วิจัยชี้ พ่อแม่ติดสมาร์ทโฟนไม่ต่างจากลูก แล้วจะ แก้ปัญหาเด็กติดจอ ได้ยังไง?

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ที่พ่อแม่สามารถทำตามได้เพื่อจัดการเวลาหน้าจอในครอบครัว แก้ปัญหาเด็กติดจอ อย่างมีประสิทธิภาพ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ผู้ปกครองหลายคนกังวลเกี่ยวกับการใช้หน้าจอของบุตรหลานในยุคดิจิทัล แต่จากการศึกษาพบว่าวัยรุ่นเกือบครึ่งหนึ่งเชื่อว่า บางครั้งพ่อแม่ก็ติดสมาร์ทโฟนเช่นกัน นี่คือความจริงเกี่ยวกับนิสัยการใช้หน้าจอของคนในครอบครัว ทั้งวัยรุ่นและพ่อแม่ต่างก็ติดสมาร์ทโฟน แล้วจะ แก้ปัญหาเด็กติดจอ ได้ยังไง มาดูเคล็ดลับในการจัดการการใช้เวลาหน้าจออย่างมีประสิทธิภาพกันค่ะ

การสำรวจที่จัดทำโดย Common Sense Media รายงานว่าเด็กอายุ 8-12 ปีใช้เวลาเฉลี่ย 5 ชั่วโมงครึ่งกับสื่อหน้าจอในขณะที่เด็กอายุ 13-18 ปีใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง นอกจากนี้ พ่อแม่ยังกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต การใช้โซเชียลมีเดีย และผลกระทบของการใช้เวลาหน้าจอต่อสุขภาพโดยรวมของเด็ก ตามรายงานของ University of Michigan Health C.S. Mott Children’s Hospital National Poll

อย่างไรก็ตาม การสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า ผู้ปกครองเองก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการควบคุมการใช้หน้าจอของตัวเองเช่นกัน ผู้ปกครองส่วนใหญ่ที่มีลูกวัยรุ่นและก่อนวัยรุ่นใช้เวลาหน้าจอมากกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน โดย 80% ใช้ในเวลาพักผ่อนไม่ใช่ทำงาน ซึ่งนี่เป็นเวลามากพอๆ กับที่วัยรุ่นใช้มือถือเลยทีเดียว

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า พ่อแม่ก็ไม่ได้ต่างจากลูกๆ เลย 

 

วัยรุ่นและพ่อแม่ติดสมาร์ทโฟนไม่ต่างกัน แล้วจะ แก้ปัญหาเด็กติดจอ ได้ยังไง? 

จากการศึกษาของ Pew Research Center ในเดือนกันยายน 2023 วัยรุ่นเกือบครึ่งเชื่อว่าบางครั้งพ่อแม่ของพวกเขาก็ติดสมาร์ทโฟนเช่นกัน

ที่น่าสนใจคือ การศึกษายังพบว่าประมาณ 47% ของผู้ปกครองเอง เชื่อว่าพวกเขาใช้เวลากับสมาร์ทโฟนมากเกินไปในขณะที่มีเพียง 31% เท่านั้นที่คิดว่าเป็นเรื่องปกติ

Monica Anderson ผู้เขียนรายงานและกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีที่ Pew Research Center กล่าวว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ปัญหาที่วัยรุ่นต้องเผชิญแต่ยังรวมถึงปัญหาครอบครัวและผู้ปกครองด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

รายงานชี้ว่า ผู้ปกครองและวัยรุ่นมีการโต้เถียงเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ โดยประมาณ 4 ใน 10 ของผู้ปกครองและวัยรุ่นบอกว่า บางครั้งพวกเขาโต้เถียงกันว่าวัยรุ่นใช้เวลาหน้าจอมากแค่ไหน

นอกจากนี้การใช้เวลากับหน้าจอ ยังทำให้การสื่อสารแบบ face to face ในครอบครัวลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว

มีคำแนะนำให้พ่อแม่กำหนดกฎของบ้านในการจำกัดเวลาการใช้หน้าจอ แต่ว่าพ่อแม่กลับไม่สามารถจำกัดเวลาการใช้หน้าจอของตัวเองได้ ซึ่งกลายเป็นว่าทุกคนในบ้านล้วนมีพฤติกรรมการใช้หน้าจอที่ไม่เหมาะสมและอาจนำไปสู่การโต้เถียงและความขัดข้องใจระหว่างเด็กกับผู้ปกครอง ลูกอาจไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำตามกฎด้วย ในเมื่อพ่อแม่ไม่ทำ

