ความเครียดของแม่ ทำให้ลูกเรียนไม่เก่ง
วิจัยชี้ แม่เครียดมาก ทำให้ลูกเรียนไม่เก่ง : ผู้วิจัยได้ทำการคัดเลือกคุณแม่จาก 1,760 ครอบครัว และได้ทำการทดสอบความเครียดของแม่เมื่อลูกอายุ 15 เดือน
คุณแม่ได้เล่าถึงความทุกข์ในบทบาทแม่แก่ผู้วิจัย เช่น “ฉันรู้สึกถูกกักขังด้วยหน้าที่ของความเป็นแม่” “ลูกของฉันทำให้ฉันต้องใจร้ายใส่เขา” เป็นต้น
เมื่อลูกอายุ 25 เดือน (ก่อนที่ลูกจะเข้าโรงเรียนอนุบาล) ผู้วิจัยได้ทดสอบความใกล้ชิดระหว่างแม่กับลูก โดยคุณแม่ได้ให้ข้อมูลว่าตนมีความเซนซิทีฟ ต่ออารมณ์ของลูก ความสนใจ ความต้องการ และความสามารถของลูกมากแค่ไหน
เมื่อลูกเข้าโรงเรียน ผู้วิจัยได้ทำการทดสอบความสามารถในการควบคุมตนเองของเด็ก ทักษะด้านคำศัพท์ และทักษะด้านวิชาการ
เพราะอะไรจึงต้องทดสอบทักษะการควบคุมตนเองของเด็ก เพราะทักษะดังกล่าวมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารมณ์ความรู้สึกของเด็ก โดยปกติเด็กจะสามารถทำให้ตัวเองสงบลงและรู้สึกดีขึ้นได้เมื่อรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อสภาวะทางอารมณ์ของเด็ก
แม่เครียดมาก ระวังลูกโง่
ผู้วิจัยพบว่า ความเครียดของแม่ที่เกิดจากการเลี้ยงลูกเมื่อลูกอายุ 15 เดือนมีผลต่อความใกล้ชิดระหว่างแม่กับลูกเมื่อลูกอายุ 25 เดือน อาจกล่าวได้ว่า ยิ่งแม่มีความเครียดในการเลี้ยงลูกมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างแม่กับลูกในเวลาต่อมา
ในทางกลับกันก็พบว่า การที่แม่กับลูกมีความใกล้ชิดกันมีความสัมพันธ์กับความสามารถในการควบคุมตนเองของลูก ทักษะด้านคำศัพท์ และทักษะด้านวิชาการ ซึ่งหมายความว่า เด็กจะมีผลการเรียนที่ดีกว่าเมื่อเข้าโรงเรียนถ้าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับแม่นั่นเอง
จากผลการศึกษานี้สรุปได้ว่า ความเครียดในการเลี้ยงดูลูกสามารถทำนายความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างแม่กับลูก ซึ่งจะส่งผลให้ลูกมีความสามารถในการควบคุมตนเองต่ำ รวมถึงมีความสามารถทางวิชาการต่ำด้วย
ผู้วิจัยแนะนำว่า ครอบครัวเป็นสถาบันแรกที่จะช่วยให้เด็กมีความพร้อมเมื่อต้องเข้าโรงเรียน ถ้าสภาพแวดล้อมในครอบครัวไม่ส่งเสริม ทำให้ลูกเข้าโรงเรียนโดยที่ยังไม่พร้อม ก็จะเป็นผลเสียกับตัวเด็กเอง
ดังนั้น หากคุณแม่ลดความเครียดได้ ไม่เพียงดีต่อสุขภาพของคุณแม่เท่านั้น แต่ยังเพื่อพัฒนาการทางสติปัญญาและอารมณ์ของลูกด้วย
ที่มา knowridge.com
บทความที่น่าสนใจอื่นๆ
5 เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่ เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เครียด
กิจกรรมที่ทำแล้วลูกไม่โง่ เรียนเก่ง อารมณ์ดี ไม่งอแง