ทารกคลอดธรรมชาติแข็งแรงด้วย ภูมิคุ้มกันโพรไบโอติก
การคลอดธรรมชาติ ส่งผลดีต่อทั้งแม่และทารกตั้งแต่แรกคลอดกันเลยทีเดียว เพราะ ทารกคลอดธรรมชาติแข็งแรงด้วย ภูมิคุ้มกันโพรไบโอติก
โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) สองคำนี้เหมือนกันหรือไม่?
ในร่างกายของเรานั้นมีจุลินทรีย์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ จุลินทรีย์ที่ไม่ก่อประโยชน์และโทษและจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย หากเกิดความผิดปกติในร่างกาย อาจส่งผลต่อสมดุลของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในทางเดินอาหาร
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากมายในท้องตลาดเกี่ยวกับการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย โดยคำคุ้นหูที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งคือ “โพรไบโอติกส์” และ “พรีไบโอติกส์” มีความแตกต่างกัน ดังนี้
โพรไบโอติกส์คืออะไร ?
โพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็กซึ่งจัดเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ชนิดดี สามารถพบได้ในอาหาร เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ มิโสะ เป็นต้น ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร ให้คำจำกัดความว่า โพรไบโอติกส์ คือ “จุลินทรีย์ที่มีชีวิต เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้สุขภาพดีในภาวะต่างๆ โดยเป็นจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติทนต่อกรดและด่าง สามารถจับที่บริเวณผิวของเยื่อบุลำไส้แล้วผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ รวมถึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพได้”
พรีไบโอติกส์คืออะไร ?
พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออาหารชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งไม่มีชีวิต ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ที่ลำไส้เล็ก อาหารเหล่านี้จึงสามารถเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ได้ในรูปไม่เปลี่ยนแปลง และจะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ ทำให้กระตุ้นการเจริญเติบโตและการทำงานของแบคทีเรีย พบได้ในหัวหอม กระเทียม ถั่วเหลือง ถั่วแดง ไฟเบอร์ในผักและผลไม้ต่าง ๆ เป็นต้น
ทำไมเราถึงควรได้รับโพรไบโอติกส์เสริม?
โพรไบโอติกส์จัดเป็นจุลินทรีย์ที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นจุลินทรีย์ประจำถิ่นหรือ normal flora อย่างหนึ่งในทางเดินอาหาร หากร่างกายมีสุขภาพดีก็จะมีการรักษาสมดุลจุลินทรีย์ให้เป็นปกติ แต่ถ้าหากมีอะไรไปรบกวนสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย จุลินทรีย์ประจำถิ่นในลำไส้ถูกรุกราน อาจเกิดผลกระทบตามมาได้
ลองจินตนาการดู หากร่างกายได้รับยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลานาน ยาเหล่านี้ส่งผลให้จุลินทรีย์ในร่างกายมีจำนวนลดลง เมื่อร่างกายมีการรับเชื้ออื่นซึ่งอาจก่อโรคเข้ามา อาจมีโอกาสสูญเสียจุลินทรีย์ดีในร่างกายได้
ดังนั้นการสร้างสภาวะความสมดุลระหว่าง normal flora และร่างกายนั้นจึงมีความสำคัญ ซึ่งการรับประทานโพรไบโอติกส์จึงเป็นทางเลือกอย่างหนึ่งในการเสริมจุลินทรีย์ชนิดดีและรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย
ทารกคลอดธรรมชาติแข็งแรงด้วยภูมิคุ้มกันโพรไบโอติก
การคลอดธรรมชาติ : โพรไบโอติก
การคลอดตามธรรมชาติ ขณะที่ทารกค่อย ๆ เคลื่อนออกมาจากมดลูกผ่านลงมายังช่องคลอด โพรไบโอติกที่อยู่ในช่องคลอด และในลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง ๆ ใกล้ทวารหนักของคุณแม่จะปนเปื้อนอยู่ในมูกเลือดในช่องคลอด ทารกจึงมีโอกาสได้รับโพรไบโอติก ผ่านเข้าทางปากหรือจมูกแล้วลงไปในลำไส้ใหญ่ เพื่อไปกระตุ้นให้ร่างกายทารกแรกเกิด ให้เริ่มพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้สมบูรณ์ ระบบทางเดินอาหารของเด็กแรกเกิดนั้นมีสภาวะปลอดเชื้อ เด็กที่คลอดโดยธรรมชาติจะได้รับโพรไบโอติกทันที ผ่านทางช่องคลอดของแม่ เป็นการเริ่มต้นของการสะสมโพรไบโอติกโดยธรรมชาติ
ทารกผ่าคลอดจะได้รับโพรไบโอติกหรือไม่?
