วิธีสต็อคนมแม่ สต็อคนมถุงละกี่ออนซ์ ต้องมีสต็อคนมแม่เท่าไหร่ก่อนกลับไปทำงาน

undefined

วิธีสต็อคนมแม่ ก่อนกลับไปทำงาน ต้องเริ่มยังไง รวมทุกเรื่องที่แม่อยากรู้เกี่ยวกับ วิธีสต็อคนมแม่ แบบครบจบในที่เดียว

นมแม่คือสุดยอดอาหารสำหรับลูกน้อย คุณแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกได้กินนมแม่ให้นานที่สุด แต่พอถึงเวลาต้องกลับไปทำงานหรือมีธุระที่ต้องออกจากบ้าน ทำให้การให้นมแม่ไม่ต่อเนื่อง แต่ถึงแม้จะไม่ได้นำลูกเข้าเต้า แต่คุณแม่ก็สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อไปได้ ด้วยการทำสต็อคนมแม่ซึ่งการทำสต็อคนมแม่นั้น คุณแม่มือใหม่อาจยังไม่มั่นใจว่า วิธีสต็อคนมแม่ ต้องเริ่มยังไง ควรเริ่มทำสต็อกเมื่อไหร่ หรือ ต้องเก็บรักษายังไงให้ปลอดภัยและน้ำนมไม่เสียคุณค่า ถ้าคุณแม่กำลังมีคำถามเหล่านี้ในใจ บทความนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ

 

สต็อคนมแม่ สำเร็จแน่ แค่เข้าใจ

โดยทั่วไปคุณแม่หลังคลอดจะรู้อยู่แล้วว่าตนเองลาคลอดนานแค่ไหน และเมื่อไรต้องกลับไปทำงาน จึงทำให้การวางแผนทำสต็อคน้ำนมง่ายขึ้น ทั้งนี้ เมื่อรู้วันแน่นอนที่ต้องกลับไปทำงานแล้ว ก็สามารถเริ่มทำสต็อคน้ำนมได้ตั้งแต่วันแรกที่ให้นมลูกได้เลย

ในเบื้องต้นการให้ลูกได้รับนมแม่อย่างเพียงพอเป็นเรื่องสำคัญ โดย 2 ชั่วโมงแรกหลังคลอด ควรให้ลูกได้ดูดนมแม่ทันที และในช่วง 6 เดือนแรก แนะนำให้ลูกกินนมแม่เพียงอย่างเดียว จากนั้นสามารถให้ นมแม่ร่วมกับอาหารตามวัย จนถึงอายุ 2 ปี หรือมากกว่านั้น

สำหรับการวางแผนสต็อคน้ำนม ควรเข้าใจว่าโดยทั่วไป ลูกต้องการนมประมาณ 1 ออนซ์ต่อชั่วโมง ดังนั้น หากต้องออกไปทำงาน 10-12 ชั่วโมง ควรสต็อคน้ำนมประมาณ 10-12 ออนซ์ต่อวัน เพื่อให้ลูกมีนมเพียงพอในช่วงที่คุณแม่ไม่อยู่ และเมื่อกลับจากทำงาน ก็ควรปั๊มน้ำนมให้ได้ปริมาณใกล้เคียงกันเพื่อรักษาสมดุลการผลิตน้ำนม

สำหรับเครื่องปั๊มนม ก็มีความสำคัญมากที่จะช่วยให้การทำสต็อคนมแม่ประสบความสำเร็จ ควรเลือกเครื่องปั๊มนมที่ปั๊มพร้อมกันได้ทั้ง 2 ข้าง เพื่อประหยัดเวลาในการปั๊ม และเลือกขนาดกรวยครอบ (breastsheild/fange) ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางของอุโมงค์กรวย (tunnel) พอดีกับเส้นผ่านศูนย์กลางฐานนมเมื่อขยายเต็มที่จากการปั๊ม

