การซักผ้า – ทำความสะอาดเสื้อผ้าของลูกน้อยในวัยทารกเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คุณพ่อ – คุณแม่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องของความสะอาดจะส่งผลต่อสุขอนามัยของลูกน้อย แต่.. การใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็กทารกเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่คุณพ่อ – คุณแม่ต้องเลือกให้ดี เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถส่งผลให้ผิวของลูกน้อยเกิดอาการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะน้ำยาปรับผ้านุ่ม ดังนั้นวันนี้ theAsianparent จึงอยากมาแนะนำ วิธีเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก ว่าควรเลือกอย่างไรให้มีความเหมาะสม อ่อนโยน และปลอดภัยต่อผิวของลูกน้อย เพื่อไม่ให้เกิดอาการระคายเคือง !?
ทำไมน้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเด็กจึงต้องเลือกเป็นพิเศษ ?
เพราะ.. ผิวของเด็ก ๆ นั้นจะมีความบอบบาง และ แพ้ง่ายมากกว่าผิวของผู้ใหญ่ ดังนั้นการสัมผัสกับสารเคมีอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิว และอาจจะซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายมาก ๆ เพราะฉะนั้นคุณพ่อ – คุณแม่ที่ทำความสะอาดเสื้อผ้าให้กับลูกน้อยจะต้องใส่ใจในการเลือกซื้อ และ เลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มมากเป็นพิเศษ
ข้อแนะนำ by TAP : ห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแบบธรรมดาที่ใช้โดยทั่วไปเด็ดขาด ! เพราะว่าผิวของเด็ก ๆ ไม่สามารถทนต่อสิ่งแวดล้อมมากมายได้เหมือนผู้ใหญ่ทั้งเรื่องของกลิ่น สารเคมี ส่วนผสมในน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ติดอยู่กับเสื้อผ้า ดังนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มของเด็กโดยเฉพาะ เพราะว่าความปลอดภัยของลูก ๆ เป็นสิ่งแรกที่คุณพ่อ – คุณแม่ต้องคำนึงถึง ซึ่งถ้าหากลูกน้อยต้องสวมใส่เสื้อผ้าติดตัวอยู่ตลอดทั้งวัน และถ้าหากเสื้อผ้ามีการปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีต่าง ๆ ย่อมทำให้ผิวของลูกน้อยเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ทำให้เกิดอาการแพ้ ผด ผื่น ผิวแดงคัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีซักผ้าเด็กอ่อน ทำอย่างไรดี? เคล็ดลับง่าย ๆ สำหรับซักผ้าให้ลูกน้อย
แนะนำ วิธีเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก by TAP
1. วิธีเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก
ที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ หรือ มีความออร์แกนิก
สำหรับวิธีแรกในการเลือกซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก คุณพ่อ – คุณแม่ควรเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์ที่มีคำว่า “ออร์แกนิก 100% Nature หรือ All-nature” ซึ่งบางยี่ห้อจะเห็นได้ชัด เพราะมีการระบุเป็นชื่อสารสกัดจากธรรมชาติที่นำมาใช้เลย อาทิ เช่น ว่านหางจระเข้ อัลมอนด์ และที่สำคัญน้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเด็กควรปราศจากสารที่สามารถก่อให้เกิดอาการระคายเคือง อาทิ เช่น พาราเบน (Parabens), น้ำหอม, สีสังเคราะห์, สารลดแรงตึงผิว เช่น Sodium Lauryl Sulfate (SLS) รวมถึงสารให้ความชุ่มชื้น เช่น โพลีเอทิลีนไกลคอล (Polyethylene Glycol, PEG)
แต่ถ้าหากคุณพ่อ – คุณแม่ไม่ได้อยากใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็กที่มีความเป็นออร์แกนิกก็สามารถใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็กสูตรอื่นได้ แต่ต้องเป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มของเด็กเท่านั้น และควรหมั่นตรวจเช็กตามร่างกายของลูกน้อยดูว่ามีอาการระคายเคือง อาทิ เช่น มีผื่นคันขึ้นไหม ผิวแดงหรือไม่ เพื่อป้องกันอาการแพ้น้ำยาปรับผ้านุ่มของลูก ๆ นั่นเองค่ะ
2. วิธีเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก
จากสูตรของน้ำยาปรับผ้านุ่ม
ซึ่งน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็กก็จะมีด้วยกันหลากหลายสูตรเหมือนกับน้ำยาปรับผ้านุ่มทั่วไป เพื่อให้ตอบโจทย์กับการใช้งานที่มีความแตกต่างกันไปของแต่ละครอบครัว โดยสามารถเลือกสูตรของน้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเด็กได้ดังนี้ค่ะ
-
น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก สูตรสำหรับเด็กแรกเกิด