ผลการวิจัยอีกว่า เด็กผ่าคลอดกว่า 118,400 คน ใน 8 ประเทศ มีอัตราการเจ็บป่วยสูงกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติถึง 20%
รศ.น.พ.วิทยา ถิฐาพันธ์ หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ประเทศไทยมีอัตราการผ่าคลอดเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชน “การคลอดโดยวิธีการผ่าตัด ซึ่งทารกจะถูกล้วงและควักผ่านออกมาทางแผลผ่าตัดหน้าท้องโดยไม่ผ่านช่องคลอด ทำให้หมดโอกาสที่จะได้รับโพรไบโอติกในช่องคลอดและลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง นอกจากนี้ ในการผ่าตัดคลอด คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียขณะผ่าตัดด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้เชื้อแบคทีเรียทั้งเชื้อก่อโรคและโพรไบโอติกถูกฆ่าทำลายไปด้วยกัน ยิ่งเป็นการซ้ำเติมทารกแรกเกิดให้หมดโอกาสที่จะได้รับโพรไบโอติกมากขึ้นไปอีก
ซึ่งจากข้อมูลนี้ คาดการณ์ได้ว่า ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า จะมีเยาวชนและวัยรุ่นที่ไม่แข็งแรง และเป็นโรคภูมิแพ้และหอบหืดจำนวนมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ขณะที่เด็กแข็งแรงส่วนใหญ่จะเป็นเด็กต่างจังหวัดที่คลอดเองตามธรรมชาติ” รศ.นพ.วิทยา กล่าว
เมื่อทราบถึงประโยชน์ของโพรไบโอติก ที่ทารกแรกเกิดจะได้รับจากการคลอดธรรมชาติ แม่ท้องที่กำลังวางแผนการคลอดลูกจะได้ทราบถึงประโยชน์ของการคลอดธรรมชาติที่มีต่อลูกน้อย คือ การสร้างภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืนให้แก่ลูกนั่นเอง มาสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกด้วยการคลอดธรรมชาติกันค่ะ
Probiotic นี้ช่วยลด “ภูมิแพ้ผิวหนัง” ในเด็กเล็กได้อย่างมาก ปัจจุบันในผลิตภัณฑ์นมหลายชนิดจึงมีการเสริม Probiotic เข้าไป และนำออกมาโฆษณาอย่างครึกโครม แต่เดี๋ยวก่อนครับ ข้อเท็จจริงที่คุณแม่ควรรู้คือในนมแม่นั้นมีแบคทีเรีย Probiotic และ Pre-biotic จากร่างกายของคุณแม่อยู่แล้ว
ดังนั้น หากต้องการให้ลูกในช่วง 1-2 ขวบ ไม่จำเป็นต้องให้ลูกทานนมเสริม Probiotic แต่ให้คุณแม่ทานอาหารเสริมจำนวน Probiotic หรือสามารถเริ่มทานตั้งแต่ตอนที่ตั้งครรภ์ได้เลยครับ ทารกก็จะได้รับ Probiotic เข้าไปส่วนหนึ่งตั้งแต่อยู่ในครรภ์คุณแม่แล้ว เมื่อออกมาจากครรภ์ก็จะมีภูมิต้านทานโรคภูมิแพ้มากกว่าครับ เช่น
1. ลดโอกาสเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังในเด็กเล็กๆ
2. ลดโอกาสติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
3. ลดโอกาสเกิดภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจต่างๆ
อาการข้างเคียงที่อาจพบได้หลังจากรับประทานโพรไบโอติกส์?
ส่วนใหญ่มักพบเมื่อมีการรับประทานในขนาดที่สูงเกินไป โดยอาจจะทำให้เกิดภาวะลมในท้องเพิ่มขึ้น เกิดท้องอืดหรือแน่นท้องได้
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
“ซินไบโอติก” ในนมแม่ มีส่วนช่วยคืนภูมิต้านทานให้ลูกน้อยไม่เจ็บป่วยง่าย