เช็คด่วน! อาการ ลูกน้ำมูกไหล เรื้อรังอาจเกิดจาก “ขนม”

หากลูกของคุณมีน้ำมูกไหลบ่อยๆ หรือมีอาการหวัดที่ไม่หายเสียที นั่นอาจเป็นเพราะลูกของคุณเป็น “โรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาล” (Milk and Cookie Disease) ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกน้ำมูกไหล บ่อย ๆ เกิดจากอะไร?

การรับประทานผลิตภัณฑ์จากนมวัวและน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้ ลูกน้ำมูกไหล เรื้อรัง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “โรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาล” (Milk and Cookie Disease)

พ่อแม่ส่วนใหญ่ทราบว่า การที่ลูกเล็กเจ็บป่วยบ่อยๆ นั้นเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตัวร้าย หรือ ลูกน้ำมูกไหล บ่อย ๆ ที่เกิดจากไข้หวัดธรรมดาก็ตาม

แต่หากลูกของคุณดูเหมือนจะคัดจมูกอยู่ตลอดเวลา มีอาการไอบ่อยๆ หรือมีน้ำมูกไหลเรื้อรัง นั่นอาจเป็นความเจ็บป่วยที่น่ากังวลมากกว่าแค่ไข้หวัดธรรมดา และอาจเกิดจากโรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาล

คุณหมอจูลี่ เวย์ รองศาสตราจารย์ภาควิชาศัลยกรรมโสต ศอ นาสิกวิทยาที่มหาวิทยาลัยศูนย์การแพทย์แคนซัส มักจะพบว่าผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยบริเวณหู คอ และจมูกกับเธอนั้นใช้ยาหลายชนิด แต่ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย

เรื่องนี้ทำให้เธอสงสัยว่า เด็กเหล่านี้อาจได้รับการวินิจฉัยโรคที่ไม่ถูกต้อง และอาจได้รับยาเกินความจำเป็นอีกด้วย

“จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยของดิฉัน ดิฉันได้พบเห็นอาการผิดปกติของเด็กซ้ำแล้วซ้ำเล่า มนุษย์ที่ไม่ได้มีอาการป่วยทางกายจะมีอาการเหล่านั้นทุกวันได้อย่างไรกัน” คุณหมอเวย์กล่าว

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ทฤษฎีของคุณหมอก็คือ อาหารการกินของผู้ป่วยเด็กซึ่งประกอบไปด้วยนมวัวและน้ำตาลมีบทบาทสำคัญต่ออาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหู คอ และจมูกของพวกเขา ซึ่งก็ตรงกับ “โรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาล” (MCD)

โรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาลคืออะไรกันแน่ และคุณจะทราบได้อย่างไรว่าลูกของคุณเป็นโรคนี้จริงๆ

เด็กมักได้รับการวินิจฉัยโรคผิด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกของคุณเป็นโรคภูมิแพ้ หรือว่าจริงๆ แล้วเป็นแค่โรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาลกันแน่

โรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาลทำให้เกิดอาการผิดปกติในหู คอ และจมูก โดยมีอาการเช่นเดียวกับไซนัสอักเสบ ภูมิแพ้ และการติดเชื้อหรือโรคที่แท้จริงอื่นๆ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กจะได้รับการวินิจฉัยผิดว่าเป็นไซนัสอักเสบหรือภูมิแพ้

แต่จากการสังเกตและค้นคว้า คุณหมอเวย์สังเกตเห็นว่า จุดเชื่อมโยงร่วมกันระหว่างผู้ป่วยเด็กของเธอ คือ อาหารการกินประจำวันของพวกเขาที่ประกอบไปด้วยเครื่องดื่มหวานๆ และนมตลอดทั้งวันจนกระทั่งก่อนเข้านอน ซึ่งทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน (GERD)

โรคนี้เกิดจากการที่กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนหน้าอก มีการผลิตเสมหะมากขึ้น และเจ็บคอ อาการทั้งหมดเหล่านี้ยังเป็นอาการเดียวกับที่พบในโรคไข้หวัดธรรมดาอีกด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ผู้ป่วยคนหนึ่งของคุณหมอเวย์เป็นเด็กหญิงวัย 10 ปีที่เคยมีอาการของกลุ่มโรคทางเดินหายใจส่วนต้นอักเสบถึง 27 ครั้งในช่วงวัยเด็ก และใช้ยาถึง 6 ชนิด แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่ได้ผลเลย

