วิธีเล่นกับลูกน้อย แรกเกิด – 1 ปี ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างพัฒนาการลูกให้สมวัย แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อแม่ลูก พร้อมทั้งแนะนำการเล่นกับลูกอย่างปลอดภัย ให้ลูกได้เล่นอย่างเต็มที่แบบไร้อุบัติเหตุ เรียกได้ว่าเป็นบทความที่มาพร้อมสาระเต็ม ๆ ห้ามพลาดเลยนะคะ
วิธีเล่นกับลูกน้อย แรกเกิด – 3 เดือน
ลูกน้อยในวัยแรกเกิดจนถึง 3 เดือน เรียนรู้ที่จะควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ โดยเริ่มจากศีรษะ ไปสู่แขนทั้งสองข้าง ลำตัว ช่วงขา และเท้า โดยในช่วงแรกลูกน้อยจะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบตัวตามสัญชาตญาณของพวกเขา เช่น ชอบจ้องหน้าคุณพ่อคุณแม่ การพูดคุยกับลูกในขณะที่กำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมร่วมกับการมองหน้าสบตาก็จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการการมองเห็น เมื่อพ่อแม่จับแก้ม ลูกจะสามารถหันศีรษะไปด้านข้างเพื่อตอบสนองต่อการกระทำนั้นได้ โดยลูกจะควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดีตามร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้น
ดังนั้น การเล่นที่เหมาะสมในวัยนี้ คือ เล่นกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การสัมผัส การดมกลิ่น การรับรส อย่างการเล่นปูไต่ประกอบกับการร้องเพลงกล่อมที่มีเสียงสูงสลับกับเสียงต่ำ จะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทางผิวหนังและทักษะด้านสังคม โดยเฉพาะการมองหน้าและสบตา
ส่วนพัฒนาการด้านร่างกายอื่น ๆ เมื่อลูกอายุได้ 3 เดือน สามารถพาลูกเล่นท่า Tummy Time โดยให้คุณพ่อคุณแม่จับน้องนอนคว่ำบนที่นอนหรือเบาะรองนอน แล้ววางของเล่นไว้ใกล้ ๆ หรืออาจจะใช้เสียงช่วยเพื่อให้น้องหันมองไปหาต้นทางของเสียง หรือจะเปลี่ยนให้ลูกน้อยนอนบนหน้าท้องของคุณพ่อคุณแม่แล้วร้องเรียกก็ได้เช่นกัน การพาลูกเล่นแบบนี้จะช่วยฝึกให้ลูกเคลื่อนไหวช่วงลำคอ ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณลำคอของน้องแข็งแรง
วิธีเล่นกับลูกน้อย 4 – 6 เดือน
หนูน้อยในวัยนี้มีพัฒนาการด้านร่างกายหลายอย่าง เริ่มจากท่านั่ง โดยเด็ก ๆ สามารถนั่งตัวตรงได้เป็นเวลานานมากขึ้น หรือเด็กบางคนสามารถนั่งได้เองโดยไม่ต้องจับ แต่ยังนั่งได้ไม่มั่นคงมากนัก ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพัง และไม่ควรปล่อยให้ลูกนอนอยู่บนเตียงสูง ๆ เพราะลูกอาจกลิ้งตกลงมาจนได้รับบาดเจ็บได้ นอกจากนี้ลูกยังมีพัฒนาการในการขยับขา โดยทารกบางคนอาจขยับขาไปมาในขณะที่พลิกตัว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าทารกจะเริ่มคลานได้ในไม่ช้า
ส่วนการเล่น เด็กวัยนี้จะเล่นอย่างมีจุดหมายและซับซ้อนมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจพาลูกเล่นด้วยการร้องเพลงที่มีการเคลื่อนไหว เช่น โยกเยกเอย เพราะลูกสนใจในเรื่องของการเคลื่อนไหวแขนและขา หรือการใช้ของเล่นที่มีเสียงกรุ๊งกริ๊ง เพื่อกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งรอบตัวและปลูกฝังให้ลูกมีความช่างสังเกตมากขึ้น หรือการใช้ของเล่นน่ารัก ๆ ที่มีสีสันสดใส โดยยกขึ้นหลอกล่อ เพื่อให้ลูกเอื้อมเข้ามาคว้าจับ จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อของลูกให้แข็งแรงขึ้นได้เป็นอย่างดี
