คลอดบุตรวิธีไหนดี ? คลอดเอง หรือคลอดแบบธรรมชาติ
คุณแม่มือใหม่ หลาย ๆ คน หรือแม้กระทั่งคุณแม่มือเก่า ยังคงมีความกังวลใจว่า เราควร คลอดบุตรวิธีไหนดี เพื่อความปลอดภัย ของทั้งตัวคุณแม่เอง และตัวลูก เรามาดูข้อดี ข้อเสียของการคลอดแบบธรรมชาติ และการผ่าคลอดกันเถอะ
ข้อดีของ การคลอดแบบธรรมชาติ
การคลอดแบบธรรมชาตินั้น ข้อดี อันดับแรกเลย คือมดลูกจะหดตัวไว และไม่มีแผลที่มดลูกอีกด้วย อีกทั้ง ขณะที่ช่องคลอดบีบตัวเป็นจังหวะ เพื่อขับเคลื่อนทารกออกมานั้น จะบีบเอาช่วงอกของทารก เพื่อรีดเอาน้ำคร่ำที่คั่งอยู่ในปอด ออกมาส่วนหนึ่ง และเมื่อทารกคลอดออกมา และหายใจเอาอากาศเข้าไปครั้งแรก น้ำคร่ำส่วนที่เหลือจะถูกดูดซึมเข้าไปสู่เส้นเลือด ทำให้เด็กปอดไม่ชื้น ซึ่งแตกต่างจากการผ่าคลอด อีกทั้งระหว่างที่ทารกเดินทางมาทางช่องคลอด จะมีการกลืนสารคัดหลั่งภายใน ซึ่งจะมีแบคทีเรีย ประเภท probiotic อยู่มากมาย เมื่อเข้าสู่ลำไส้ของเด็ก จะสร้างภูมิคุ้มกัน โดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลดีแก่ตัวเด็ก เป็นอย่างมาก
ข้อเสียของ การคลอดแบบธรรมชาติ
กำหนดวันเวลาที่แน่นอนไม่ได้ กำหนดฤกษ์ไม่ได้ (แล้วแต่ความเชื่อ) ต้องทน กับความทุกข์ทรมาน จากความเจ็บปวดอย่างมาก และค่อนข้างนาน แต่ในปัจจุบันนั้น มีการระงับความปวด มีได้หลายวิธี เช่น ให้ยาระงับปวดทั้ง การฉีดยา เข้าเส้น การฉีดยา เข้ากล้ามเนื้อ การฉีดยา เข้าไขสันหลัง และการฝังเข็ม ซึ่งให้ผลค่อนข้างดี ความเสี่ยงของ การคลอดแบบธรรมชาติ คือ ขณะคลอดหากมดลูกไม่เปิด คลอดไม่ออก หรือหัวใจเด็กเต้นช้า อาจทำให้ต้องมีการผ่าฉุกเฉินอยู่ดี
การคลอดแบบผ่าคลอด
ข้อดีของ การผ่าคลอด
การผ่าคลอดนั้น ข้อดีอันดับแรกเลย คือ เราสามารถระบุวันเวลา ที่ชัดเจนได้ (ฤกษ์งามยามดี) ไม่ต้องทนกับความเจ็บปวด จากการคลอดเอง เพราะสามารถควบคุมอาการ ได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องเสี่ยงกับอาการแทรกซ้อน เช่น หัวใจเด็กเต้นช้า หรือปากมดลูกไม่เปิด และยังเป็นการดีสำหรับเคส ที่มีความซับซ้อน ซึ่งต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เป็นอย่างดี
ข้อเสียของ การผ่าคลอด
แม้จะไม่ต้องเจ็บปวดจากคลอดเอง ของการฉีกขาดของอวัยวะเพศ แต่ก็ต้องระวังข้อเสีย จากการดมยาสลบ หรือบล็อคหลัง เพื่อระงับอาการเจ็บปวด อีกทั้งยังทำให้เกิดแผลเป็น อันไม่น่าพิสมัย บริเวณหน้าท้อง และมดลูกด้วย ซึ่งแม้จะมีเปอร์เซ็นต์ที่น้อย แต่ก็ยังอาจส่งผลต่อ การท้องในครั้งถัดไป ในกรณีที่มดลูกมีแผล และต้องขยายใหญ่ขึ้นมาก ขณะที่ท้องโต อีกทั้งทารกยังไม่ได้รับเชื้อแบคทีเรีย ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ในอนาคตต่อไป เพราะไม่ได้เดินทางผ่านช่องคลอด และมีโอกาสปอดชื้นมากกว่า การคลอดธรรมชาติ ซึ่งคุณแม่ก็ไม่ต้องกลัวเสมอไป เพราะถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ไม่มาก และทารกหลาย ๆ คนก็ปลอดภัยตามปกติ
เชื่อได้เลยว่า น่าจะเป็นข้อมูลดี ๆ ใช้เพื่อประกอบ การตัดสินใจ ให้กับว่าที่คุณแม่ที่ตั้งท้อง และยังลังเลใน วิธีการคลอดบุตรอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความสำคัญอีกอย่างหนึ่ง การดูแลทารกให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์ และแข็งแรงตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เริ่มตั้งแต่อาหารการกิน หรือแม้แต่การระมัดระวังในการใช้ชีวิตที่มากขึ้น เช่น ใส่เสื้อผ้าที่รู้สึกสบาย เช่นชุดแซกตัวปล่อย เพื่อไม่ให้บีบรัดร่างกาย จนอึดอัด หรือเลือกใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพแทนรองเท้ามีส้น เพื่อความปลอดภัย และความสะดวกในการก้าวเดินที่มากยิ่งขึ้น เมื่อคุณดูแลตัวเองและลูกน้อยได้ดีแล้ว ก็เชื่อได้เลยว่า ไม่ว่า คุณจะเลือกการคลอดด้วยวิธีไหน ทั้งคุณแม่และคุณลูกก็จะ ปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น อย่างแน่นอนเลยค่ะ
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพ และสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
พัฒนาการของเด็กผ่าคลอด กับ คลอดธรรมชาติ ต่างกันอย่างไร?
เด็กผ่าคลอดเสี่ยงเป็นโรคมากกว่าจริงหรือ?
อาหารแม่หลังผ่าคลอด สารอาหารแบบไหนที่แม่หลังผ่าคลอดควรได้รับ?