อีกหนึ่งไอเทมสำหรับคนยุคใหม่ โดยเฉพาะยุคของเราที่เป็นยุคแห่งเทคโนโลยี ที่ใคร ๆ ก็มีโทรศัพท์ติดตัวกันแทบทุกคน แท่นชาร์จไร้สาย ที่จะช่วยให้ชีวิตของเพื่อน ๆ เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น! วันนี้ เราจะมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับที่ชาร์จไร้สายมาฝากเพื่อน ๆ กัน ไปดูกันเลย!
แท่นชาร์จไร้สาย คืออะไร ?
ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทุกกิจกรรมต้องมีความคล่องตัวสูง ผู้คนให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายมากขึ้น โทรศัพท์เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ทุกคนใช้และพกติดตัวตลอดเวลา ที่ชาร์จไร้สาย จึงถูกพัฒนาออกมาเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องของการไม่ต้องคอยพกสายชาร์จติดตัวไปไหนมาไหน ต้องระวังว่าสายจะหักเสียหาย แถมยังมีข้อจำกัดในเรื่องของหัวชาร์จอีกด้วย และสายชาร์จยังมีการแยกประเภทอีก ไม่ว่าจะเป็นสาย Type C สายไอโฟน ฯ แต่ที่ชาร์จไร้สายนั้นไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงรุ่นของโทรศัพท์ สามารถใช้งานได้เลย จึงเหมือนตัดปัญหาจุกจิกกวนใจเหล่านี้ได้ทั้งหมด ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
ข้อดีและข้อเสียของ แท่นชาร์จไร้สาย
-
ข้อดีของที่ชาร์จไร้สาย
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนของที่ชาร์จไร้สายก็คือ ความสะดวกและความคล่องตัวในการใช้งาน เพราะแค่เราวางสมาร์ตโฟนไปบนแท่นชาร์จ ก็จะเริ่มกระบวนการชาร์จไฟทันที ไม่มีขั้นตอนอะไรให้ยุ่งยาก และไม่ต้องมีสายเชื่อมต่ออะไรให้วุ่นวายเลย ในบางรุ่น ยังสามารถชาร์จแบตเตอรีไว้ในตัวได้ด้วย เหมือนกับการพกพาวเวอร์แบงค์นั่นเอง ที่ชาร์จไร้สายส่วนใหญ่มักมีน้ำหนักเบา รูปทรงกะทัดรัด และมีดีไซน์สวยงาม นอกจากนี้ยังชาร์จเร็วด้วย เหมาะกับช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีเวลาชาร์จไฟจำกัด
-
ข้อเสียของที่ชาร์จไร้สาย
แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้มีเพียงแต่ข้อดีเสมอไป ข้อเสียของที่ชาร์จไร้สายนั่นก็คือ มีราคาค่อนข้างสูง และสมาร์ตโฟนบางรุ่นก็ยังไม่รองรับการชาร์จในลักษณะนี้อีกด้วย นอกจากนี้ ที่ชาร์จไร้สายหลายรุ่นยังมีความคงทนต่ำกว่าที่ชาร์จแบบมีสาย ทำให้เพื่อน ๆ ต้องระวังในการพกพาพอสมควร
บทความที่เกี่ยวข้อง : 7 หูฟังบลูทูธ หูฟังแบบไร้สาย สำหรับคุยและฟังเพลง ในราคาหลักร้อย
ทำไม แท่นชาร์จไร้สาย ถึงประหยัดเวลาในการชาร์จไฟมากกว่า
ในช่วงแรกที่พึ่งเริ่มมีการพัฒนาที่ชาร์จไร้สาย ส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการชาร์จไฟยาวนานกว่าที่ชาร์จแบบมีสายเสมอ เพราะการเชื่อมต่อแบบมีสายมันคือการต่อตรง กระแสไฟจึงเข้าไปในแบตเตอรี่ได้แบบเต็มที่ แต่ในปัจจุบันที่ชาร์จไร้สายมีการพัฒนามาในระดับหนึ่งแล้ว ความเร็วในการชาร์จจึงไม่ช้ากว่าแบบมีสายอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้ที่ชาร์จไร้สายที่มีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน และในบางรุ่นยังสามารถเลือกความแรงไฟในการชาร์จได้ด้วย เช่น ถ้าเราเลือกใช้ที่ชาร์จไร้สายแบบที่มีกำลังไฟสูง ๆ แรงดันในการอัดกำลังไฟเข้าเครื่องก็จะทำได้มากกว่า และทำให้ใช้เวลาในการชาร์จน้อยลง เป็นต้น
นอกจากนี้ ในรุ่นที่มีการพัฒนาไปอย่างล้ำสมัย ก็มักจะมีฟังก์ชันเสริมให้เลือกเยอะ อีกทั้งยังมีการตอบสนองต่อการใช้งานที่รวดเร็วกว่าด้วย เรียกว่าวางสมาร์ตโฟนลงไปก็เริ่มชาร์จทันที ที่สำคัญ เนื่องจากการใช้ที่ชาร์จไร้สายจะทำให้สมาร์ตโฟนเกิดความร้อนระหว่างชาร์จไฟต่ำมาก และหลายรุ่นก็มีฟังก์ชันการลดความร้อนให้ในตัว ระบบการป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมของสมาร์ตโฟนจึงไม่ทำงาน จึงสามารถคำนึงถึงความปลอดภัยได้ดีมาก และไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะร้อนจนเกินไปอีกด้วย
5 ปัจจัย เลือกซื้อ แท่นชาร์จไร้สาย แบบไหนดี ?