วิธีเล่นกับลูกน้อย 7 – 9 เดือน
เด็กในช่วงวัยนี้จะเริ่มกลัวคนแปลกหน้า รู้สึกผูกพันและตัวติดผู้เลี้ยงดู สามารถชูสองมือให้อุ้ม ส่งเสียงพยางค์เดียวได้ เช่น ปะ มะ จะ สามารถหันหาเสียงเรียกได้ถูกต้อง มองตามของตก ถือของมือละชิ้น นั่งหลังตรงได้ และทรงตัวได้เองโดยไม่ต้องใช้มือยัน
พ่อแม่สามารถเล่นกับลูกได้ง่าย ๆ โดยเริ่มจากการอ่านหนังสือ ชี้ภาพประกอบสีสดใสให้ลูกดู หรือจัดให้ลูกอยู่ในท่านั่ง ถือของเล่นสีสดในระดับสายตาลูกเพื่อดึงความสนใจ จากนั้นค่อย ๆ ปล่อยให้ของเล่นตกลงบนพื้น ลูกจะมองตามของตก คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถเปิดโอกาสให้ลูกหยิบของเล่นขนาดพอดีมือเอง อุ้มลูกน้อยลง ปล่อยให้ลูกได้หัดนั่งเองบนพื้นที่ปลอดภัยโดยพ่อแม่ดูแลอยู่ใกล้ ๆ
นอกจากนี้ยังทำท่า Bounce Baby เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา โดยให้คุณแม่นั่งในท่าที่สบาย จากนั้นอุ้มลูกขึ้นวางบนตักของตัวเอง แล้วค่อย ๆ ยกตัวลูกให้ยืนขึ้นบนตัก โดยให้เท้าทั้งสองข้างของลูกเหยียบอยู่บนขาของคุณแม่ จากนั้นคอยกระตุ้นให้ลูกเดินอยู่บนขาของคุณแม่ โดยคุณแม่อาจจะช่วยพยุงหรือช่วยจับขาของลูก เพื่อให้ทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น และในขณะที่ทำนั้นควรร้องเพลงตั้งไข่ หรือเพลงที่มีความสนุกสนาน เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้กับลูก
วิธีเล่นกับลูกน้อย 10 – 12 เดือน
เด็กวัย 10 เดือนจะเริ่มคลานได้คล่องขึ้น เมื่ออายุ 11 เดือน จะเริ่มเกาะยืนเพื่อฝึกการตั้งไข่ และเริ่มยืนเองได้ในเดือนที่ 12 เป็นช่วงที่กล้ามเนื้อของลูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว หากได้รับการกระตุ้นพัฒนาการร่างกายที่เหมาะสม และเด็กวัยนี้จะเริ่มตอบสนองคำสั่งง่าย ๆ เช่น หันหาเวลาพ่อแม่เรียก รับรู้เมื่อบอกให้หยิบสิ่งของ บอกให้นั่ง หรือบอกให้ยืน แต่ลูกจะยังไม่เข้าใจบทสนทนาทั้งหมด แม้จะเป็นบทสนทนาง่าย ๆ แค่ไหนก็ตาม นอกจากนี้ ลูกยังสามารถใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วต่าง ๆ หยิบสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ ได้แล้ว จากนั้นก็จะเริ่มนำเข้าปากเพื่อเรียนรู้ต่อไป เด็กวัยนี้ยังชอบชี้มือชี้ไม้ ซึ่งเป็นภาษากายที่ทำให้เราเข้าใจลูกได้ง่ายขึ้น
พ่อแม่สามารถเล่นกับลูกด้วยการฝึกชี้รูปภาพจากหนังสือ โดยจับมือลูกชี้ภาพที่เราพูดแล้วให้ลูกพูดตาม หรืออาจจะร้องเพลงที่มีคำคล้องจอง เป็นภาษาซ้ำ ๆ อย่าง กาเอ๋ยกา การร้องเพลงหรือท่องบทกลอนจะช่วยส่งเสริมความเข้าใจภาษา และเป็นการฝึกให้ลูกคุ้นเคยกับฐานเสียงต่าง ๆ หรือเล่นตุ๊กตาหุ่น โดยสมมติให้ตุ๊กตาคุยกับลูกโดยที่เราเป็นฝ่ายทำเสียง และให้ลูกคุยโต้ตอบกับตุ๊กตา จะเป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาได้เป็นอย่างดี
