acid หมายถึงสารประกอบที่มีฤทธิ์เป็น กรด เป็นสารที่สกัดจากผลไม้ธรรมชาติ เช่น กรด ซิตริกจากมะนาว ส้ม และส้มโอ กรดมัลลิกจาก แอปเปิ้ล กรดไกลโคลิกจากอ้อย กรดแล็กติกจาก นมเปรี้ยว กรดทาร์ทาลิกจากมะขาม และไวน์

เป็นส่วนประกอบสำคัญของครีมหน้าใส  ที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิวชั้นบนให้หลุดลอกก่อนเวลา และ ไม่ใช่ส่วนผสมที่เหมาะกับว่าที่คุณแม่แม้แต่น้อย เพราะนอกจากสารชนิดนี้จะสร้างความระคายเคืองให้ผิวหนัง ยังพิสูจน์แล้วว่าเป็นต้นเหตุของความผิดปกติในตัวอ่อนสัตว์ คุณแม่จึงควรหลีกเลี่ยงนะคะ

3. Benzoyl Peroxide (BP)

16ผลไม้ที่ควรกินตอนท้อง

ยาลดหัวสิวชนิด  Benzoyl  Peroxide (BP) เป็นยาที่แพทย์ให้ทาก่อนล้างหน้าเพื่อรักษาสิว และ มีฤทธิ์ค่อนข้างรุนแรงจนอาจส่งผลให้บริเวณที่ทายามีอาการระคาย ไวต่อแสง ผิวแตกแห้ง ปวดแสบปวดร้อน โดยเฉพาะในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ผิวเซนซิทีฟกว่าปกติ ฉะนั้น เพื่อความปลอดภัย แนะนำว่าไม่ควรเสี่ยงดีกว่าค่ะ

 

The Asianparent Thailand

เว็บไซต์ และ คอมมูนิตี้อันดับหนึ่งที่คุณแม่เลือก นอกจากสาระความรู้ที่เรามอบให้คุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ การวางแผนมีลูกแล้ว เรายังมีแอพพลิเคชั่นรวมถึงสื่อมัลติมีเดียหลากหลายที่ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแม่ยุคใหม่ ที่ต้องทำงาน และ ดูแลลูกไปพร้อมกัน ให้มีความมั่นใจ และ พร้อมในการดูแลลูกทุกช่วงเวลา  ตั้งแต่การให้นมบุตร  การดูแลตนเองหลังคลอด  ท่าออกกำลังกายหลังคลอด  เพื่อให้หุ่นของแม่หลังคลอดกลับมาฟิตแอนเฟิร์มอีกครั้ง  The Asianparent Thailand ขอเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะสนับสนุนคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องการดูแลลูก ความรู้แม่ และ เด็กที่เต็มเปี่ยม และ ตอบทุกข้อสงสัยในแอพพลิเคชั่นที่เป็นสื่อกลาง และ กิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวไทย

 

ที่มา : 1

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

ถ้าไม่อยากให้ลูกโง่ อย่าทำแบบนี้! การกระทำบางอย่างของพ่อแม่อาจทำร้ายลูก

https://dlibrary.childrenhospital.go.th/bitstream/handle/6623548333/203/qsnich-healthy-happy-child.pdf?sequence=3

วิจัยเผย คนท้องอ้วนอันตราย มีผลร้ายกับแม่และลูก มาดูเหตุผลไปพร้อมกัน!

บทความโดย

Angoon