คุณแม่สามารถใช้แนวทางนี้ในการสต็อคนมต่อเนื่องจนลูกอายุ 1 ปี จากนั้นค่อยๆ ปรับลดปริมาณลงเมื่อเริ่มให้ลูกกินอาหารตามวัยมากขึ้น การมีแผนที่ดีจะช่วยให้คุณแม่มั่นใจว่าลูกน้อยได้รับโภชนาการที่เหมาะสม แม้ในวันที่แม่ต้องกลับไปทำงาน


ขั้นตอนการปั๊มนมเพื่อทำสต็อคนมแม่

วิธีสต็อคนมแม่ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ดังนี้

  • ช่วงที่ 1: สัปดาห์แรกหลังคลอด

หลังจากที่ลูกดูดนมเสร็จ คุณแม่สามารถปั๊มนมต่อได้ทันที ครั้งละ 10-15 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนมและเริ่มเก็บสต็อคเล็กๆ น้อยๆ

  • ช่วงที่ 2: ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 จนถึง 30-45 วันหลังคลอด

ช่วงนี้ลูกเริ่มตื่นบ่อยและร้องมากขึ้น คุณแม่อาจโฟกัสที่การให้นมจากเต้าเป็นหลักก่อน เพื่อลดความเหนื่อยและความเครียด แต่หากต้องการเก็บสต็อค อาจใช้ กรวยสูญญากาศ ดักเก็บน้ำนมขณะลูกดูดเต้าแทน

  • ช่วงที่ 3: หลัง 30-45 วันหลังคลอด

เมื่อลูกกินนมเป็นเวลาและหลับนานขึ้น (ประมาณ 2-3 ชั่วโมง) คุณแม่จะมีช่วงว่างสำหรับการปั๊มนมมากขึ้น สามารถเริ่มปั๊มเป็นรอบๆ เพื่อเก็บสต็อคได้อย่างเต็มที่

โดยสูตรการปั๊มนมที่ใช้โดยทั่วไปคือ ปั๊มขณะที่ให้นมลูก คือ เมื่อลูกเข้าเต้าข้างหนึ่งได้ 10-15 นาที คุณแม่ก็เริ่มปั๊มนมอีกข้างที่ว่างอยู่ หรือ ปั๊มนมระหว่างมื้อนมของลูกก็ได้ โดยปั๊มหลังจากที่นำลูกเข้าเต้าไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งวิธีนี้จะปั๊มพร้อมกันทั้งสองข้าง ข้างละ 10-15 นาที ก็ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ระยะแรกหลังคลอด ควรปั๊มนมให้ได้ 8- 10 มื้อต่อวัน โดยปั๊มนมนานครั้งละ 15-20 นาที หลังจากนั้น ช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด ควรปั๊มอย่างน้อยทุก 5-6 ชั่วโมง โดยกลางคืนควรปั๊มอย่างน้อย 1 ครั้ง

วิธีสต็อคนมแม่

วิธีสต็อคนมแม่ ก่อนกลับไปทำงาน

การเตรียมสต็อคน้ำนมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณแม่ที่ต้องกลับไปทำงาน โดยในช่วงที่คุณแม่ยังอยู่บ้านเต็มเวลา แนะนำให้ทยอยสต็อคน้ำนมสำรองประมาณ 30-50 ถุง (ถุงละ 2-4 ออนซ์ ตามปริมาณที่ลูกกินต่อครั้ง) เพื่อให้มีนมพอช่วงที่คุณแม่ไม่อยู่ และยังช่วยรองรับวันที่ปั๊มนมได้น้อย

สำหรับคุณแม่ที่อยากแน่ใจว่ามีสต็อคนมแม่พอสำหรับลูก ใช้วิธีคำนวณง่ายๆ คือ ลูกมักกินนมไม่เกิน 4 ออนซ์ต่อมื้อ หากลูกกินวันละ 3 มื้อ คุณแม่ควรปั๊มนมให้ได้อย่างน้อย 12 ออนซ์ต่อวัน และหากลูกกิน 4 มื้อ ก็ควรปั๊มนมให้ได้ 16 ออนซ์ต่อวัน

