อาการแพ้ท้อง เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการ คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียมากกว่าปกติ และจะเริ่มแสดงอาการขึ้นเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่ 3 สำหรับสาเหตุของการเกิดอาการแพ้ท้องนั้น ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ส่วนใหญ่มักเชื่อว่าเป็นผลมาจากร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนเอชซีจี (HCG – Human chorionic gonadotropin) ที่รกสร้างสูงขึ้น เขื่อว่า แม่ท้องหลายคนเกิดคำถามว่า แพ้ท้องมาก อันตรายไหม แพ้ท้องหนักจะเกิดอะไร วิจัยเผย แม่แพ้ท้องมีโอกาสที่จะไม่แท้ง!
แพ้ท้องมาก อันตรายไหม
มีเรื่องเล่าและตำนาน มากมายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น หากแม่ท้องมีโอกาสแสบร้อนกลางอกนั้น หมายความว่าลูกน้อยในครรภ์จะมีขนเยอะ หรือหากอัตราการเต้นของหัวใจลูกน้อยในครรภ์ต่ำกว่า 140 แสดงว่า แม่กำลังตั้งครรภ์ลูกชาย หรือ หากแม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และ แพ้ท้อง แสดงว่า คุณจะไม่แท้ง
โดยการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่า แม่ท้องแพ้ท้อง มีโอกาสที่จะไม่แท้ง โดยจากการวิจัยพบว่า ผู้หญิงตั้งครรภ์หลายคนนั้น มีอาการแพ้ท้อง หลายคนบอกว่าการแพ้ท้องนั้นสามารถส่งผลต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของการท้อง หลายคนคาดการณ์ว่าอาการคลื่นไส้เป็นสัญญาณที่ดี บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ว่ามีสุขภาพที่ดี แต่ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อความนี้
การศึกษาล่าสุดใน JAMA ของ Harvard Women’s Health ได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำการวิจัยกับแม่ท้องที่มีการแพ้ท้องได้บันทึก และ รวบรวมข้อมูล จากการคลื่นไส้ และ อาเจียน โดยการวิจัยครั้งนี้เพื่อจะเป็นศึกษา โดย โฟกัสที่อาการแพ้ท้อง โดยการวิจัยพบว่า เกือบสองในสาม ของผู้หญิงตั้งครรภ์ ที่มีการแพ้ท้อง คลื่นไส้ และ อาเจียน นั้น มีความสัมพันธ์ที่ลดลงถึง 50% และ 75% ในการสูญเสียการตั้งครรภ์
โดยอาการคลื่นไส้และอาเจียนในระหว่างการตั้งครรภ์นั้นถูกเรียกว่า “การแพ้ท้อง” โดยในภาษาอังกฤษคือ “Mornig Sickness” ซึ่งการแพ้ท้องนั้นสามารถเกิดขึ้นทุกเวลารวมถึงเวลากลางคืน โดยปกติแล้วอาการแพ้ท้อง จะเริ่มพบในช่วงไตรมาสแรก ประมาณสัปดาห์ที่ 6 บางคนอาจจะรู้สึกเร็วกว่านั้นค่ะ หรือไม่ก็กว่าจะรู้อีกทีในช่วงสัปดาห์ที่ 12-16 ของการตั้งครรภ์ก็ได้ ส่วนใหญ่คุณแม่จะรู้สึกแพ้ท้องหนักมากในช่วงสัปดาห์ที่ 8-9 ของการตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะคุณแม่บางคนกลับไม่รู้สึกแพ้ท้องเลยก็มีค่ะ หรือไม่ก็แพ้ท้องยาวไปจนคลอดเลยก็มี
โดยปัจจุบันนี้มีการวิจัยว่า อาหารและวิถีชีวิต บางอย่างของแม่ท้องสามารถบรรเทาได้ โดย แม่ท้องอาจจะ มีการรับประทาน “ขิง” เพราะจากการวิจัย เผยว่าใน ขิง มีสารอาหารบางอย่างที่จะช่วยให้หายปวดท้อง และจะมีผลดีในการช่วยอาการแพ้ท้อง โดยแม่ท้องสามารถเลือกทานได้ว่าจะกินขิงแบบไหน มีทั้งน้ำขิงร้อน น้ำขิงเย็น น้ำขิงโซดา และการทานขิงจริงๆก็ช่วยดีเหมือนกัน รวมถึงยาแคปซูลขิงก็จะลดอาการแพ้ท้องด้วย
หรือแม่ท้องบางคนอาจจะเปลี่ยนสไตล์การกิน จากแต่ก่อนแบ่งเป็น 3 มื้อก็อาจจะกินจุบจิบแทน การปล่อยให้ ท้องว่าง สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ท้องได้ เพราะระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่อาจจะตกและทำให้หน้ามืดเอาได้ เพราะฉะนั้น การกินจุบจิบ และ การกินไปเรื่อยๆ จะช่วยให้แม่ท้องรู้สึกดีขึ้น ในระหว่าง การแพ้ท้อง การกินจุบจิบ อาจจะเลือก แครกเกอร์ หรือ ขนมปังชิ้นเล็กๆ ก็ได้ เพราะขนมปังหรือแครกเกอร์ดูดซับกรดส่วนเกินซึ่งช่วยในอาการแพ้ท้อง แม่ท้องอาจจะกินแครกเกอร์และขนมปังเพื่อช่วยอาการแพ้ท้องก็ได้
รวมถึงแม่ท้องบางคนอาจจะเลือกการพักผ่อนให้เพียงพอเพราะ แม่ท้องถ้านอนไม่พอ หรือ มีอาการอ่อนเพลีย จะทำให้อาการแพ้ท้องแย่มากขึ้น แม่ท้องควรหันมาดูแลร่างกาย หรือ สัญญาณของการแพ้ท้อง ถ้าแม่ท้องเหนื่อยและรู้สึกแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อาจจะถึงเวลาที่แม่ที่แพ้ท้อง ควรพักผ่อน บ้างได้แล้วล่ะ แม่ท้องควรหาเวลาสั้นๆเพื่องีบหลับระหว่างวัน และ ต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงนะคะ
โดยทาง Harvard Women’s Health บอกว่าหนึ่งเหตุผลที่ทำการวิจัยนี้ เพราะ รับรู้ได้ว่าแม่ท้องหลายคนเริ่มท้อ กับการแพ้ท้อง ซึ่งการวิจัยนี้จะช่วยทำให้แม่ท้องมองการแพ้ท้องเป็นเชิงบวก และ สร้างความมั่นใจว่า การอดทน นั้นจะพาพวกเขาไปลูกน้อยที่เป็นแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์
ที่มา : Harvard Women’s Health
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
7 ผลไม้ที่ลดอาการแพ้ท้อง แพ้ท้องต้องกินยังไง รับมือไว้ให้หายชัวร์
ไม่อัลตราซาวด์ดู ก็รู้ได้ ในท้องลูกชายแน่ ๆ เพราะแม่แพ้ท้องแบบนี้ ลักษณะท้องเป็นอย่าง
แพ้ท้อง อยากกินดิน อยากกินงู เหม็นผัว อาการคนท้องไตรมาสแรก แม่ท้องจะกินสามีห้ามขัด