คุณภาพในการนอนเป็นเรื่องสำคัญ หลายคนจึงวางใจที่จะเลือก “ที่นอนยางพารา" ที่สามารถรองรับความต้องการได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในด้านสุขภาพ หรือการนอนที่สบายเต็มอิ่มตลอดคืน วันนี้เรามาพร้อมหลักการเลือกซื้อที่นอนยางพาราด้วยตนเอง และแนะนำตัวสินค้าที่รองรับความต้องการของแต่ละคนมาให้เลือกดูกัน
ทำไมต้องเลือกที่นอนยางพารา
หากจะกล่าวถึงวัสดุหมอนในรูปแบบต่าง ๆ คงมีอยู่ให้เลือกด้วยกันหลายต่อหลายแบบ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้น “ที่นอนยางพารา" ด้วยการบอกเล่าปากต่อปาก ถึงความนุ่ม, เสียรูปร่างยาก และไม่ยุบ ทำให้การนอนด้วยที่นอนชนิดนี้ไม่ปวดหลัง และทำให้หลับสบายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานที่ทำให้เกิดการพัฒนาที่นอนชนิดนี้อยู่หลายรูปแบบ ทั้งในแบบบาง หรือแบบหนา และด้วยความต้องการซื้อของคนทั่วไปนั้น ส่งผลให้มีการผลิตที่นอนยางพาราออกมาแบบไม่ได้คุณภาพ หรือไม่ใช่ยางพาราจริง ๆ เช่น เป็นยางพาราแค่ผิวนอก แต่ด้านในเป็นยางอัด หรือด้านในเป็นยางอัดผสมกับฟองน้ำ ยิ่งต้องเลือกให้ดีมากขึ้นไปอีก
วิดีโอจาก : โซฟาเบด ATIST by ครูทิพย์
นอกจากความทนทานของตัวที่นอน และความนุ่มสบายดีต่อสุขภาพในช่วงเวลาที่นอนหลังแล้ว ที่นอนชนิดนี้จะไม่เก็บสะสมฝุ่นเหมือนกับที่นอนชนิดอื่น ๆ เป็นมิตรกับคนที่มีโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ระบบภูมิแพ้ เป็นต้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเท่านั้น ที่นอนยางพารายังมีข้อเสีย คือ น้ำหนักที่ถือว่ามากหากเทียบกับที่นอนชนิดอื่น และไม่สามารถตากแดดได้ เพราะจะทำให้คุณภาพของยางในที่นอนเสื่อมลงได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ที่นอนทารกแบบไหนดี ควรซื้อแบบไหน เตียงไม้ เพลย์เพน หรือเปลไกว
6 วิธีเลือกซื้อที่นอนยางพารา
จากที่เราได้กล่าวไปว่า ด้วยความที่สามารถหาได้ทั่วไป เพราะถือเป็นที่นอนมาตรฐานของทุกคน ทำให้อาจมีการผลิตที่เอาเปรียบผู้บริโภค จนอาจเกิดความเสี่ยงที่จะได้ของปลอมมาแทน จึงต้องมีวิธีการสังเกตก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนี้
- ถึงแม้ว่าจะมีความบางมากแค่ไหน สำหรับที่นอนยางพารานั้นก็ยังต้องมีน้ำหนักมาก ไม่เบาอยู่ดี
- พื้นผิวสัมผัสจะต้องมีความนุ่ม ไม่มีความหยาบ ในบางอันอาจมีกลิ่นของยางหลงเหลืออยู่ถือว่าปกติ
- ไม่สามารถจับตั้งแล้วยังคงสภาพได้ เนื่องจากจะมีความนุ่ม ทำให้โค้งงอลงมาเล็กน้อย
- หากจับตัวที่นอนม้วน และปล่อยออก ที่นอนจะกลับคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว เพราะมีความยืดหยุ่นสูง