ในส่วนของผู้ปกครองเองก็รู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะปฏิบัติตามกฎเดียวกันกับบุตรหลาน เนื่องจาก ผู้ใหญ่ต้องอยู่หน้าจอเพื่อทำงาน และเพื่อติดต่อสื่อสาร แต่หากพ่อแม่และลูกขาดการพูดคุยทำความเข้าใจกัน อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว และเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

Jessie Liew ผู้ก่อตั้ง Digital Parenting Coaching และเป็นคุณแม่ลูก 4 อาชีพก่อนหน้านี้เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ในบทความนี้ เจสซี่จะมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการส่งเสริมนิสัยการใช้หน้าจอที่ดีของครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาเด็กติดจอ

 

พบกับซาร่า

เจสซี ได้พบกับ ซาร่า และได้ช่วยซาร่า แก้ปัญหาเด็กติดจอ จนสำเร็จ ซาร่าเป็นคุณแม่ของลูกสาวที่ยอดเยี่ยม 2 คนอายุ 8 ขวบและ 5 ขวบ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกสาวของซาร่าติดสมาร์ทโฟน และใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่กับหน้าจอ โดยเฉพาะลูกสาวคนโตที่แอบออกไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์ตอนเที่ยงคืน บางครั้งซาร่าต่อว่าลูกของเธอและพยายามยึดมือถือ ลูกของเธอร้องไห้ แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว และบางครั้งก็ตอบโต้เธอ

ดูเหมือนว่าลูกสาวของเธอจะสนใจสมาร์ทโฟนมากกว่าเธอเสียอีก ยิ่งใช้เวลากับหน้าจอมากเท่าไหร่ เธอยิ่งต้องการสมาร์ทโฟนมากขึ้น ซาร่าคิดว่าปัญหาดังกล่าวจะหายไปเองเมื่อลูกโตขึ้น  เรื่องนี้รบกวนจิตใจเธอแต่เธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

หลังจากที่ซาร่าพบว่าลูกสาวคนโตของเธอกำลังค้นหาเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ทางออนไลน์เธอก็เริ่มหมดหวัง เธอรู้ว่าเธอต้องทำอะไรบางอย่างโดยเร็ว 

เจสซี่ แนะนำเธอถึงวิธีตอบสนองต่อพฤติกรรมการใช้หน้าจอของลูกสาว รวมถึงวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้นกับลูกสาว สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการสื่อสารและสร้างความไว้วางใจ

เมื่อความสัมพันธ์ดีขึ้น ซาร่าและลูกสาวก็ทำข้อตกลงร่วมกันในการใช้หน้าจอ และหลังจากนั้นลูกสาวของเธอก็เรียนรู้ที่จะจัดการเวลาหน้าจอด้วยตัวเอง เธอและลูกยังพูดคุยถึงการใช้อินเทอร์เน็ต เนื้อหา และผลกระทบต่อเด็กด้วย

ลูกๆ ของซาร่าลดเวลาการใช้หน้าจอจาก 12 ชั่วโมงต่อวันหรือเพียง 2 ชั่วโมงในวันธรรมดาและสูงสุด 5 ชั่วโมงในวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์เป็นวันที่ไม่มีหน้าจอ 

ลูกสาวของเธอรู้ว่าการทำหน้าที่หลักให้สำเร็จก่อนนั้นมาก่อนเกมคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ซาร่าและลูกสาวไม่ได้โต้เถียงกันเกี่ยวกับการใช้หน้าจออีกแล้ว ลูกสาวของสามารถจัดสรรเวลาหน้าจอได้ และชอบที่จะใช้เวลากับครอบครัว 

ซาร่า กล่าวว่า “เจสซี่ได้เขย่าโลกของเราด้วยวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการใช้เวลาหน้าจอ สิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งฉันพบว่าตั้งแต่เจสซี่เข้ามาช่วยเหลือ ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกสาวของฉันมากกว่าเมื่อก่อน ฉันหวังว่าจะได้รับคำแนะนำจากเธอต่อไป ตราบเท่าที่ลูกๆ ของฉันยังใช้สมาร์ทโฟน” 

