วิธีเลือกซื้อน้ำหอม ที่ใช่ สำหรับมือใหม่ เลือกอย่างไร กลิ่นไหนใช่สำหรับคุณ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีเลือกซื้อน้ำหอม ที่ใช่สำหรับมือใหม่ ถ้าหากอยากจะลองซื้อน้ำหอมมาไว้ใช้สักขวด จะมีวิธีเลือกอย่างไรให้ได้คุณภาพ และเหมาะสมกับบุคลิกของตัวเอง เพื่อให้คุ้มค่าคุ้มราคากับเงินเสียไป เพราะการซื้อน้ำหอมมาใช้ก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เนื่องจากมีราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น การตัดสินใจเลือกซื้อน้ำหอมให้เหมาะกับตัวเองที่สุดจึงเป็นสิ่งที่จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ถ้าพร้อมไปดูกันค่ะ ว่าการซื้อน้ำหอมแต่ละขวดจะมีวิธีอย่างไรบ้าง ไปกันเลย

 

วิธีเลือกซื้อน้ำหอม ที่ใช่ สำหรับมือใหม่

1. เลือกกลิ่นน้ำหอมที่ชื่นชอบ

ขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ๆ ในการที่จะเลือกซื้อน้ำหอมมาใช้งาน คือคุณจะต้องรู้ก่อนว่าตัวเองนั้นชอบน้ำหอมกลิ่นอะไร และต้องการเลือกใช้กลิ่นน้ำหอมแบบไหน กลิ่นน้ำหอมแบบไหนที่เหมาะกับตนเอง เพราะกลิ่นน้ำหอมที่คุณเลือกนั้นจะต้องติดอยู่กับคุณทั้งวัน หรือหลายชั่วโมง เพื่อให้คุณได้น้ำหอมที่ชื่นชอบที่สุด อย่าลืมพิจารณาในส่วนนี้ด้วยนะคะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วกลิ่นน้ำหอมที่ได้รับความนิยมก็จะแบ่งออกเป็น ดังนี้

  • กลิ่น Floral

กลิ่นนี้ถือเป็นกลิ่นที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับกลิ่นเบสมาจากดอกไม้นานาชนิด ทำให้มีกลิ่นหอมหวาน ให้ความรู้สึกสดใส สามารถใช้ในวันสบาย ๆ หรือใช้ในวันที่เป็นงานทางการก็ได้ค่ะ

  • กลิ่น Fruity

สำหรับกลิ่นนี้ก็จะเป็นกลิ่นที่มีความหอมหวานแบบผลไม้ ถือเป็นกลิ่นที่ได้รับความนิยมในกลุ่มสาว ๆ ซึ่งน้ำหอมกลิ่นนี้จะมีตั้งแต่กลิ่นที่มีความหอมหวานอ่อน ๆ และกลิ่นหอมหวานที่ดูมีความซับซ้อน ซึ่งกลิ่นของน้ำหอมแนว Fruity แต่ละขวด ก็จะขึ้นอยู่กับผลไม้ที่เลือกใช้เป็นส่วนประกอบ เช่น แอปเปิล ลูกแพร์ พลัม เชอร์รี่ ไปจนถึงผลไม้ตระกูลเบอร์รีต่าง ๆ เป็นต้น

บทความที่เกี่ยวข้อง : แนะนำ 10 น้ำหอม คนท้อง กลิ่นหอมติดทน ใช้แล้วปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • กลิ่น Citrus

กลิ่นนี้จะเป็นกลิ่นหอมสดชื่นแบบเขตร้อน เป็นกลิ่นที่มีการผสมผสานเข้ากับกลิ่นของผลไม้ต่าง ๆ อย่างส้ม และมะนาว ทำให้มีการสอดแทรกความเปรี้ยว และความหอมสดชื่นแทนค่ะ เหมาะกับการใช้ในเวลากลางวัน ถือว่าเป็นกลิ่นยอดนิยมอีกหนึ่งกลิ่นเลยนะคะ

  • กลิ่น Amber

เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกถึงอบอุ่น นุ่มนวล และอ่อนหวาน เป็นน้ำที่ประกอบไปด้วยพืชตระกูลเครื่องเทศ และสมุนไพร และวัตถุดิบหลาย ๆ อย่างทั้งตามธรรมชาติ และสารสังเคราะห์ เช่น Vanilla, Labdanum, Patchouli, กำยาน Styrax, รวมไปถึงกลิ่นอย่าง Ambergris เป็นต้น เหมาะสำหรับใช้ในฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวมาก ๆ เลยค่ะ

  • กลิ่น Chypre

เรียกได้ว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นสุดคลาสสิก ที่จะมีส่วนประกอบมาจากกลิ่นของ oakmoss, bergamot และ Ciste-labdanum หรือบางครั้งกลิ่นดอกไม้ก็ถูกใช้ปรุงน้ำหอมในกลิ่นโทนนี้ด้วยเช่นกันนะคะ ดังนั้น เวลาใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ จึงจะให้ทั้งความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา แต่ก็ยังคงมีความสุขุม เสริมความลุ่มลึกร่วมด้วย

 