เมื่ออายุได้ 12 เดือน จะเข้าใจการสื่อสารได้มากขึ้น พ่อแม่สามารถเพิ่มการเล่นที่แทรกไปกับกิจวัตร เพื่อกระตุ้นให้ลูกสามารถใช้สิ่งของได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น เช่น หวี ช้อน แก้วน้ำ แปรงสีฟัน กระจกส่องหน้า โดยมีวิธีการ คือ ให้คุณแม่ฝึกทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การหวีผม เพื่อให้ลูกดู แล้วคุณแม่ก็จับมือลูกให้ลองหวีผมให้ตัวเองบ้าง โดยขณะที่พาลูกทำนั้น ควรสาธิตอย่างน่าสนใจ ทำให้ลูกรู้สึกสนุกในการทำตาม
วิธีเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากการเล่นของลูกวัยเตาะแตะ
- ไม่ควรให้ลูกเล่นใกล้กับประตู บันได หน้าต่าง และควรหลีกเลี่ยงการวางโต๊ะ เก้าอี้ หรือสิ่งที่ลูกสามารถปีนป่ายได้ไว้ในระยะมือคว้าจับได้ หรือวางไว้ใกล้หน้าต่าง ซึ่งลูกอาจปีนป่ายขึ้นไปและพลัดตกลงมาจากที่สูงได้
- ควรเก็บของใช้ เครื่องมือ หรือของเล่นต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
- ไม่ควรให้ลูกสวมใส่ถุงเท้าภายในบ้าน เพราะอาจทำให้ลื่นล้มได้ง่าย
- ไม่ควรให้ลูกเล่นของเล่นที่เลียนแบบอาวุธ เช่น ปืนปลอม ดาบปลอม เป็นต้น
- ควรเก็บมุมเหลี่ยมคมของเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ให้ดี
- ห้องของลูก หรือพื้นที่เล่นของลูก ควรมีพื้นผิวนุ่ม ไม่มีเหลี่ยมคม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการชน และล้ม
- ติดตั้งคอกกั้นเด็กและจัดให้เป็นพื้นที่ประจำของลูก
ช่วยให้ลูกเล่นอย่างปลอดภัยด้วยคอกกั้น Geko
การเล่นของลูกจะสนุกได้อย่างเต็มที่ ปลอดภัย คลายความกังวลใจให้กับพ่อแม่มากขึ้น เมื่อลูกอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย อย่างคอกกั้นเด็ก เพราะไม่เพียงปกป้องลูกจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้ดีแล้ว ยังช่วยให้ลูกหัดยืน หัดเดิน หัดคลาน ฝึกการใช้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้อย่างไร้กังวล เพราะหากล้มก็จะไม่เจ็บ จึงช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกได้เต็มที่ ทั้งยังช่วยจัดบ้านได้เป็นสัดเป็นส่วน และมีระเบียบมากขึ้น แต่การเลือกคอกกั้นเด็กนั้นก็ต้องดูดี ๆ ว่ามีคุณภาพแค่ไหนทำจากวัสดุอะไร มีสารประกอบที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกหรือไม่
คอกกั้นเด็ก Geko คำตอบที่คุณพ่อคุณแม่ไว้วางใจ
คอกกั้นเด็ก Geko ถือว่ามาตอบโจทย์ทุกการเล่นและเสริมสร้างพัฒนาการของลูกรักวัยซนได้อย่างเต็มที่ ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ ปราศจากสารอันตราย และมั่นใจได้ว่าปลอดภัย ช่วยให้พ่อแม่วางใจคลายกังวล มาพร้อมกับคุณสมบัติโดดเด่นมากมาย อาทิ
- คอกกั้นเด็กปลอดสาร (Non-Toxic) ทำให้มั่นใจว่าไม่มีสารพิษตกค้างสำหรับลูก
- ออกแบบโดยวิศวกร สามารถมั่นใจในความแข็งแรงปลอดภัย
- ใช้วัสดุ PE Foam คุณภาพสูง หนา 7.5 เซนติเมตร นุ่มแต่ไม่ยุบตัว กันกระแทกได้ดี
- ใช้หนัง PU และหนัง silicone ที่ผ่านการทดสอบจาก SGS Lab ว่า ผ่านมาตรฐานของเล่นเด็ก EN71-3 ปลอดสารต้องห้าม ได้แก่ BPA, Phthalates, DMF, PVC และ Formaldehyde
