วิธีใส่ถุงยางอนามัย
วิธีใส่ถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยใส่อย่างไรถึงจะถูกวิธี ข้อควรระวังในการใส่ถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยป้องกันอะไรได้บ้าง วิธีใช้ถุงยางอนามัยให้ปลอดภัย
ทำไมต้องใช้ถุงยางอนามัย
หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย จะไปเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อกามโรคถึง 5 เท่า เนื่องจากการสัมผัสของอวัยวะเพศและสารคัดหลั่งโดยตรงกับคนอื่น การใช้ถุงยางอนามัยนอกจากจะช่วยป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ได้แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจได้อีกด้วย ซึ่งถุงยางอนามัยในปัจจุบันทำมาจากยางธรรมชาติ (Latex) ที่ได้ผ่านการทดสอบและตรวจสอบแล้วว่ามีความปลอดภัย ไม่มีรูรั่ว และมีความทนทานตามมาตรฐานกำหนด
ถุงยางอนามัยป้องกันอะไรได้บ้าง
- ถุงยางอนามัยป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อม – ประโยชน์ของถุงยางอนามัยอย่างแรกคือ การคุมกำเนิด โดยถุงยางอนามัยจะป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปในช่องคลอด จึงควรสวมถุงยางตลอดเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ ก่อนสวมก็ต้องสังเกตด้วยว่า ถุงยางอนามัยรั่วหรือชำรุดไหม
- ถุงยางอนามัยป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ – ถุงยางอนามัยช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคเอดส์ กามโรค หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น เพราะการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้
ประโยชน์ของถุงยางอนามัยอื่น ๆ
ถุงยางอนามัยช่วยลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ เพราะถุงยางอนามัยมีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งยังใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย นอกจากนี้ ถุงยางอนามัยยังช่วยเพิ่มอรรถรสทางเพศ เพราะมีหลากหลายกลิ่น หลายรูปแบบทั้งผิวเรียบลื่น ขรุขระ หลากสีสัน ให้เลือกสนุก
วิธีใส่ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง
- วิธีใส่ถุงอนามัย ฉีกซองถุงยางอนามัยออกมาแล้วเลือกด้านที่ถูกต้อง โดยเลือกด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก ใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ
- ก่อนใส่ถุงยางอนามัย อวัยวะเพศต้องแข็งตัวเต็มที่ เมื่อสวมแล้วรูดถุงยางอนามัยลงมาจนสุด เพื่อป้องกันการหลุดออกในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
- ตรวจดูถุงยางอนามัย ถุงต้องไม่ขาด ไม่ชำรุด ปลายถุงยางอนามัยไม่มีรอยรั่วหรือแตกออก บริเวณขอบที่รูดลงมาไม่มีรอยฉีกขาด
- เมื่อเสร็จกิจแล้วควรถอดถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ เพื่อไม่ให้หกเลอะเทอะ โดยใช้มือดึงออกจากส่วนโคนก่อน ดึงออกอย่างระมัดระวัง และอาจจะใช้กระดาษชำระห่อก่อนนำไปทิ้ง
- หากต้องการมีเพศสัมพันธ์ในยกต่อไป ต้องทิ้งถุงยางอนามัยอันเก่า ใช้ถุงยางอนามัยอันใหม่ หากใช้ถุงยางอนามัยซ้ำ ๆ ประสิทธิภาพของการป้องกันเชื้อโรคจะลดลง
ข้อควรระวังในการใส่ถุงยางอนามัย
ขนาดของถุงยางอนามัย
ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขปี พ.ศ. 2535 เรื่องคุณภาพของถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติมีอยู่ 13 ขนาด คือตั้งแต่ 44-56 มิลลิเมตร โดยวัดจากความกว้างของถุงยางที่คลี่แบนราบกับพื้น แต่โดยทั่วไปจะมีจำหน่ายเพียง 2 ขนาดคือ 49 และ 52 มิลลิเมตร
การวัดขนาดให้เหมาะสมกับถุงยางอนามัย ให้วัดรอบวงของอวัยวะเพศขณะแข็งตัวเต็มที่เป็นหน่วยมิลลิเมตร และนำไปหารด้วย 2 จะได้เป็นขนาดของถุงยางอนามัยที่เหมาะสม
ห้ามใช้น้ำมันหรือโลชั่นเป็นสารหล่อลื่น ก่อนใส่ถุงยางอนามัย
การใช้สารหล่อลื่นอื่น ๆ เช่น น้ำมันมะพร้าว โลชั่น เบบี้ออยส์ วาสลีน สบู่เหลว ที่ไม่ใช่เจลหล่อลื่นจะทำให้ถุงยางอนามัยเกิดการฉีกขาดได้ง่ายในขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของซิลิโคนเท่านั้น
ถุงยางอนามัยมีวันหมดอายุ
ควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนนำมาใช้งานทุกครั้ง เนื่องจากสารหล่อลื่นที่อยู่ในซองถุงยางอนามัยอาจเสื่อมสภาพหรือหมดอายุ เมื่อนำมาใช้จะก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือถุงยางอนามัยชำรุดได้
บีบไล่อากาศที่ปลายถุงยางอนามัยก่อนใส่ทุกครั้ง
ก่อนสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งควรบีบไล่อากาศออกก่อน เพราะอากาศที่อยู่บริเวณปลายถุงยางอาจทำให้ถุงยางอนามัยแตกหรือฉีกขาดได้
สวมถุงยางอนามัยให้ถูกด้าน
เมื่อฉีกถุงยางอนามัยออกมาจากซอง ให้หันด้านที่มีกระเปาะตรงส่วนหัวออกด้านนอก และสวมลงบนอวัยวะเพศที่แข็งตัวอยู่ ถ้าสวมถูกด้านจะสามารถรูดถุงยางอนามัยลงได้ง่าย
วิธีใส่ถุงยางอนามัยไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเลือกซื้อขนาดที่พอดี ใช้งานตามคำแนะนำ ก็จะช่วยคุมกำเนิด และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ที่มา : anamai
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เคล็ดลับทำลูกแฝดแบบธรรมชาติ พร้อมท่าเซ็กส์ทำลูกแฝด อยากปั๊มทีเดียวแล้วได้หลายคน!
ปลุกอารมณ์ทางเพศให้คุณแม่หลังคลอด แก้อาการคลอดแล้วไม่อยากมีเซ็กส์
ไม่อยากแก่ไปสมองเสื่อม ต้องมีเซ็กส์! ผลการศึกษาชี้เซ็กส์ลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์