วิธีเลี้ยงลูก Gen Beta ต้องปลูกฝัง 6 ทักษะสำคัญนี้ให้ลูก

lead image

สิ่งที่ทำให้ Gen Beta โดดเด่นคือการเติบโตพร้อมกับโลก AI ทำให้พ่อแม่ของเด็ก Gen Beta ต้องเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับลูก บทความนี้มีคำแนะนำค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

รู้ไหมว่า เด็กที่เกิดตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป จะเป็นเจเนอเรชันใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Gen Beta ซึ่งเด็กจะเติบโตมากับ AI และโลกดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบ ทำให้ วิธีเลี้ยงลูก Gen Beta อาจแตกต่างจากเด็กเจนเนอเรชันก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง

ถ้าย้อนดูการแบ่งช่วงวัยในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา เรามี Gen Y (1981-1996), Gen Z (1997-2009), Gen Alpha (2010-2024) และล่าสุดก็คือ Gen Beta (2025-2039) ที่ว่ากันว่าพวกเขาจะเติบโตมาในโลกที่เปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม ทั้งเรื่องเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และความหลากหลายทางสังคม

คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็ก Gen Beta อาจสงสัยว่า Gen Beta คืออะไร และในฐานะพ่อแม่ต้องเตรียมตัวรับมือเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับความล้ำหน้าของเทคโนโลยีได้อย่างไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบมาฝากค่ะ 

 

Gen Beta คืออะไร

Generation Beta หรือ Gen Beta หมายถึงเด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 – 2039 ถือเป็นเจเนอเรชันถัดจาก Gen Alpha โดยอาจมีพ่อแม่เป็นคนในยุค Gen Y (Millennials) หรือ Gen Z

สิ่งที่ทำให้ Gen Beta โดดเด่นและแตกต่างจากเจนเนอเรชันที่ผ่านๆ มาก็คือ เด็กๆ ที่เกิดในปีนี้เป็นต้นไป จะไม่เคยรู้จักโลกที่ปราศจาก AI ลูกน้อยเจนเนอเรชันนี้ จะอยู่ในโลกที่เทคโนโลยีฝังรากลึกในทุกมิติของชีวิต อีกทั้ง เป็นเจเนอเรชันที่มีความเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์อย่างมาก มีนักวิจัยทางสังคมที่คาดว่าในปี 2035 เด็ก Gen Beta จะมีสัดส่วน 16% ของประชากรโลก และอาจมีอายุยืนยาวไปถึงศตวรรษที่ 22

คาแรกเตอร์เด็ก Gen Beta

เด็กเจเนอเรชันนี้จะมีบุคลิกที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า เนื่องจากเติบโตมากับ AI เทคโนโลยีดิจิทัล และความเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. เชื่อมต่อกับโลกดิจิทัล แต่ยังเป็นตัวของตัวเอง: Gen Beta จะคุ้นเคยกับ AI, Metaverse, VR และ AR ตั้งแต่เด็ก สามารถสร้างสมดุลระหว่าง การใช้เทคโนโลยี กับการแสดงตัวตนในโลกจริง
  2. มีตัวตนที่ปลอดภัยในโลกออนไลน์: Gen Beta อาจเกิดมาพร้อมกับ Digital Literacy หรือไม่ก็มีโอกาสได้เรียนรู้ตั้งแต่เล็กๆ ความปลอดภัยในโลกออนไลน์กลายเป็นทักษะจำเป็นสำหรับเด็ก Gen นี้ ไม่ว่าจะเป็น การป้องกันข้อมูลส่วนตัว และการใช้โซเชียลมีเดียอย่างรอบคอบ
  3. เปิดใจกับความหลากหลาย: Gen Beta ยอมรับความหลากหลายได้มากขึ้น เพราะมีโอกาสได้เห็นโลกที่กว้างกว่าเจนเนอเรชันก่อน ลูกน้อย Gen Beta เติบโตมาในสังคมที่เปิดกว้างทางวัฒนธรรม ศาสนา เพศ และแนวคิด ทำให้เข้าใจและเคารพความแตกต่างของผู้คนได้ดี
  4. ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน: แม้เด็กๆ Gen Beta จะเกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีล้ำหน้าถึงขีดสุด แต่ในทางกลับกันสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติกลับอยู่ในยุคที่วิกฤติ Gen Beta  จึงเป็นเจเนอเรชันที่ให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
  5. ปรับตัวเก่งและมีความยืดหยุ่น: Gen Beta จะเติบโตมาในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศ การเมือง สังคม หรือเทคโนโลยี สิ่งเหล่านี้จะหล่อหลอมให้เด็กเจนนี้มีความคิดที่ยืดหยุ่น ปรับตัวเก่ง และมีทักษะในการแก้ปัญหาได้ดี
  6. ใส่ใจเรื่องสุขภาพจิตมากขึ้น: ด้วยความที่คนรุ่น Millennials และ Gen Z เปิดกว้างเรื่องสุขภาพจิตกันมากขึ้นแล้ว Gen Beta ก็จะได้รับอิทธิพลไปด้วย ทำให้เป็นเจเนอเรชันที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูง เข้าใจความรู้สึกของตัวเองและคนรอบข้าง รวมถึงมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรด้านสุขภาพจิตได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคย

