ท่อน้ำตาอุดตันในทารก สามารถรักษาให้หายได้

ทารกแรกคลอดหรือในช่วง 1 – 3 เดือน บางคนอาจจะมีอาการน้ำตาไหลตลอดเวลา ทั้ง ๆที่ไม่ได้ร้องไห้ สังเกตได้จากตาเฉอะแฉะตลอดทั้งวัน หรือที่เรียกกันว่า ท่อน้ำตาอุดตัน ท่อน้ำตาอุดตันคืออะไร สามารถรักษาได้หรือไม่ ติดตามอ่าน

ท่อน้ำตาอุดตันในทารก สามารถรักษาให้หายได้

ท่อน้ำตาอุดตันในทารก สามารถรักษาให้หายได้

รู้จักโรคท่อน้ำตาอุดตัน

สาเหตุน้ำตาอุดตัน

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต อธิบายเกี่ยวกับโรคท่อน้ำตาอุดตันในทารกไว้ว่า

1. ท่อน้ำตาอุดตันในเด็กเป็นการอุดตันของท่อน้ำตาบริเวณปลายท่อที่เปิดสู่โพรงจมูก

2. ปกติแล้วในเด็กแรกเกิดจะมีเยื่อบาง ๆ ปิดอยู่ที่ปลายท่อน้ำตา โดยส่วนมากเยื่อนี้จะหายไปเองเมื่ออายุประมาณ 1 เดือน แต่ยังมีส่วนน้อยที่เยื่อไม่หลุดออกไป ทำให้เกิดการอุดตันที่ปลายท่อน้ำตา

3. นอกจากนี้ โรคท่อน้ำตาอุดตันในเด็ก ยังเกิดได้จากการอักเสบของเยื่อบุตา เนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียขณะคลอด ทำให้มีขี้ตาลงไปอุดก็เป็นไปได้

4. ภาวะนี้พบค่อนข้างบ่อย ในเด็กทารกประมาณ 30% อาจจะเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ภาวะนี้บางคนจะหายได้เองภายใน2-3 เดือน หลังคลอด แต่ในบางคนที่ไม่หายก็ต้องได้รับการรักษา

อาการน้ำตาอุดตัน

ท่อน้ำตาอุดตันจะมีอาการที่เห็นชัด ๆ คือ

1. จะมีน้ำตาคลอในตาข้างที่อุดตันตลอดเวลา เหมือนคนร้องไห้ใหม่ๆ

2. ทารกบางรายอาจจะมีการอักเสบ และจะมีขี้ตาแฉะร่วมด้วย โดยที่มีตาบวมแดงไม่มากนัก อาการนี้มักเป็นตั้งแต่แรก

3. อาการเช่นนี้เกิดและดีขึ้นเป็นครั้งคราวเมื่อใช้ยาแต่ไม่หายขาด บางรายที่มีการสะสมของขี้ตา และเชื้อโรคมากๆ เข้าไปในถุงน้ำตาก็อาจจะทำให้อักเสบเป็นฝีบริเวณถุงน้ำตาได้

การรักษาน้ำตาอุดตัน

พญ. อารีย์ นิมิตรวงศ์สกุล ได้อธิบายเกี่ยวกับวิธีการรักษาท่อน้ำตาอุดตันในทารก ดังนี้

รักษาโดย :  การนวดตา

คุณพ่อคุณแม่ควรพาทารกมาพบกุมารแพทย์หรือจักษุแพทย์ก่อนทุกราย  เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นท่อน้ำตาอุดตันจริงหรือไม่  หากตรวจพบว่าเป็นภาวะท่อน้ำตาอุดตัน  เบื้องต้นคุณหมอจะสอนให้คุณแม่นวดตาตรงบริเวณถุงน้ำตาบ่อยๆ  นอกจากนี้  คุณหมออาจให้ยาหยอดตาปฏิชีวนะร่วมด้วย

วิธีการนวดตา  ทำได้ดังนี้

1. ยกนิ้วชี้ของคุณแม่ขึ้นมาค่ะ ซึ่งคุณแม่ต้องตัดเล็บให้สั้นและล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังทำทุกครั้ง เอานิ้วชี้นั้นมากดที่หัวตาแนบเข้าไประหว่างหัวตากับสันจมูกค่ะ รู้สึกถึงเอ็นแข็ง ๆ ใต้นิ้ว นั่นคือ ถุงน้ำตาอยู่ใต้ต่อเอ็นนั้น

