การวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาพุ่งประเด็นไปที่การประมวลผลของข้อมูลต่าง ๆ ของมนุษย์ และพบผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ผลการวิจัยชิ้นที่ถูกเผยแพร่ในวารสาร Cell Press ในหัวข้อชีววิทยา นักวิทยาศาสตร์พบว่าคนที่ไอคิวสูงสามารถสกัดสิ่งรบกวนจากรอบข้าง เพื่อโฟกัสในเรื่องที่ต้องการได้ การทดลองนี้รวมไปถึงการให้ผู้ร่วมทดลองโฟกัสไปที่สิ่งของเล็ก ๆ ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วท่ามกลางสิ่งของใหญ่ ๆ สิ่งของที่ไม่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ปะปนและเคลื่อนไหวอยู่ในนั้นด้วย
คนที่มีไอคิวสูงจะมีสมาธิดี โฟกัสในเรื่องต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสมองของพวกเขาสามารถกันสิ่งรบกวนรอบข้างได้ดี และสามารถจับจ้องและมีสมาธิกับสิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้ดีอีกด้วย
แต่…ไม่น่าเชื่อ
หากพูดถึงผลการวิจัยชิ้นนี้อีกนิด Duje Tadin จากมหาวิทยาลัย Rochester อ้างว่าผลการวิจัยชิ้นนี้มีสิ่งไม่น่าเชื่ออีกเรื่องหนึ่ง
“ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีไอคิวสูงจะมีประสาทการรับรู้ดีกว่าคนธรรมดาเสมอไป ในทางตรงกันข้าม พวกเขาจะมีประสาทการรับรู้ที่ค่อนข้างแบ่งแยกอย่างชัดเจน พวกเขาอาจจะเห็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แยกประสาทจับสิ่งเคลื่อนไหวเร็ว ๆ ได้ แต่จะรับรู้องค์ประกอบโดยรวมในภาพใหญ่ ๆ ไม่ได้”
ข้อดีในทุกๆวัน
ในการทดลอง ให้ผู้เข้าร่วมการทดลองชมภาพยนตร์บนจอ ซึ่งการทดลองชิ้นนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้
ผู้เข้าร่วมการทดลองที่มีไอคิวสูงจะกันสิ่งกีดขวางออกไปได้โดยง่าย และนี่สามารถนำมาอธิบายได้ถึงการประมวลผลการรับข้อมูลของคนทั่วไปได้ ตัวอย่างเช่น เวลาที่เราถ่ายทอดข้อมูลออกไปคราวละเยอะ ๆ คนส่วนใหญ่จะต้องเลือกจำแต่สิ่งที่สำคัญ ๆ และเลือกที่จะเพิกเฉยต่อข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างออกไปได้
ผลการวิจัยนี้ยังประยุกต์ใช้กับการประมวลลการรับรู้ในความสามารถต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น การอ่าน การอ่านต้องใช่สมาธิและต้องรับข้อมูลจากสิ่งเล็ก ๆ หลาย ๆ อย่าง (หรือคำ) ผ่านสิ่งรบกวนรอบข้างต่าง ๆ นานา (คำอื่น ๆ) ซึ่งนี่เองที่สามารถอธิบายได้ว่าคนที่มีไอคิวสูงจึงมีความามารถในการอ่านได้ดีกว่าคนทั่วไป
อ่านเรื่องลูกกับไอคิวสูง หน้าถัดไป >>>
ลูกของคุณกับไอคิวสูง ๆ
คนเป็นพ่อเป็นแม่รู้ดีถึงความสำคัญของความเฉลียวฉลาดที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตข้างหน้า เช่น การเรียนในโรงเรียน และการประกอบอาชีพในอนาคต หากคุณพ่อแม่อยากพัฒนาสมองขอลูกให้เฉลียวฉลาดโดยไม่จำเป็นต้องหันไปพึ่งเครื่องไม้เครื่องมืออะไรมาก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณสามารถทำได้
และนี่คือ 5 คำแนะนำดี ๆ จากเราที่จะช่วยคุณได้
1. อ่านนิทานก่อนนอน ผลักดันให้ลูกของคุณลองหาหนังสือที่น่าสนใจมาอ่านก่อนนอนตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากจะเปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ แล้ว ยังฝึกให้เขาใช้น้ำเสียงและการแสดงออกทางใบหน้าให้ถูกต้องกับเนื้อเรื่องด้วย
2. ฝึกออกกำลังใจ โดยเลือกเกมให้เล่นฝึกสมอง เช่น หมากรุก หรือต่อภาพ การฝึกสมองจะทำให้จิตใจแข็งแรงขึ้น และเมื่อจิตใจแข็งแรงแล้วร่างกายก็จะแข็งแรงตามไปด้วย การทำให้ทุกส่วนของจิตใจตื่นตัวอย่างตลอดจะเป็นการพัฒนาความสามารถในการรับรู้ข้อมูลรอบตัวต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
3. พัฒนาจิตใจของลูก ด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ การได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสมอง เช่น รับประทานผักและผลไม้มาก ๆ รายงานระบุว่ากรดไขมันที่มีประโยชน์จากปลาก็เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการพัฒนาสมอง ถึงแม้จะฟังดูทานยากสำหรับเด็ก แต่การให้เด็กรับประทานไขมันจากปลาจะช่วยให้สมองมีพัฒนาการที่ดีและจะช่วยให้มีไอคิวที่สูงขึ้นด้วย
4. ปล่อยให้ลูกเล่นตามสบาย กิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ จะช่วยให้เขามีร่างกายและหุ่นที่กระชับ และพัฒนาระบบการหายใจเข้าออก นำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น เด็ก ๆ ที่ได้เล่นและทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกบ้าน เมื่อโตขึ้นจะเรียนรู้ความสามารถใหม่ ๆ มากขึ้น หลังจากที่ได้เรียนรู้และได้เห็นธรรมชาติที่แตกต่างกันไปในแต่ละครั้งที่สัมผัส และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รอบตัว ทุกสิ่งทุกอย่างนี้จะช่วยให้เขาได้พัฒนาสมองของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
5. สนับสนุนให้เขามีเพื่อน นี่คือสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่ความเฉลียวฉลาด การอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงหลาย ๆ คนทำให้เขามีโอกาสที่จะเรียนรู้และปรับเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกันกับคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตที่จะช่วยพัฒนาไอคิวของเขาให้ดียิ่งขึ้น
บทความแนะนำ: อีคิวก็สำคัญเช่นกัน