 

6 ทักษะสำคัญที่เด็ก Gen Beta ต้องมี

1. Critical Thinking คิดวิเคราะห์เป็น รู้จักตั้งคำถาม

Gen Beta จะเติบโตมาในยุคที่ข้อมูลมหาศาลอยู่เพียงปลายนิ้ว ทักษะคิดวิเคราะห์จึงจำเป็น เพื่อแยกแยะความจริงจากข่าวลวง และกล้าตั้งคำถามกับสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน ไม่ใช่แค่รับข้อมูลไปเฉย ๆ แต่ต้องรู้จักคิดต่อยอดและมองภาพรวมให้เป็น

 

2. Adaptability ปรับตัวเก่ง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่

เทคโนโลยีและโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วทำให้การปรับตัวเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเด็กยุคนี้ ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา พร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลง ไม่กลัวการลองผิดลองถูก และสามารถก้าวทันกระแสโลกได้อย่างมั่นใจ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

3. Emotional Intelligence (EQ)  เข้าใจอารมณ์ตัวเองและผู้อื่น

ในโลกที่เชื่อมต่อกันมากขึ้น EQ กลายเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้ เด็ก Gen Beta ต้องสามารถรับมือกับอารมณ์ของตัวเอง เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งในชีวิตจริงและโลกออนไลน์

 

4. Digital Literacy ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์และปลอดภัย

เทคโนโลยีจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กเจเนอเรชันนี้ตั้งแต่เกิด การรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy) ช่วยให้ Gen Beta ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เข้าถึงข้อมูลอย่างชาญฉลาด และรู้จักปกป้องตัวเองจากภัยออนไลน์

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5. Collaboration ทำงานเป็นทีมและสร้างความร่วมมือในระดับสากล

การทำงานร่วมกับคนที่มีแนวคิดและวัฒนธรรมที่หลากหลายจะกลายเป็นเรื่องปกติของ Gen Beta ทักษะการทำงานเป็นทีม ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และสร้างความร่วมมือ จึงเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ในระดับสากล

 

6. Sustainability Awareness ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

เด็ก Gen Beta จะเติบโตมาท่ามกลางปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น จึงมีความตระหนักรู้เรื่อง ความยั่งยืน (Sustainability) เข้าใจผลกระทบของพฤติกรรมตัวเอง และร่วมกันสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับโลก

 

 

พ่อแม่เด็ก Gen Beta ต้องปรับตัวยังไง

การเป็นพ่อแม่ของเด็ก Gen Beta ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโลกของลูกเต็มไปด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด ดังนั้น พ่อแม่ต้องเรียนรู้ และปรับตัว ให้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนไป การเป็นพ่อแม่ของเด็กเจเนอเรชัน Beta ไม่ใช่แค่การเลี้ยงดู แต่เป็นการเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกัน เพราะโลกที่ลูกกำลังจะเติบโตขึ้นมานั้น แตกต่างจากโลกที่พ่อแม่เคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง

พ่อแม่ยุคนี้จึงต้องเปิดใจและละทิ้งชุดความเชื่อเดิมบางอย่าง เพราะสิ่งที่เคยถูกต้องในอดีต อาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมกับยุคสมัยใหม่อีกต่อไป เช่น การเลี้ยงดูแบบเผด็จการ อาจใช้ไม่ได้ผลกับเด็กที่เติบโตมาในโลกที่ส่งเสริมให้ตั้งคำถามและคิดวิเคราะห์ พ่อแม่จึงต้องเรียนรู้วิธีสื่อสารกับลูกในแบบที่เข้าใจและเคารพกันมากขึ้น

อีกสิ่งสำคัญคือ การปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี เพราะเด็ก Gen Beta จะเกิดมาในยุคที่ AI และโลกดิจิทัลเป็นเรื่องปกติ การปฏิเสธเทคโนโลยีไม่ได้ช่วยให้พ่อแม่เข้าใจลูกมากขึ้น แต่การเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกจะทำให้เกิดความเข้าใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน พ่อแม่จึงต้องเติบโตไปพร้อมกับลูก ไม่ใช่แค่สอน แต่ต้องเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ ให้โอกาสตัวเองได้ทดลองปรับตัว ปรับแนวคิด และยอมรับว่าการเป็นพ่อแม่ไม่มีสูตรตายตัว ทุกอย่างคือการเรียนรู้ร่วมกันในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีเลี้ยงลูก Gen Beta 

1. ให้เวลากับลูกในโลกจริง อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ควรสร้างความสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
2. สร้างวินัยในการใช้เทคโนโลยี ตั้งกฎเวลาการใช้หน้าจอ และสอนเรื่องความปลอดภัยทางออนไลน์
3. กระตุ้นให้ลูกเรียนรู้แบบ Active Learning ส่งเสริมการตั้งคำถาม ค้นคว้า และคิดวิเคราะห์
4. พัฒนาทักษะทางสังคม ช่วยให้ลูกมีประสบการณ์นอกจอ เช่น เล่นกีฬา ทำงานเป็นทีม
5. ปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจ สอนให้ลูกเข้าใจความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง
6. ให้ลูกได้ลองผิดลองถูก อย่าปกป้องจนเกินไป ให้ลูกได้เรียนรู้จากความล้มเหลว
7. เตรียมพร้อมรับมือกับอนาคต สอนให้ลูกมีทักษะที่จำเป็นต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว เช่น การเรียนรู้ตลอดชีวิต

จริง ๆ แล้ว วิธีเลี้ยงลูก Gen Beta สิ่งสำคัญยังคงเหมือนเดิม คือ ให้เวลา และ สร้างสายสัมพันธ์ที่ดี โดยเฉพาะช่วง 3 ปีแรกของชีวิต ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของพัฒนาการลูก แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในยุคนี้ คือ พ่อแม่ต้องปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยี เพราะเด็ก Gen Beta จะเติบโตมาพร้อมกับโลกดิจิทัล หากพ่อแม่ไม่เข้าใจเทคโนโลยี ก็อาจตามลูกไม่ทัน และไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้อย่างเต็มที่


อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไปไกลแค่ไหน สิ่งที่เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด สำหรับเด็กทุกเจเนอเรชัน ก็คือ สายสัมพันธ์ที่แข็งแรงระหว่างพ่อแม่กับลูก เพราะความรัก ความเข้าใจ และความผูกพันตั้งแต่วัยเด็ก จะเป็นเกราะป้องกันที่ทำให้พวกเขาเติบโตอย่างมั่นคงในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

ที่มา: Parents, TechSauce  

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ปี 2025 เริ่มต้น เด็ก Gen Beta เด็กยุค AI ที่โลกไม่ควรละสายตา

20 สิ่งที่ควรสอนลูกสาว ก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ บทเรียนชีวิตสำหรับลูกสาวยุคใหม่

ชื่อลูก ก – ฮ อัปเดตล่าสุด 2568 ชื่อน่ารัก ๆ เรียงตัวอักษร ก-ฮ

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team