-
เลือกรูปร่างของแท่นชาร์จไร้สายให้ตรงกับการใช้งานที่สุด
ในก่อนหน้านี้สินค้าส่วนใหญ่จะมีรูปทรงไปในทางเดียวกันก็คือ เป็นถาดแบน ๆ ทรงกลม เวลาต้องการชาร์จก็วาง Smartphone ลงไปตรง ๆ ทำให้เวลาต้องการใช้โทรศัพท์จึงจำเป็นที่จะต้องหยิบขึ้นมาดูอยู่เสมอ และต้องยกเลิกการชาร์จไฟ ในปัจจุบันหลาย ๆ แบรนด์ก็ได้มีการออกแบบให้มีหลากหลายรูปทรงมากขึ้น และยังมีการออกแบบรูปทรงโดยเฉพาะของบางรุ่นด้วย เช่น บางยี่ห้อที่สามารถวางทั้งแนวตั้งเพื่อสะดวกในการมอง รวมถึงการสแกนหน้า Face ID บน iPhone โดยเฉพาะอีกด้วย และในบางยี่ห้อ ก็ได้ออกแบบเป็นแนวนอน เพื่อให้สะดวกต่อการดูคลิปวิดีโอออนไลน์ YouTube Netflix ไปด้วยในระหว่างการชาร์จนั่นเอง
-
เลือกให้ตรงกับการรองรับของ Smartphone ที่ใช้
แน่นอนว่า ถ้าสมาร์ตโฟนของเราใช้งานไม่ได้ก็คงจะไม่มีความหมาย อย่าลืมว่าต้องดูที่สเปกของ Smartphone หรืออุปกรณ์ที่จะนำมาชาร์จด้วยเช่นกัน เช่นบน iPhone 12 Series ที่ตอนนี้รองรับการชาร์จไร้สายสูงสุดที่ 15W หรือรุ่นก่อนหน้าที่รองรับการชาร์จไร้สายสูงสุดที่ 7.5W เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ควรตรวจสอบให้ดีว่าสมาร์ตโฟนที่เราใช้รองรับการชาร์จสูงสุดที่กี่ W เพราะแม้จะซื้อสินค้า Spec สูง ๆ ไปแต่หากอุปกรณ์ที่ใช้รองรับการชาร์จสูงสุดไม่มากก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดีค่ะ
-
ผ่านการรองรับมาตรฐาน Qi เพื่อความปลอดภัย
ปัจจุบันมาตรฐานการชาร์จไร้สายส่วนมากในตลาดจะใช้เป็น Qi (Standard) Wireless Charging ข้อดีของมาตรฐานนี้คือตัดปัญหาเรื่องสายชาร์จคนละเส้นออกไปได้มาก เพราะสามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งระบบ IOS และ Android หลากหลายรุ่นมาก ๆ และในปัจจุบันอุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับการชาร์จไร้สายก็ยังเลือกใช้มาตรฐานการชาร์จ Qi อีกด้วย พูดได้ง่าย ๆ ว่า ถ้าจะเลือกซื้อ ขอแค่มี Qi ไว้ก่อนจะปลอดภัยในการเลือกซื้อที่สุดค่ะ
-
มีระบบตรวจจับความร้อน
ปัญหาเรื่องความร้อนนั้นสามารถแก้ได้ยาก เรียกได้ว่าแทบจะเป็นของคู่กันระหว่างแท่นชาร์จไร้สายและความร้อน โดยอุปกรณ์ที่ไม่มีมาตรฐานอาจทำให้อุปกรณ์ที่ชาร์จเกิดความร้อนสูงจนทำให้ละลาย หรือไปถึงขั้นระเบิดได้ ดังนั้นจึงควรเช็คทุกครั้งว่าที่ชาร์จนั้นมีระบบจัดการความร้อนมาในตัวหรือไม่ เช่น ระบบที่จะตัดหรือพักการส่งคลื่นไฟฟ้าหากมีระดับอุณหภูมิที่สูงเกินไป หรือส่งคลื่นชาร์จเป็นระยะเพื่อลดความร้อนที่จะเกิดขึ้นลง เป็นต้น
-
ราคาที่เหมาะสมกับตัวเรา
ปัจจัยสุดท้ายที่จะมาแนะนำกันก็คงไม่พ้นเรื่องของราคา ในปัจจุบันมีสินค้ามากมายหลายราคารให้เลือกทั้งราคาสูง ราคากลาง และราคาเป็นมิตร บางแบรนด์แม้จะมีราคาที่สูงแต่ก็มาพร้อมความคุ้มค่าที่มากขึ้น เช่น มีช่องชาร์จหลายช่องสำหรับชาร์จได้หลายอุปกรณ์มากขึ้น เช่น iPhone Apple Watch และ AirPods เป็นต้น นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงมูลค่าวัสดุที่เลือกใช้มีความทนทาน แข็งแรง และดูพรีเมียม รวมไปถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและการรับประกันอีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ ที่ชาร์จไร้สาย ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ทั้งสะดวก ชาร์จเร็ว ใช้งานง่าย แค่อ่านแล้วก็อยากได้ขึ้นมาเลยใช่ไหมละคะ ? หากเพื่อน ๆ คนไหนกำลังมองหาที่ชาร์จไร้สาย อย่าลืมนำบทความของเราไปประกอบพิจารณาเลือกซื้อสินค้ากันได้นะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ชี้เป้า 10 ที่ชาร์จไร้สาย แค่วางก็ชาร์จได้ ยี่ห้อไหนดี งบไม่เกิน 1,000 บาท
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ทั่วไทย มีที่ไหนบ้าง เช็กให้ชัวร์ก่อนเดินทาง
10 กระเป๋าใส่โทรศัพท์ สวย ๆ ราคาดี พกพาสะดวก ที่สายแฟห้ามพลาด !!
ที่มา : mercular