อึลูกจากการให้นมแม่และนมผง ต่างกันอย่างไร?
อึลูกจากการให้นมแม่และนมผง ต่างกันไหม เราไปดูความแตกต่างพร้อม ๆ กัน
อึลูก จากการให้นมแม่และนมผง
อึลูกจากการให้นมแม่
อึลูกจากการให้นมแม่ โดยปกติทั่วไปแล้วจะมีสีเหลือง เหมือนฟักทอง บางครั้งอาจมีสีเขียวอ่อน หรือสีน้ำตาลอ่อนบ้าง โดยอึของลูกจะมีลักษณะเหลว ไม่แข็งเป็นก้อน และมีเศษเล็ก ๆ เหมือนเมล็ดพืชปนอยู่ด้วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะนมแม่ง่ายต่อการย่อย และมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของทารกครบทุกชนิด บางครั้งจะเหลวคล้ายกับการเป็นโรคท้องร่วง แต่ไม่เป็นอันตรายอะไร และบางครั้งอึของเด็กจะเหลวจนอาจซึมลงในผ้าอ้อมได้
กลิ่นของอุจจาระจากการให้นมแม่จะมีกลิ่นอ่อน ๆ และไม่เหม็นนัก บางครั้งอาจมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเล็กน้อย และเด็กจะอึค่อนข้างบ่อย
อึลูก จากการให้นมแม่และนมผง
อึของลูกจากการให้นมผง
อึของลูกจากการให้นมผงนั้น สีของอุจจาระมีหลากหลาย ตั้งแต่เหลือง เขียว ไปจนถึงน้ำตาล ซึ่งถือว่าปกติทั้งสิ้น บางครั้งจะมีสีเหลือง และบางครั้งจะมีสีน้ำตาลอ่อน คล้าย ๆ กับการให้นมแม่ แต่จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน คล้าย ๆ สีของเนยถั่ว โดยอึของลูกจากการให้นมผง จะแข็งกว่าอึของลูกจากการให้นมแม่เล็กน้อย และมักจะเหนียว และติดอยู่บนผิวผ้าอ้อม
กลิ่นของอึจากการให้นมผง จะมีกลิ่นไม่แรงเหมือนกลิ่นของอึจากการให้นมแม่ และไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวมาก เพราะนมผงมีความเป็นกรดน้อยกว่านมแม่ อีกทั้งทารกที่ดื่มนมผงจะไม่ถ่ายบ่อยเท่าทารกนมแม่ โดยเชื่อกันว่าประเภทของไขมันที่ผสมในนมผงนั้นเป็นปัจจัยต่อความถี่ของการถ่ายอุจจาระ
ลูกไม่อึนานเท่าไหร่ถึงเรียกผิดปกติ
-
ทารกนมแม่
สำหรับทารกที่กินนมแม่เพียงอย่างเดียว มักจะถ่ายหลายรอบต่อวัน โดยเฉพาะในช่วง 2-3 อาทิตย์แรกหลังคลอด แต่หลังจากนั้น ทารกก็อาจจะถ่ายไม่บ่อยเหมือนเดิม อาจเหลือเพียงวันละครั้ง หรือหลายวันถึงจะถ่าย เพราะสารอาหารในนมแม่ จะถูกดูดซึมไปใช้เกือบหมด ทำให้เหลือของเสียที่ต้องขับถ่ายออกไปไม่มาก ทารกบางคนไม่ถ่ายนาน 2-3 สัปดาห์ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นอาการท้องผูกอย่างที่หลายคนเข้าใจ
-
ทารกนมผง
แต่สำหรับทารกที่กินนมผสม อาจจะมีอุจจาระที่แข็งกว่า และถ่ายไม่คล่องเท่ากับทารกที่กินนมแม่ บางคนอาจจะถ่ายทุก ๆ 3-4 วัน แต่ถ้าอุจจาระไม่แข็งเป็นเม็ดคล้ายลูกกระสุน ก็ยังไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติเช่นกัน
ที่มา unitypoint.org
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ลูกเหงื่อออกตอนนอน สัญญาณโรคร้ายที่พ่อแม่ต้องระวัง
อาการแพ้นมวัว เป็นอย่างไร อันตรายแค่ไหน จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกแพ้นมวัว