2. ให้คุณแม่ วนนิ้วลงน้ำหนักเบา ๆ เป็นวงกลมแล้วลากลงตามสันข้างจมูก มันจะเป็นเหมือนการรีดน้ำในลูกโป่งยาว ๆ ค่ะ ทำให้น้ำมันดันลงไปทางปลายทาง เกิดแรงดันขึ้นเพื่อที่จะไปดันให้พังผืดที่ปากทางออกของท่อน้ำตาทะลุออกไป

3. ให้นวดรอบละหลาย ๆ ครั้ง วันละหลาย ๆ รอบได้เลยค่ะ ส่วนใหญ่เด็กจำนวนมากจะสามารถหายได้เองด้วยวิธีนี้

4. ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้น คุณหมอจะพิจารณาส่งต่อให้คุณหมอรักษาตา  ทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม อาจต้องหยอดยาฆ่าเชื้อ ควรหยอดในช่วงที่เด็กมีขี้ตามาก ๆ เพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อของถุงน้ำตา ซึ่งหากมีการอักเสบติดเชื้อของถุงน้ำตาแล้วอาจจะต้องใช้ยาฆ่าเชื้อชนิดรับประทานหรือยาฉีดร่วมรักษาด้วย

บทความแนะนำ   คุณแม่แชร์ประสบการณ์ วิธีรักษาโรคท่อน้ำตาอุดตันลูกด้วยตัวเอง

รักษาโดย : แยงท่อน้ำตา

1. การแยงท่อน้ำตาไม่มีอันตรายต่อตาแต่อย่างไร เพราะทำคุณหมอจะรักษาแค่บริเวณเปลือกตาเท่านั้น  ไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับ     ลูกตาเลย

2. การแยงท่อน้ำตาจำเป็นต้องดมยาสลบ เพื่อให้เด็กสลบไปจะได้ไม่รู้สึกเจ็บ

3.รักษาโดยการ “แยงท่อน้ำตา” ซึ่งควรทำก่อนเด็กมีอายุครบ  1  ปี  เพราะถ้าทิ้งไว้นานเกิน 1 ปี กระดูกในโพรงจมูกก็จะแข็งตัวและหนาขึ้นเป็นกระดูกทึบ ทำให้การแยงท่อน้ำตาไม่สามารถทะลุกระดูกแข็ง ๆ ได้

ผลคือ  การรักษาไม่สำเร็จและเด็กก็จะมีน้ำตาไหลตลอดชีวิต  ถ้าจะให้หายก็ต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเข้าไปกรอกระดูก เป็นการรักษาซึ่งทำยากและซับซ้อนขึ้น และทำได้เมื่อเด็กโตเต็มที่เท่านั้น

 

การรักษาท่อน้ำตาอุดตันแบบใหม่

นพ.ณัฐวุฒิ วะน้ำค้าง  จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  อธิบายถึงการรักษาท่อน้ำตาอุดตันแบบใหม่ ดังนี้

1. การรักษาแบบใหม่เป็นการผ่าตัดทางเชื่อมท่อน้ำตาโดยวิธีการส่องกล้องโดยใช้กล้องขนาดเล็กที่เรียกว่า เอ็นโดสโคป (endoscope)

2. คุณหมอจะส่องเข้าไปในช่องจมูกแคบๆ และทำทางระบายท่อน้ำตาใหม่ ซึ่งวิธีนี้จะไม่มีแผลเป็น ฟื้นตัวได้เร็วกว่า แผลหายเร็วกว่าการรักษาแบบเดิม เป็นวิธีการผ่าตัดกรีดตาจากทางด้านนอก ซึ่งวิธีนี้ทำให้เกิดแผลเป็น  แต่การรักษานี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของจักษุแพทย์เฉพาะทางท่านั้น

จะเห็นว่า  หากพบความผิดปกติของดวงตาทารก มีน้ำตาไหลตลอดเวลา  ดวงตาเฉอะแฉะทั้ง ๆ ที่เจ้าหนูไม่ได้ร้องไห้  ควรพาทารกน้อยไปพบคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำในการรักษาต่อไป  ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นการสะสมเชื้อโรคจนเกิดฝีหนอง  ส่งผลเสียต่อดวงตาได้

The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง

เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.bumrungrad.com

https://www.babyfancy.com

https://haamor.com

https://www.doctoraree.com

https://www.komchadluek.net

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

คุณแม่แชร์ประสบการณ์ เมื่อดวงตาลูกเปลี่ยนไปเพราะมะเร็ง

คลิปสุดซึ้ง: ดวงตาของพ่อ

ไขข้อสงสัย เมื่อ ลูกสะอึก ทารกสะอึก มีอะไรที่ควรรู้บ้าง!