ทริคสำคัญในการสต็อคนม คือ แบ่งเก็บนมตามปริมาณที่ลูกดื่มต่อมื้อ เช่น ถ้าลูกกิน 3 ออนซ์ต่อมื้อ ก็ควรแบ่งใส่ถุง 3 ออนซ์ต่อถุง เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และไม่มีนมที่ละลายแล้วเหลือไว้ข้ามวัน ซึ่งจะทำให้นมเสียคุณค่าทางโภชนาการ

การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณแม่กลับไปทำงานได้อย่างมั่นใจ และลูกน้อยก็ยังได้รับนมแม่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

 

จัดเรียงสต็อคนมแม่ เป็นระเบียบหยิบใช้ง่าย

การจัดเก็บสต็อคนมแม่อย่างเป็นระเบียบช่วยให้หยิบใช้งานสะดวก และป้องกันปัญหานมล้ม หรือเก็บไม่เป็นระเบียบ ลองใช้วิธีเหล่านี้ค่ะ

  • เลือกใช้ถุงเก็บนมยี่ห้อเดียวกัน การใช้ถุงเก็บน้ำนมหลายยี่ห้อทำให้ความสูงของแต่ละถุงไม่เท่ากัน เวลานำไปแช่ในตู้ ถุงที่เล็กกว่าจะเอียงและทำให้แถวถุงใหญ่ล้มง่าย หากใช้ยี่ห้อเดียวทั้งหมดก็จะจัดเรียงง่ายขึ้น 
  • ใช้ขวดเก็บน้ำนมที่มีขีดบอกปริมาตร การวัดปริมาณน้ำนมจากขวดจะได้มาตรฐานกว่าการดูจากถุงเก็บนม เมื่อน้ำนมได้ปริมาณที่ต้องการจึงค่อยเทใส่ถุง 
  • ไล่อากาศจากถุง เมื่อเทน้ำนมลงถุง ให้วางถุงในแนวราบกับโต๊ะ ยกปากถุงขึ้นไล่อากาศออก ก่อนปิดซิปล็อก
  • ใช้ปากกาเขียนซีดีจดบันทึกถุงนม ปากกาประเภทนี้ติดทนนาน ไม่หลุดง่าย ใช้เขียนวันที่และปริมาณน้ำนมลงบนถุงเพื่อให้ง่ายต่อการหยิบใช้
  • ใช้ตะกร้าเก็บนมก่อนใส่ตู้แช่ ช่วยให้แยกนมเก่า นมใหม่ได้ง่าย และหยิบใช้งานได้สะดวก โดยนำถุงนมวางแนวราบ เขียนวันที่ให้ชัดเจน เพื่อการหยิบใช้ตามลำดับได้ง่าย


สต็อคนมแม่ เก็บรักษายังไง

เมื่อคุณแม่เริ่มทำสต็อคนมแม่ อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือการเก็บน้ำนมให้คงคุณค่าทางโภชนาการ การเก็บในอุณหภูมิที่ต่างกันย่อมทำให้น้ำนมคงคุณภาพในระยะเวลาที่ต่างกันด้วย ซึ่งการเก็บสต็อคนมแม่ในอุณหมภูมิและตู้แช่ที่แตกต่างกัน จะส่งผลให้น้ำนมแม่มีอายุการเก็บรักษาต่างกันดังนี้ 

  • อุณหภูมิห้อง ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส  เก็บได้นาน 1 ชั่วโมง
  • อุณหภูมิห้อง สูงกว่า 25 องศาเซลเซียส  เก็บได้นาน 4 ชั่วโมง
  • กระติกน้ำแข็ง อุณหภูมิ สูงกว่า 15 องศาเซลเซียส  เก็บได้นาน 24 ชั่วโมง
  • ตู้เย็นช่องธรรมดา อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส  เก็บได้นาน 96 ชั่วโมง
  • ตู้เย็นช่องแช่แข็งแบบประตูเดียว   เก็บได้นาน 2 สัปดาห์
  • ตู้เย็นช่องแช่แข็งแบบประตูแยก   เก็บได้นาน 3 เดือน
  • ตู้เแช่แข็งแบบประตู deep freezer อุณหภูมิ -19 องศาเซลเซียส 
    เก็บได้นาน 6 เดือน