แต่เมื่อได้ทราบว่าเด็กคนนี้ดื่มนมและทานคุกกี้เป็นของว่างก่อนเข้านอนทุกคืน คุณหมอเวย์ก็ได้แนะนำให้พ่อแม่ของเธองดให้ลูกทานนมและน้ำตาลในช่วงเย็น หลังจากนั้น เด็กหญิงก็ไม่มีอาการเจ็บป่วยเลยตลอดเวลา 6 เดือน

“และจู่ๆ ฉันก็ได้ไอเดียขึ้นมา และเริ่มสอบถามพ่อแม่ของผู้ป่วยหลายคนว่าผู้ป่วยรับประทานอะไรตอนกลางคืน น่าตกใจมากที่ส่วนใหญ่มักเป็นอาหารที่มีน้ำตาลหรือไม่ก็เป็นผลิตภัณฑ์จากนม บ่อยครั้งพบว่าผู้ป่วยทานทั้งสองอย่าง” คุณหมอกล่าว

สัญญาณบ่งบอกโรค

แล้วคุณจะทราบได้อย่างไรว่า ลูกของคุณเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาหรือเป็นโรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาลกันแน่ และนี่คือเช็คลิสต์ที่จะช่วยคุณได้

อาการของโรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาล มีดังนี้

  • คัดจมูกอยู่เสมอ
  • แน่นจมูก
  • น้ำมูกไหลเรื้อรัง
  • ไอไม่หาย
  • เป็นไซนัสอักเสบบ่อยๆ
  • เจ็บคอ
  • ทางเดินหายใจส่วนต้นอักเสบบ่อยๆ
  • ภูมิแพ้
  • หอบหืด
  • หายใจมีเสียงดังหวีดๆ

หากคุณสงสัย ให้ไปปรึกษาแพทย์ประจำตัวของลูกและครอบครัวของคุณ

อ่านหน้าต่อไปเพื่อเรียนรู้เคล็ดลับในการป้องกันและรักษาโรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาล

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คุณจะป้องกันหรือรักษาโรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาลของลูกอย่างไร

การป้องกันและรักษาโรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาล

โดยธรรมชาติแล้ว เด็กจำนวนมากชอบบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวาน แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และอาจลดความสามารถของเซลล์เม็ดเลือดขาวในการฆ่าเชื้อโรคลงถึง 40%

ผู้ปกครองทั้งหลายอาจลืมไปว่าเครื่องดื่มหลายๆ ชนิดของลูก เช่น นมรสต่างๆ น้ำผลไม้กล่อง น้ำอัดลม และน้ำดื่มผสมวิตามินแร่ธาตุต่างๆ มีน้ำตาลผสมอยู่ด้วย

น้ำตาลที่ถูกหมักและเครื่องดื่มผ่านกรรมวิธีที่หลงเหลืออยู่ในกระเพาะอาหารจะบูดเน่าในช่วงกลางคืน และอาจย้อนกลับขึ้นไป ทำให้เกิดอาการต่างๆ ที่อาจทำให้แพทย์เข้าใจผิดว่าเป็นโรคหอบหืด ภูมิแพ้ หรือความเจ็บป่วยอื่นๆ

แม้บางคนจะรู้สึกว่าการดื่มนมก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น แต่คุณหมอเวย์เตือนว่าการดื่มนมก่อนนอนมีผลเสียต่อเด็กหรือใครก็ตามที่อายุมากกว่า 12 เดือน คุณหมออธิบายว่า นมที่วางไว้ที่อุณหภูมิ 96.8 องศาฟาเรนไฮต์เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมงแล้วเข้าไปผสมกับกรดในกระเพาะอาหารจะข้น และทำให้เกิดก้อนคล้ายโยเกิร์ตที่อาจไหลย้อนกลับขึ้นตามหลอดอาหารของเด็กได้