- สีจะต้องออกนวล ไม่ขาวเหมือนกระดาษ หากเป็นสีขาวสะอาดอาจมีการสังเคราะห์
- จับจุดสังเกตว่าหากเป็นของแท้ โดยทั่วไปแล้วมักจะให้ลองทดสอบสินค้า
ความแตกต่างของที่นอนยางพารา VS ที่นอนสปริง
ที่นอนชนิดสปริงถือเป็นที่นอนที่เป็นที่นิยมสำหรับคนทั่วไป ถือว่าเป็นที่ต้องการเท่า ๆ กับแบบยางพาราก็ว่าได้ ดังนั้นหากเราจะหาว่าที่นอนแบบไหนดีกว่า และดีกว่าในด้านไหนก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เราจึงจะนำข้อมูลตรงจุดนี้มาบอกเล่าให้ฟังกัน
- การรับน้ำหนัก : ที่นอนแบบสปริงจะสามารถรับน้ำหนักได้น้อยกว่าแบบยางพารา โดยแบบสปริงจะเน้นที่การรับน้ำหนักเฉพาะจุดที่มีผู้นอน ในขณะที่แบบยางพาราจะรับน้ำหนักแบบกระจายอย่างสมดุล
- แรงกดทับความปวดเมื่อย : แรงกดทับเวลานอนจะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยเมื่อตื่นมาในตอนเช้า หรือทุกครั้งที่นอน ซึ่งที่นอนแบบสปริงจะมีแรงกดทับที่มากกว่า ทำให้มีโอกาสปวดเมื่อยมากกว่านั่นเอง
- ความทนทาน : ที่นอนแบบยางพาราจะมีความทนทานที่มากกว่า ซึ่งเป็นผลมาจากการรับน้ำหนักแบบกระจาย นอกจากนี้ยังระบายอากาศได้ดีกว่าแบบสปริงอีกด้วย
- การเก็บรักษา : ในขณะที่แบบยางพาราไม่สามารถตากแดดได้ เพราะเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถพับเก็บได้โดยไม่ต้องกลัวเสียรูปทรง ซึ่งแตกต่างจากแบบสปริงที่พับเก็บแล้วอาจทำให้รูปทรงเปลี่ยนไป
- ราคาของที่นอน : ด้วยคุณภาพของที่นอนยางพารา ซึ่งมากกว่าที่นอนสปริงอย่างชัดเจน ส่งผลให้แบบยางพารามีราคาที่สูงกว่าในระดับหนึ่ง จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้แบบเฉพาะจุดเท่านั้น
5 ที่นอนยางพาราที่เราอยากแนะนำให้ลองใช้
มาถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจเริ่มสนใจที่จะจับจองที่นอนชนิดนี้อยู่ไม่มากก็น้อย แต่ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะเราได้คัดยี่ห้อที่แนะนำ หลากสไตล์มาให้เลือกแล้ว ไม่ว่าร้านไหนก็คุ้มค่าอย่างแน่นอน
1. Home Best หุ้มซาติน
ที่นอนยางพาราที่สามารถพับได้ กับความหนา 1.5 นิ้ว สีขาว ด้วยผ้าซาติน หรือผ้าแพรจีน กันไรฝุ่นได้เป็นอย่างดี มีความเหนียวแน่น, ทนทาน, ไม่ยุบตัว, ไม่จมเป็นแอ่ง, ช่วยป้องกันอาการปวดหลัง, ทำให้รู้สึกสบายตัวเวลานอน, น้ำหนักเบา, ซักทำความสะอาดง่าย, พกพาสะดวก, ไม่เปลืองพื้นที่ และอยู่ได้นานถึง 10 ปี
ที่นอนดี ๆ จาก Home Best
2. Thames Bristol latex mattress