ผิวของเด็กแรกเกิดจะมีสภาพผิวที่มีความอ่อนแอมาก ๆ มีโอกาสที่จะได้รับสารเคมีมากกว่าวัยอื่น ๆ เพราะฉะนั้นการเลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเสื้อผ้าของลูกน้อยจึงต้องคัดสรรมากเป็นพิเศษ สำหรับคุณพ่อ – คุณแม่ที่มีความกังวลเกี่ยวกับการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ขอแนะนำให้เลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็กสูตรสำหรับเด็กแรกเกิด
เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรนี้จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากสูตรทั่วไป คือจะมีความอ่อนโยนต่อผิวของลูกน้อยส่วนใหญ่จะผลิตมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ผสมสี ไม่ผสมน้ำหอม หรืออาจใช้น้ำหอมที่สกัดมาจากสารธรรมชาติ อาทิ เช่น คาโมมายล์ ในปริมาณน้อย และยังปราศจากสารลดแรงตึงผิว และ สารให้ความชุ่มชื้น อีกทั้งยังมีค่าความเป็นกรด – ด่าง (pH) เป็นกลาง (pH balance) ทำให้อ่อนโยนต่อผิวของลูกน้อยใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองนั่นเองค่ะ
-
น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก สูตรลดกลิ่นอับ ขจัดเชื้อโรค
การเกิดกลิ่นอับในผ้าเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ การระเหยของสารอินทรีย์ที่ถูกแบคทีเรียทำให้เกิดปฏิกิริยาย่อยสลาย และ เชื้อแบคทีเรียสร้างสารสังเคราะห์ เพื่อปกป้องตัวเอง ซึ่งเป็นสารที่ส่งกลิ่นได้แม้มีปริมาณน้อยมากนั่นเองค่ะ ซึ่งจะเห็นได้ว่าสาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดกลิ่นมาจากแบคทีเรีย
ดังนั้นวิธีการกำจัดกลิ่นอับของเสื้อผ้า ขอแนะนำให้ใช้น้ำยาซักผ้า และ น้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเด็กที่เป็นสูตรลดกลิ่นอับโดยเฉพาะ เพราะจะมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยกำจัดเชื้อโรค และสามารถแทรกซึมเข้าถึงเส้นใยขนาดเล็กในเสื้อผ้าที่มีเชื้อโรคอาศัยอยู่ได้ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดกลิ่นอับของเสื้อผ้าลูกน้อยได้ดีมาก ๆ
3. วิธีเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก
ที่ผ่านการรับรองว่าได้มาตรฐาน
เพราะผิวของเด็ก ๆ จะมีความอ่อนแอ และ มีความบอบบางมากกว่าผู้ใหญ่ รวมถึงโครงสร้างในการปกป้องผิว และการซ่อมแซมผิวยังไม่แข็งแรงมากนัก จึงมีโอกาสที่ผิวหนังจะเกิดอาการแห้ง ลอก อาการระคายเคือง เกิดผื่นแพ้ หรือผิวหนังอักเสบได้ง่ายมาก ๆ เพราะฉะนั้นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้กับเสื้อผ้าของลูกน้อย จึงควรผ่านการทดสอบ หรือ ผ่านมาตรฐานการรับรองว่ามีความปลอดภัย อ่อนโยน และเหมาะสำหรับผิวของลูก ๆ โดยสามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์ต่อไปนี้
- Dermatologically Tested คือสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเด็กยี่ห้อนี้ ผ่านการทดสอบความปลอดภัยต่อผิวภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง หรือ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังมาเรียบร้อยแล้ว และมีสารประกอบที่ผ่านการทดสอบอาการภูมิแพ้ผิวหนังโดยผ่านกลุ่มตัวอย่างที่ใช้จริง
- Hypoallergenic Tested คือสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อนี้ถูกออกแบบมา เพื่อให้ใช้กับผิวที่แพ้ง่ายได้ ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้น้อยกว่าปกติ เนื่องจากมีส่วนประกอบ รวมถึงสารสกัดที่อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองในปริมาณที่น้อย หรือ ไม่มีเลยนั่นเองค่ะ
บทส่งท้าย วิธีเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อ – คุณแม่ที่กำลังกังวลใจในการเลือกซื้อ และ เลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเด็ก เพื่อเอามาใช้ซักทำความสะอาดเสื้อผ้าของลูกน้อยได้คลายข้อสงสัยและช่วยให้คุณพ่อ – คุณแม่เลือกซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็กได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งคุณพ่อ – คุณแม่สามารถเอา วิธีเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก เหล่านี้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มสำหรับเด็กได้เลยค่ะ รับรองเลยว่าจะช่วยให้ผิวของลูกน้อยปลอดภัยจากอาการระคายเคืองน้ำยาปรับผ้านุ่มได้อย่างแน่นอน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก น่าใช้ หอมละมุนอ่อนโยนต่อลูกน้อย เลือกยี่ห้อไหนดี
5 สารเคมีอันตรายใน น้ำยาซักผ้าเด็ก และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับลูกรัก
10 น้ำยาซักผ้าเด็ก ปลอดภัย ยี่ห้อไหนดี? อัปเดตปี 2023 ไม่เป็นอันตรายต่อลูก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!