จากเคสข้างต้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เมื่อพ่อแม่เปลี่ยนจากการควบคุมและจำกัดเวลาหน้าจอ เป็นดูแลนิสัยการใช้หน้าจอที่ดีแทน คุณจะพบการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและลูกจะรู้วิธีใช้หน้าจอหรืออินเทอร์เน็ตอย่างมีความรับผิดชอบและออนไลน์อย่างปลอดภัย พ่อแม่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับลูกๆ และลูกๆ อยากมาหาคุณเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับอะไรก็ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสิน

 อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่า เจสซี่ทำอย่างไร นี่คือ วิธีที่เธอแนะนำในการจัดการการใช้หน้าจอของครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

แก้ปัญหาเด็กติดจอ ใน 5 ขั้นตอน

การจัดการเวลาหน้าจอในครอบครัวอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตที่สมดุลและสุขภาพดี นี่คือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อจัดการเวลาหน้าจอในครอบครัว แก้ปัญหาลูกติดจอ อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 1. ประเมินนิสัยการใช้หน้าจอของตัวคุณพ่อคุณแม่เอง

สำรวจนิสัยการใช้หน้าจอของตัวคุณเองและพิจารณาว่า นิสัยดังกล่าวส่งเสริมนิสัยการใช้หน้าจอที่ดีหรือไม่ การกำหนดขอบเขตเป็นสิ่งสำคัญในทุกด้านของชีวิตเราจำเป็นต้องกำหนดขอบเขตในการรับประทานอาหารเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี เราก็จำเป็นต้องกำหนดขอบเขตการใช้หน้าจอด้วยเช่นกัน

 

 2. เป็นแบบอย่างนิสัยการใช้หน้าจอที่ดี 

หลังจากกำหนดขอบเขตหน้าจอแล้ว ให้คุณพ่อคุณแม่ลองนำไปใช้กับตัวเองก่อน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณควบคุมตัวเอง และแสดงนิสัยการใช้หน้าจอที่ดีขึ้น เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับลูกๆ ของคุณ

 

 3. พูดคุยกับลูกเกี่ยวกับการใช้หน้าจอ

พูดคุยกับลูกอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการใช้หน้าจอในครอบครัว สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกเข้าใจถึงความสำคัญของการกำหนดขอบเขตการใช้หน้าจอและทำตามที่ตกลงกันไว้

 

 4. แนะนำลูกให้กำหนดขอบเขตการใช้หน้าจออย่างเหมาะสม

เมื่อคุณสามารถปรับเวลาหน้าจอของตัวเองได้แล้ว ได้เวลาช่วยลูกๆ กำหนดขอบเขตการใช้หน้าจอและทำตามข้อตกลงร่วมกัน นอกเหนือจากการเน้นเรื่องเวลาแล้วควรชวนลูกคุยถึงเนื้อหาที่ลูกดู และสอนให้ลูกคำนึงถึงความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตด้วย

 

5. อดทนและตอบสนองอย่างใจเย็น

ไม่ว่าคุณจะกำหนดขอบเขตและข้อตกลงในการใช้หน้าจอของครอบครัวได้ดีเพียงใด บางครั้งเด็กๆ ก็ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องปกติ หลีกเลี่ยงการตอบโต้ด้วยอารมณ์​แต่ควรตอบสนองอย่างใจเย็นต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของลูกแทน และทบทวนข้อตกลงในการใช้หน้าจอที่มีร่วมกัน

 

ทำตาม 5 ขั้นตอนง่ายๆ ข้างต้น คุณจะสามารถสร้างสมดุลกับทุกคนในครอบครัวได้ ด้วยความอดทน คิดบวก เป็นแบบอย่างที่ดี ทำงานเป็นทีม และทำความเข้าใจลูกของคุณ เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถส่งเสริมนิสัยการใช้หน้าจอที่ดีให้กับครอบครับ และทำให้เวลาหน้าจอเป็นสิ่งที่เพิ่มมูลค่าให้กับชีวิตครอบครัวของคุณแทนที่จะพยายามยึดสมาร์ทโฟนของลูก

 

ที่มา : sg.theasianparent.com

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ผู้เชี่ยวชาญแนะ! พ่อแม่ควรทำโทษลูก ด้วยการ ยึดมือถือ หรือไม่?

เกือบไปแล้ว! พัฒนาการลูกถดถอย จนเกือบเป็นออทิสติก

อย่าปล่อยให้ลูกของคุณตกเป็นเหยื่อ: แนวทางป้องกันเด็กถูก คุกคามทางเพศ ออนไลน์