เมื่อใกล้จบม. 3 นักเรียนหลายคนอาจเริ่มกังวลใจ และยังไม่รู้ตัวเองว่าจะเข้า สายการเรียน ไหนดี การเลือกสายการเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเรียนอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการเลือกสายเพื่อให้เข้าคณะที่ตัวเองต้องการแล้ว ยังเป็นการเลือกแผนการเรียนที่ตนเองสนใจ และได้เรียนในวิชาที่เกี่ยวข้องอีกด้วย หากนักเรียนไม่ชอบในรายวิชา หรือสายการเรียนนั้น ก็อาจทำให้การเรียน ไม่มีความสุขก็ได้ สำหรับนักเรียนคนไหนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกสายการเรียนไหนดี วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลของสายการเรียนแต่ละสายมาแล้วค่ะ เผื่อเป็นแนวทางให้ทุกคนได้เลือกได้สายที่ตัวเองต้องการ
เลือก สายการเรียน อย่างไรดี?
แน่นอนว่า เมื่อนักเรียนใกล้เรียนจบชั้น ม. 3 หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเราควรเลือกเรียนสายอะไร และควรเลือกสายการเรียนไหน ที่จะช่วยให้เราได้เรียนในคณะที่ชอบในอนาคตได้ สำหรับเทคนิคการเลือกสายการเรียนต่อนั้น มีดังนี้
- เลือกตามความชอบของวิชาเรียน : หากนักเรียนชอบเรียน หรือถนัดวิชาใดวิชาหนึ่ง ก็สามารถนำมาพิจารณาประกอบการเลือกสายการเรียนต่อได้ เพราะการที่เรามีความถนัดในวิชาที่ตนเองชอบ หรือสนใจ ก็ช่วยให้การเรียนม. ปลายของเรานั้นถนัดมากขึ้นก็ได้ ตัวอย่างเช่น หากนักเรียนไม่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ แต่ชอบเรียนภาษาไทย หรือสังคมศึกษามากกว่า ก็มีแนวโน้มที่ควรจะเลือกในสายไทย-สังคม หรือศิลป์-ภาษา เป็นต้น
- เลือกจากความถนัดของตนเอง : อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำไมเราจึงต้องพิจารณาจากความถนัดของตนเอง เพราะการเรียนในชั้นม. ปลายนั้น นักเรียนจะได้เรียนวิชาหลักของแต่ละสาย มากกว่าวิชาพื้นฐานแบบตอนม. ต้น หากนักเรียนมีความถนัดด้านการคำนวณ ก็สามารถเลือกเรียนสายวิทย์-คณิต หรือศิลป์-คำนวณได้ หรือหากนักเรียนมีความถนัด และสนใจในเรื่องของภาษา ก็ควรที่จะเลือกเรียนสายศิลป์-ภาษานั่นเอง
- เลือกจากอาชีพที่เราอยากเป็น : เทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้เราเลือกสายการเรียนให้ง่ายขึ้น คือการดูอาชีพที่เราอยากเป็น สมมติว่านักเรียนอยากเป็นแพทย์ ก็ควรเลือกสายการเรียนวิทย์-คณิต หรือหากนักเรียนอยากเป็นล่าม ก็ควรเลือกสายศิลป์-ภาษา หรือศิลป์-คำนวณ ซึ่งจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
- เลือกจากคณะที่เราเข้าเรียนในอนาคต : การพิจารณาตามคณะที่เราอยากเรียนในอนาคต ก็สามารถช่วยให้นักเรียนเลือกสายการเรียนได้ง่ายขึ้นเช่นกัน เพราะแต่ละคณะ หรือสาขาของแต่ละมหาวิทยาลัยนั้น ได้กำหนดสายการเรียนที่นักเรียนต้องเรียนมานั่นเอง ดังนั้น วิธีนี้จึงสามารถช่วยให้นักเรียนได้เลือกสายการเรียน ที่ตนเองอยากเรียนได้ง่ายขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : อยากเป็นหมอ หรือ เรียนต่อสายแพทย์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร
สายการเรียนทั้งหมด ของชั้นม. ปลาย มีอะไรบ้าง
สายการเรียนหลัก ๆ ในชั้นมัธยมศึกษาของประเทศไทย เริ่มต้นด้วย 4 สายการเรียนหลัก โดยจะมีสายวิทย์-คณิต สายศิลป์-คำนวณ สายศิลป์-ภาษา และสายไทย-สังคม หรือศิลป์อื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลักสูตรของแต่ละโรงเรียนว่ามีแผนการเรียนการสอนอย่างไร โดยข้อมูลของแต่ละสายการเรียนนั้น สามารถแบ่งได้ดังนี้
1. สายวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (วิทย์-คณิต)
เรียกได้ว่าเป็นสายการเรียนยอดฮิต สำหรับนักเรียนไทยเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความโหดแล้ว ยังเป็นสายที่นักเรียนได้มีทางเลือกในการสอบเข้าระดับอุดมศึกษามากเป็นพิเศษ โดยในสายการเรียนนี้ นักเรียนจะได้เรียนวิชาคณิตหลัก และคณิตเสริม หรือคณิตเพิ่มเติมนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีวิชาวิทย์พื้นฐาน ที่แบ่งออกเป็นวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา รวมทั้งบางโรงเรียนยังมีฟิสิกส์เพิ่ม เคมีเพิ่ม ชีววิทยาเพิ่มเติมอีกด้วย เรียกได้ว่าเรียนกันให้จุใจเลยทีเดียว
สำหรับนักเรียนที่ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์นั้น เหมาะอย่างยิ่งที่จะเข้าเรียนในสายนี้ เพราะหากชื่นชอบเป็นทุนเดิมนั้น ก็จะส่งผลให้เราสามารถเรียนสายการเรียนนี้ได้ โดยไม่ต้องกังวล นอกจากนี้นักเรียนจะได้เรียนวิชาพื้นฐานเหมือนกับนักเรียนสายอื่น ๆ เว้นแต่ว่าจะเลือกเรียนให้ห้องสายการเรียนพิเศษ เช่น ห้องเรียน Gifted หรือ English Program (EP) เป็นต้น โดยการเรียนในสายการเรียนวิทย์-คณิต นักเรียนจะได้ฝึกเน้นการคำนวณ การตีความ การอธิบายเหตุผล ตลอดจนการสื่อสารความหมายนั่นเอง นอกเหนือจากการเรียนในรายวิชา สำหรับการเรียนสายวิทย์-คณิต นักเรียนจะมีโอกาสได้สอบเข้าได้คณะดังต่อไปนี้
- กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ
- แพทยศาสตร์-พยาบาลศาสตร์
- เภสัชศาสตร์-ทันตแพทย์ศาสตร์
- สัตวแพทยศาสตร์-กายภาพบำบัด
- เทคนิคการแพทย์-สาธารณสุขศาสตร์
- กลุ่มวิทยาศาสตร์กายภาพ
- กลุ่มวิศวกรรมศาสตร์
- กลุ่มเกษตรศาสตร์
- กลุ่มบริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์ เศรษฐศาสตร์
- กลุ่มสถาปัตยกรรมศาสตร์
- กลุ่มครุศาสตร์ และศึกษาศาสตร์
- กลุ่มศิลปกรรมศาสตร์
- กลุ่มสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
2. สายภาษาอังกฤษ-คณิตศาสตร์ (ศิลป์-คำนวณ)
สายศิลป์-คำนวณ เหมาะสำหรับเด็กที่มีใจรักการคำนวณ และภาษาอังกฤษ แต่ไม่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่าการเรียนในสายการเรียนนี้ นักเรียนจะได้เรียนวิชาคณิตศาสตร์อย่างอัดแน่น โดยจะได้เรียนแบบเดียวกับนักเรียนสายวิทย์-คณิต รวมทั้งนักเรียนจะได้เรียนวิชาภาษาอังกฤษที่จัดเต็มอีกเช่นกัน โดยจะได้เรียนทั้งการอ่าน การพูด การฟัง และการเขียนนั่นเอง
นอกจากวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน และอังกฤษพื้นฐานแล้ว นักเรียนจะได้เรียนคณิตเสริม หรือคณิตเพิ่ม และภาษาอังกฤษในด้านทักษะต่าง ๆ ด้วย สายศิลป์-คำนวณ จะช่วยพัฒนาให้นักเรียนได้มีทักษะการคำนวณที่ดี และยังมีทักษะด้านภาษา การคิดวิเคราะห์ และการจดจำรายละเอียดได้ด้วย สำหรับการเรียนสายศิลป์-คำนวณ นักเรียนจะมีโอกาสได้สอบเข้าได้คณะดังต่อไปนี้
- คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
- คณะบริหารธุรกิจ
- คณะเศรษฐศาสตร์
- คณะวิทยาการจัดการ
- คณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การโรงแรม
- คณะศึกษาศาสตร์
- คณะครุศาสตร์
- คณะอักษรศาสตร์
- คณะศิลปศาสตร์-โบราณคดี
- คณะนิเทศศาสตร์
- คณะศิลปกรรม
- คณะวิจิตรศิลป์
- คณะมัณฑนศิลป์
- คณะจิตรกรรม
- คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
- คณะนิติศาสตร์
- คณะรัฐศาสตร์
บทความที่เกี่ยวข้อง : ศิลป์คำนวณเรียนอะไรบ้าง ไขข้อสงสัย เด็กสายศิลป์คำนวณเรียนอะไร?