รองรับงบที่มีจำกัด ด้วยของคุณภาพระดับสูงจาก Thames ด้วยผลิตภัณฑ์การนอนที่ออกแบบมาเพื่อคุณ ให้การนอนได้คุณภาพดี ที่นอนราคาจับต้องได้ มีวัสดุผสานเทคโนโลยีให้เลือกหลากหลายแบบ มีหลายรุ่น เลือกได้ตามความต้องการในแบบของคุณเอง รับประกันตอบโจทย์ปัญหาการนอนอย่างครบถ้วนแน่นอนด้วยโครงสร้าง 4 ชั้น ได้แก่ Knitted Fabric, EcoLatex, Adaptive Foam และ Knitted Fabric
3. Be time รุ่น Soft
ด้วยราคาที่เอื้อมถึงจากการผลิตจากโรงงานในประเทศไทย ขายตรงโดยไม่ผ่านคนกลาง หลับสบายไม่เกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายทั้งขณะหลับ และขณะตื่น ด้วยน้ำยางพาราแท้จากประเทศไทย มีใบรับรองส่วนผสมจาก ศูนย์วิจัยเทคโนโลยียางคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และวิเคราะห์หาปริมาณด้วยเทคนิคเทอร์โมแกรวิเมทริก แอนาลิซิส ตามมาตรฐาน ISO 9924-1
4. Dunlopillo Firma Latex
ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย รองรับสรีระ กระจายน้ำหนัก สามารถช่วยลดอาการปวดหลัง, เสริมความนุ่มสบาย เมื่อวางลงบนที่นอน, ใช้ปูวางบนพื้นได้ตามการใช้งาน, สามารถพับหรือม้วน ง่ายต่อการจัดเก็บ, ป้องกันไรฝุ่น ภายใต้วัสดุยางพารานำเข้าจากประเทศเบลเยียม “Latexco" และ ผ้าหุ้ม Dunlopillo Design Cotton นำเข้าจากประเทศอังกฤษทั้งหมดนี้แค่ส่วนหนึ่งของที่นอนยางพารา Dunlopillo เท่านั้น
5. Nooz รุ่น Sunny
Nooz SleepTech ด้วยคติที่ว่า “ออกแบบการนอนได้ในแบบที่เป็นคุณ" ผลิตภัณฑ์สำหรับการนอนที่ออกแบบมาเพื่อคุณ ด้วยคุณภาพดี แต่ราคาจับต้องได้ มีวัสดุผสานเทคโนโลยีให้เลือกหลากหลายแบบ หลายรุ่น สามารถเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการในแบบของคุณได้เลย พร้อมตอบโจทย์ปัญหาการนอนอย่างครบถ้วน ไร้ปัญหาอาการปวดเมื่อย
เปรียบเทียบราคาล่าสุด
|
ยี่ห้อ |
รุ่น |
ขนาด (ฟุต) |
ราคา (บาท) |
Home Best |
Satin |
3/3.5/5/6 |
680 – 1,180 |
Thames |
Bristol |
3/3.5/5/6 |
999 – 2,399 |
Be time |
Soft |
2.5/3/3.5/5/6 |
790 – 3,950 |
Dunlopillo |
Firma Latex |
3/3.5/5/6 |
1,690 |
Nooz |
Sunny |
3/3.5/5/6 |
5,990 – 7,490 |
ถึงแม้ที่นอนชนิดนี้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับที่นอนชนิดอื่น ๆ แต่ด้วยคุณภาพที่จะได้กลับมาทำให้สามารถมั่นใจได้ว่า การลงทุนทุกบาททุกสตางค์จะเป็นผลดีต่อสุขภาพของเราอย่างแน่นอน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
7 เตาอบ ยี่ห้อไหนดี? การใช้งานตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน มาดูกัน!
5 กล้องวงจรปิด ไร้สาย เพื่อความปลอดภัยในบ้าน ยี่ห้อไหนดี ปี 2023
7 น้ำขิง ชาขิง ที่ดีที่สุดอร่อย ควรเลือกยี่ห้อไหนดีที่มีประโยชน์สูง
ที่มาข้อมูล : mattresscity