“ดิฉันได้ใช้เวลาหลายปีสังเกตว่า เมื่อเด็กๆ เลิกบริโภคน้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากนมในช่วงเย็นและก่อนนอน หลายคนก็หายจากอาการผิดปกติที่หู คอ จมูกอย่างเป็นปลิดทิ้ง และแม้ว่าบางคนจะไม่หายขาด แต่อย่างน้อยก็ทำให้หมออย่างฉันได้รู้ว่าปัญหาสุขภาพที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไร” คุณหมอเวย์กล่าว

คุณควรให้ลูกงดน้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากนมโดยสิ้นเชิงหรือไม่

เลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า

แม้จะไม่มีความจำเป็นต้องตัดน้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากนมวัวออกจากอาหารของลูกโดยสิ้นเชิงเพื่อป้องกันหรือรักษาโรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาล เพราะสองสิ่งนี้สามารถให้ลูกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมได้ในช่วงระหว่างวัน แต่คุณหมอเวย์ได้แนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองสอนให้ลูกเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า โดยการทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างและสนับสนุนพฤติกรรมการบริโภคที่ดี

คุณอาจพาลูกของคุณไปซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วชวนกันอ่านฉลากอาหารเพื่อช่วยกันเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลน้อยกว่า พยายามทำอาหารทานเองที่บ้านแทนที่จะออกไปทานอาหารนอกบ้านหรือซื้อจากร้านมาทาน และให้ดื่มน้ำเปล่าให้เป็นนิสัย

ซูซี่ รัคเกอร์ นักบำบัดทางโภชนาการที่ศูนย์สุขภาพ “บอดี้ วิธ โซล” เชื่อว่าน้ำเปล่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก แต่ก็เพิ่มเติมด้วยว่า น้ำผลไม้สดที่ไม่เติมน้ำตาลมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าน้ำผลไม้แพ็คกล่อง นมช็อกโกแล็ตบางยี่ห้อที่มีน้ำตาล 3-4 ช้อนชาก็ถือว่ายอมรับได้ เทียบกับน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องที่มีน้ำตาลสูงถึง 7 ช้อนชาหรือมากกว่านั้น

พ่อแม่ที่กังวลเรื่องระดับแคลเซียมที่ลูกจะได้รับ ก็สามารถให้ลูกรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ผักใบเขียว เต้าหู้ ถั่วบางชนิด (เช่น อัลมอนด์) ผลไม้บางชนิด (เช่น ส้ม) และอื่นๆ อีกมากมาย หรือคุณจะเลือกนมชนิดอื่นๆ ที่ช่วยเสริมคุณค่าทางอาหารให้ลูกได้

ตัวเลือกอื่นๆ แทนนมวัว:

  • นมถั่วเหลือง
  • นมอัลมอนด์
  • น้ำนมข้าว
  • นมมะพร้าว
  • นมเฮมพ์
  • น้ำนมข้าวโอ๊ต
  • นมคีนัว
  • น้ำนมมันฝรั่ง
  • น้ำนมดอกทานตะวัน
  • นมธัญพืชทั้ง 7 (จากข้าวโอ๊ต ข้าว ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ ทริทิเคลี สเปลท์ และมิลเล็ท)

หากคุณฝึกให้ลูกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ให้เป็นนิสัยตั้งแต่เล็ก ลูกของคุณก็จะมีแนวโน้มที่จะชอบอาหารที่ดีต่อสุขภาพเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น การช่วยให้ลูกเลือกรับประทานอาหารที่ดีตั้งแต่วันนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของลูกในอนาคต

หากคุณสงสัยว่าลูกของคุณอาจเป็นโรคแพ้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำตาล อาจลองให้ลูกงดการบริโภคน้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากนมก่อนนอนเพื่อดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ คุณยังสามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ด้วย

ที่มา: https://sg.theasianparent.com/milk-and-cookie-disease

The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว 

การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง

เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ มีผลต่อเจริญเติบโตและพัฒนาการ

10 รายชื่อคุณหมอเด็กผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้

ลูกไม่สบายทำไงดี? เป็นไข้ น้ำมูกไหล ทำยังไงดี ลูกร้องไห้ไม่หยุด