- ตัวคอกสูงจากพื้น 60 เซนติเมตร เหมาะกับพัฒนาการการเกาะเดิน และปีนออกจากคอกได้ยาก
- ใช้ซิป YKK สำหรับเด็ก ซึ่งเป็นซิปที่ใช้กับเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์ของเด็กโดยเฉพาะ สามารถจับ สัมผัสได้ ไม่บาดผิว ไม่มีสารอันตราย
- ไม่ใช้กาวสารระเหย ตะปู นอต หรือชิ้นส่วนโลหะ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในการยึดชิ้นส่วนของคอก
- ผนังคอกทุกแผ่น สามารถถอดแยกได้ จึงสามารถปรับเปลี่ยนขนาด หรือปรับให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานของแต่ละบ้าน เช่น ปรับให้เป็นโซฟาใหญ่ โซฟาเล็ก ปูเป็นแผ่นรองคลานกันกระแทก เป็นต้น
- มีแผ่นประตูเปิด-ปิด ได้ จึงไม่ต้องปีนข้ามคอกกั้น เหมาะสำหรับคุณแม่แรกคลอด หรือบ้านที่มีผู้สูงอายุสามารถเดินเข้าออกได้สะดวก
- น้ำหนักเบา ประหยัดพื้นที่จัดเก็บ ขนย้ายขึ้นรถก็สะดวก
- กันน้ำ ทำความสะอาดง่าย
- มีให้เลือกมากถึง 7 ขนาด
- หนัง PU อายุการใช้งาน 5 ปีขึ้นไป
- หนัง Silicone อายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไป
หลังจากสั่งซื้อแล้ว ไม่ต้องรอนาน ทาง Geko จะจัดส่งภายใน 14 – 20 วัน โดยส่งฟรีพร้อมบริการติดตั้งในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมจังหวัดชลบุรี และฉะเชิงเทรา ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ส่งฟรีกับบริษัทขนส่งเอกชน โดยไม่มีบริการติดตั้ง ซึ่งไม่เป็นเรื่องน่ากังวล เพราะคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เองที่บ้าน และยังรับประกันทุกชิ้นส่วนนาน 1 ปี
พร้อมทั้งรับประกันยาวนาน โดยแบ่งออกเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ ดังนี้
- หนัง PU รับประกัน 2 ปี
- หนัง Silicone รับประกัน 2 ปี
- ซิป YKK รับประกัน 3 ปี
- EPE foam รับประกัน 3 ปี
- Velcro tapes รับประกัน 3 ปี
เมื่อมีคอกกั้นเด็กที่ปลอดภัยได้มาตรฐานอย่าง Geko ซึ่งปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ และมีขนาดให้เลือกมากมาย จะวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นก็เหมาะ หรือจะเอาไว้ในห้องนอนข้างเตียงพ่อแม่ก็ยิ่งดี แบบนี้ลูกน้อยก็ปลอดภัยทั้งตอนอยู่ใกล้และไกลสายตาพ่อแม่ แถมยังเข้าไปเล่นกับลูกได้สะดวกทุกเวลาอีกด้วย
ช่องทางการจัดจำหน่าย
Line : @gekothailand
Facebook : @gekothailand
Instagram : gekothailand
Website : www.gekoforchild.com
Tel : 064-289-5266 / 092-883-1099
สามารถ Walk-in เข้ามาดูสินค้าจริงได้ที่แผนกเด็กอ่อนในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ได้แก่
- เซ็นทรัล ชิดลม ชั้น 6 แผนกเด็กอ่อน
- เซ็นทรัล เวิลด์ ชั้น 6 แผนกเด็กอ่อน
- เซ็นทรัล พระราม 3 ชั้น 4 แผนกเด็กอ่อน
- เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ชั้น 4 แผนกเด็กอ่อน
- เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น4 แผนกเด็กอ่อน
- เซ็นทรัลพระราม2 ชั้น2 แผนกเด็กอ่อน
- ร้าน bebeshop พระราม 3
- โรบินสันศรีราชา ชั้น3
- เซ็นทรัลขอนแก่น ชั้น5
- เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น4
- เซ็นทรัลบางนา ชั้น 4