วิธีสต็อคนมแม่

สต็อคนมแม่ มีกลิ่นหืน ทำยังไง

คุณแม่บางคนอาจสังเกตว่าน้ำนมที่เก็บสต็อคไว้มีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งเกิดจาก เอนไซม์ไลเปส (Lipase) ที่ทำหน้าที่ย่อยไขมันในน้ำนมให้เป็นอนุภาคเล็กๆ และผสมเข้ากับโปรตีนได้ดี ระดับไลเปสในน้ำนมของแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้ามีเยอะ ก็จะย่อยไขมันมากขึ้น ทำให้นมมีกลิ่นแรงขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะนมที่มีกลิ่นเหม็นหืน ยังปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนเดิม ลูกสามารถกินได้โดยไม่ทำให้ท้องเสีย แต่ปัญหาคือ บางครั้งลูกอาจไม่ยอมกินนมที่มีกลิ่นแรง วิธีแก้ไขคือ ผสมน้ำนมสต็อคกับนมที่เพิ่งปั๊มสดๆ โดยเริ่มจากสัดส่วนเล็กๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณนมสต็อคขึ้น ให้ลูกปรับตัวทีละนิด สิ่งสำคัญคือ ไม่ควรอุ่นนมให้ร้อน เพราะความร้อนจะยิ่งทำให้กลิ่นหืนรุนแรงขึ้น

 

4 วิธีสต็อคนมแม่ ป้องกันกลิ่นหืน

  1. รักษาความสะอาด อุปกรณ์ปั๊มนมและภาชนะเก็บต้องสะอาด ปลอดเชื้อ และรีดอากาศออกจากถุงให้มากที่สุดก่อนนำเข้าช่องแช่แข็ง
  2. เลือกภาชนะเก็บให้เหมาะสม หากนมแม่ที่เก็บในถุงพลาสติกมีกลิ่นหืนมาก ลองเปลี่ยนเป็นขวดแก้วเพื่อช่วยลดปัญหานี้
  3. จัดเก็บให้ถูกวิธี ไม่วางถุงนมชิดผนังช่องแช่แข็งที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ และไม่จัดเก็บรวมกับอาหารอื่นเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
  4. ปั๊มแบบวันต่อวัน หากดูแลเรื่องการเก็บอย่างดีแล้วแต่นมยังมีกลิ่นแรง และลูกไม่ยอมกิน อาจลองปั๊มนมให้ลูกกินแบบวันต่อวัน หรือใช้วิธี พาสเจอไรซ์แบบอ่อน (Scalding) โดยอุ่นนมที่อุณหภูมิ 82°C จนมีฟองเล็ก ๆ ผุดขึ้น แล้วรีบทำให้เย็นก่อนนำไปแช่แข็ง ซึ่งช่วยยับยั้งเอนไซม์ไลเปสได้ แม้ว่าวิธีนี้จะทำให้ภูมิคุ้มกันในนมลดลงบ้าง แต่ยังคงมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อลูก 

 

นมแม่เต็มไปด้วยสารอาหาร ภูมิคุ้มกัน และความอบอุ่นที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้ การตั้งใจสต็อคนมแม่เป็นการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขา แม้ในเวลาที่แม่ไม่อยู่ตรงหน้า  theAsianparent ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกคนที่ทุ่มเทเพื่อให้ลูกรักได้เติบโตแข็งแรง และขอให้การสต็อคนมแม่ของคุณแม่เป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จนะคะ


ที่มา: โรงพยาบาลวิชัยเวช, โรงพยาบาลเปาโล  

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

หมอเตือน! ให้ลูกกิน นมแม่หมดอายุ เสี่ยงติดเชื้อ Salmonella

ทำไม? อยู่ดีๆ ลูกไม่ยอมเข้าเต้า วิธีแก้ไขให้ลูกน้อย ยอมกลับมากินนมแม่

ช็อก! วิจัยล่าสุด พบไมโครพลาสติก ในน้ำนมแม่ ของคนไทย

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!