3. สายภาษาอังกฤษ-ภาษา (ศิลป์-ภาษา)
อีกหนึ่งสายการเรียนที่ได้รับความนิยมไม่แพ้สายวิทย์-คณิต คือ สายศิลป์-ภาษา การเรียนในสายการเรียนนี้ นักเรียนเรียนจะได้เรียนภาษาที่สาม และภาษาอังกฤษแบบจัดเต็ม โดยส่วนใหญ่แล้ว โรงเรียนในประเทศไทย จะนิยมเปิดในสายภาษาจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน และเกาหลี เป็นต้น ซึ่งนักเรียนจะได้มีโอกาสเลือก หรือสอบเข้าในแต่ละสายภาษานั้น ๆ หากนักเรียนต้องการหลีกเลี่ยงการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ สายศิลป์-ภาษาจึงเหมาะที่กับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงวิชาเหล่านั้นอย่างยิ่ง
นอกจากการเรียนภาษาที่สามแล้ว นักเรียนจะได้เรียนรู้พื้นฐานของภาษานั้น ๆ เพื่อให้สามารถสื่อสารได้ อ่านออก หรือเขียนได้ ทั้งนี้การเรียนในสายศิลป์-ภาษาไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะเป็นการเรียนภาษาต่างประเทศ ดังนั้นเด็ก ๆ จะได้เรียนภาษาที่ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวนั่นเอง การเรียนในสายการเรียนนี้ยังช่วยฝึกให้นักเรียน เกิดความรู้ และความเข้าใจในภาษา และฝึกจดจำรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อใช้เหตุผลในการวิเคราะห์อีกด้วย โดยสำหรับการเรียนในสายศิลป์-ภาษานั้น นักเรียนจะสามารถเลือกสอบเข้าคณะได้ดังต่อไปนี้
- คณะครุศาสตร์
- คณะอักษรศาสตร์
- คณะศิลปศาสตร์-โบราณคดี
- คณะนิเทศศาสตร์
- คณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการโรงแรม
- คณะศึกษาศาสตร์
- คณะศิลปกรรม
- คณะวิจิตรศิลป์
- คณะมัณฑนศิลป์
- คณะจิตรกรรม
- คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
- คณะนิติศาสตร์
- คณะรัฐศาสตร์
4. สายภาษาไทย-สังคม (ไทย-สังคม) และศิลป์อื่น ๆ
สำหรับการเรียนสายไทย-สังคมนั้น นักเรียนจะได้เรียนวิชาภาษาไทย และสังคมศึกษาอย่างอัดแน่น โดยจะเรียนตั้งแต่เรื่องสังคมศึกษา ศาสนา ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วรรณคดี กฎหมาย และการเมือง เป็นต้น นักเรียนที่สนใจในการศึกษาต่อคณะนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ หรือสังคมสังเคราะห์นั้น ก็สามารถเลือกเรียนสายการเรียนนี้ได้เช่นกัน
นอกจากสายไทย-สังคมแล้ว ยังมีอีกหลายโรงเรียนที่ได้เปิดสายศิลป์อื่น ๆ ด้วย เช่น ศิลป์-อุตสาหกรรม ศิลป์-พลศึกษา ศิลป์-ออกแบบ และศิลป์-ธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับหลักสูตร และวิชาเรียนแขนงต่าง ๆ ที่โรงเรียนได้เปิดสอนนั่นเอง โดยสำหรับการเรียนในสายไทย-สังคมนั้น นักเรียนจะสามารถเลือกสอบเข้าคณะได้ดังต่อไปนี้
- คณะอักษรศาสตร์
- คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์
- คณะศิลปศาสตร์
- คณะโบราณคดี
- คณะนิเทศศาสตร์
- คณะวารสารศาสตร์
- คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
- คณะนิติศาสตร์
- คณะรัฐศาสตร์
- คณะศิลปกรรมศาสตร์
- คณะวิจิตรศิลป์
- คณะมัณฑนศิลป์
- คณะจิตรกรรม
- คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
- คณะบริหารธุรกิจ
- คณะเศรษฐศาสตร์
- คณะวิทยาการจัดการ
- คณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการโรงแรม
5. สายการเรียนแบบใหม่
แน่นอนว่า เมื่อรูปแบบการเรียนการสอนสมัยใหม่เปลี่ยนไป นักเรียนไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่เรียนในสายวิทย์-คณิต หรือศิลป์ต่าง ๆ เท่านั้น ปัจจุบันมีโรงเรียนหลายแห่ง ได้เปิดสายการเรียนการสอนแบบใหม่ ซึ่งจะเน้นให้นักเรียนได้เรียนตามความถนัดเฉพาะทาง ซึ่งจะเป็นเน้นตรงต่อสายวิชาที่จะเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยนั่นเอง โดยนักเรียนสามารถเลือกสายการเรียนที่ตรงต่อความต้องการได้มากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามสายการเรียนแบบใหม่ในประเทศไทยนั้น ยังเปิดเพียงแค่ไม่กี่โรงเรียน นักเรียนจึงควรศึกษาข้อมูล และหลักสูตรของแต่ละโรงเรียน ว่ามีแผนการเรียนแบบใหม่ด้วยหรือไม่ โดยส่วนหนึ่งของสายการเรียนแบบใหม่นั้น มีดังนี้
- IP EP IEP GP วิทย์-เทคโนโลยี
- เตรียมแพทย์-เภสัชฯ
- เตรียมวิศวะ-สถาปัตย์
- เตรียมนิเทศ-มนุษย์
- เตรียมศิลปกรรม
- เตรียมบริหารธุรกิจ-บัญชี
- เตรียมวิทย์-คอม
- เตรียมนิติ-รัฐศาสตร์
- ฯลฯ
สายการเรียนทั้งหมด ที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น เป็นเพียงสายการเรียนส่วนใหญ่ และสายการเรียนหลักที่โรงเรียนในประเทศไทยนั้นจัดการเรียนการสอน อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกสายการเรียน ของการเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายนั้น นักเรียนควรจะหาข้อมูลของแต่ละสายเพิ่มเติม หรืออ่านหลักสูตร และรายวิชาของโรงเรียนที่ตนเองจะเรียนต่อด้วย เพื่อให้ตนเองได้ค้นหาว่าถนัดกับสายการเรียนไหนมากที่สุด และควรเลือกที่ตนเองชอบ และสนใจในสายนั้น ๆ เพื่อให้การเรียนของเราสอดคล้องกับความรู้ความสามารถ ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกคณะ สาขา และมหาวิทยาลัยในอนาคตอีกด้วย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ดรอปเรียนดีไหม ไปต่อหรือพอแค่นี้ ?
ม.ปลายควรรู้! ประวัติส่วนตัวมีอะไรบ้าง ทำอย่างไรให้ Portfolio น่าสนใจ
โครงการเด็กดีมีที่เรียน ของ มศว. ต้องทำ portfolio แบบไหน ควรใส่อะไรในพอร์ตบ้าง
ที่มาข้อมูล : dek-d, teen.mthai, tutor-vip