2. ทดสอบกลิ่นน้ำหอม

ปัจจัยต่อมาการทดสอบกลิ่นของน้ำหอม ถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมาก ๆ เลยนะคะ เพราะถ้าคุณสามารถเลือกกลิ่นที่ชื่นชอบได้แล้ว การทดสอบกลิ่นของน้ำหอมก็จะช่วยให้คุณสามารถเลือกน้ำหอมกลิ่นที่เหมาะกับได้ดีที่สุด เพราะเวลาที่ดมกลิ่นน้ำหอม กับเวลาที่ลองฉีดลงไปที่ผิวจริง ๆ อาจจะไม่เหมือนกัน ซึ่งการทดสอบน้ำหอมคือคุณสามารถไปที่เคาน์เตอร์น้ำหอม ลองฉีดลงบริเวณข้อมือทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วดมกลิ่นอีกครั้ง ว่าชอบหรือไม่ จากนั้นค่อยตัดสินใจอีกครั้ง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หรือจะลองเทสต์น้ำหอมกลิ่นที่ชอบลงบนกระดาษเทสต์ รอประมาณ 2-3 วินาที แล้วดมกลิ่นดูอีกครั้ง ก็ได้เช่นกันค่ะ ถ้าหากยังชอบอยู่คุณก็สามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้เลย แต่หลีกเลี่ยงการทดสอบน้ำหอมเกินครั้งละ 2-3 กลิ่น ในเวลาเดียวกัน เพราะอาจจะทำให้คุณสับสนกับกลิ่นน้ำหอมได้ค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง : เคล็ด(ไม่)ลับ การเลือกน้ำหอม เลือกน้ำหอมกลิ่นที่ใช่ เลือกอย่างไรให้เข้ากับคุณผู้หญิง !

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

3. ตรวจสอบ Note ของน้ำหอม

อีกหนึ่งปัจจัยที่จะต้องพิจารณาก่อนที่จะเลือกซื้อน้ำหอมก็คือคุณอย่าลืมตรวจสอบ Note ของน้ำหอมที่คุณเลือกซื้อด้วยนะคะ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญปัญหาเวลาที่ฉีดน้ำหอมไปและกลิ่นก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นอีกกลิ่นหนึ่ง การที่เกิดปัญหานี้ขึ้นเป็นเพราะน้ำหอมนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงกลิ่นตามระยะเวลา หรือที่เรียกกันด้วยศัพท์เฉพาะว่า ” Note” นั่นเองค่ะ

ดังนั้น เวลาที่จะเลือกซื้อน้ำหอม คุณจึงจะต้องตรวจสอบให้ครบทุก Note โดยกลิ่นหอมแรกในช่วง 5 – 10 นาที เมื่อฉีดพรมน้ำหอมนั้นเรียกว่า Top Note ต่อมาจะเป็นกลิ่น Middle Note ที่จะติดผิวได้นานราว 2 – 4 ชั่วโมง และ Base Note จะเป็นช่วง 4 – 6 ชั่วโมง ก่อนกลิ่นหอมจะจางหายไปดังนั้น เพื่อไม่ให้ผิดหวังกับกลิ่นที่เลือกในภายหลังอย่าลืมพิจารณาในส่วนนี้ด้วยนะคะ

 

4. ดูประเภทของน้ำหอม

ประเภทของน้ำหอมก็ถือเป็นปัจจัยที่คุณจะต้องตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะเลือกซื้อมาใช้งาน เพราะมันจะเป็นการบ่งบอกถึงระดับความเข้มข้น และความติดทนนานของตัวน้ำหอมค่ะ ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วน้ำหอมจะแบ่งประเภทออกเป็น ดังนี้

  • Colonge จะมีปริมาณของน้ำมันหอมประมาณ 3 – 5% ดังนั้น กลิ่นน้ำหอมจึงจะมีความบางเบา ไม่ฉุน แต่จะไม่ติดทนนาน ต้องเน้นการฉีดเพิ่มระหว่างวัน
  • Eau de Toilette มีปริมาณน้ำมันหอมอยู่ 4 – 8% ประเภทนี้ก็จะมีกลิ่นที่ค่อนข้างบางเบาเช่นเดียวกัน แต่จะติดทนประมาณ 2 – 4 ชั่วโมง
  • Eau de Parfum มีหัวน้ำหอมปริมาณ 15 – 18% สำหรับประเภทนี้จะได้กลิ่นหอมชัดเจน สามารถติดทนนานถึง 4 – 6 ชั่วโมง ควรฉีดในปริมาณที่พอดีนะคะ ถ้าหากฉีดมากไปจะทำให้ฉุนได้
  • Parfum สำหรับประเภทนี้จะน้ำหอมมากถึง 30% จึงทำให้มีกลิ่นแรงกว่าประเภทอื่น ๆ สามารถติดทนถึง 8 – 10 ชั่วโมง

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ วิธีเลือกซื้อน้ำหอม ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ สำหรับสาว ๆ คนไหนที่อยากจะลองซื้อน้ำหอมดี ๆ สักขวดมาไว้ใช้งาน ลองนำทริคที่เรานำมาฝากไปใช้พิจารณากันได้นะคะ เผื่อจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อน้ำหอมได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

วิธีเพิ่มเสน่ห์ ฉีดน้ำหอมให้ติดทน ฉีดน้ำหอมยังไงให้ติดตลอดทั้งวัน!

แม่ท้องฉีดน้ำหอมได้ไหม คนท้องห้ามใช้น้ำหอม วิจัยเผยน้ำหอมมีผลต่อสมองลูก

ชี้เป้า 10 น้ำหอมในรถ ช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ให้กลิ่นหอมสดชื่นตลอดการขับขี่

ที่มา : my-best

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Suttida Butdeewong