ศพแรงงานไทย 2 ราย จากเหตุโจมตีทางอากาศในแคมป์ที่อิสราเอล ถึงประเทศไทยแล้ว หนึ่งในนั้นสร้างความสะเทือนใจแก่ครอบครัวที่ต่างพากันร้องระงมโศกเศร้าที่เสาหลักของครอบครัวได้จากไปกะทันทัน และสร้างความสะเทือนใจที่สุด เมื่อลูกสาววัย 2 ขวบเห็นศพแรงงานไทยซึ่งเป็นพ่อตนเอง เอ่ยถาม…พ่อหนูเป็นอะไร
ศพแรงงานไทยผู้เคราะห์ร้ายถึงบ้านเกิดท่ามกลางความโศกเศร้า
ช่วงเย็นของวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศพของนายสิขรินทร์ สงำรัมย์ วัย 24 ปี แรงงานไทยจากจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงงานไทยเคราะห์ร้าย เขาเสียชีวิตจากการโจมตีของกลุ่มฮามาส ประเทศอิสราเอล เหตุการณ์ที่สะเอนขวัญไปทั่วโลก ร่างไร้ลมหายใจของสิขรินทร์หรือนายหวอ ถูกส่งกลับบ้านเกิด ที่บ้านกระทิง อำเภอลำปลายมาศ บุรีรัมย์ ด้วยรถตู้ของบริษัท สุริยาหีบศพคลองหลวง ทันทีที่ศพแรงงานไทยผู้นี้มาถึงบ้านเกิด ญาติต่างส่งเสียงร้องระงม โศกเศร้าต่อการจากไปของนายหวออย่างกะทันหัน
ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิท โดยเฉพาะคุณแม่ขวัญใจ สงำรัมย์ มารดาของนายหวอ และภรรยา อรทัย กองมะเริง ต่างร้องห่มร้องไห้ตลอดเวลา เนื่องจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งเมื่อลูกสาววัย 2 ขวบเห็นศพแรงงานไทยผู้เคราะห์ร้าย ผู้เป็นพ่อของตน หนูน้อยถึงกับเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสาว่า
“แม่ๆ พ่อหนูเป็นอะไร?”
เด็กหญิงไร้เดียงสา ทำเอาแม่ยิ่งร้องไห้หนัก
นายหวอผู้เป็นพ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่แม้แต่ได้เอ่ยลาครอบครัว ด้านเด็กหญิง เอิร์ท ลูกสาวคนเล็กวัย 2 ขวบของแรงงานไทยผู้นี้ ที่กำลังน่ารักที่แม่อุ้มมารอรับศพ หนูน้อยคงคิดว่า อาจจะได้พบหน้าพ่อ ได้กอดพ่อเสียทีหลังจากพ่อไปทำงานที่ต่างแดนเป็นนาน แต่พอได้เห็นศพของพ่อเท่านั้น ก็ถามแม่ด้วยความไร้เดียงสาว่า “แม่ๆ พ่อหนูเป็นอะไร” นางอรทัยตอบลูกสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
“พ่อนอนหลับน่ะลูก”
สิ้นเสียงตอบจากแม่ ยิ่งทำให้ญาติสนิท เพื่อนบ้านทั้งหลายต่างพากันร้องไห้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการยกศพแรงงานไทยลงจากรถเพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพตามประเพณี ก่อนจะบรรจุใส่โลงศพเพื่อประกอบพิธีสวดอภิธรรมเป็นคืนแรกในคือวันที่ 26 พฤษภทคม โดยผู้มีญาติพี่น้อง ชาวบ้านในหมู่บ้าน เพื่อนสนิทที่ทราบข่าว ต่างมาร่วมรดน้ำศพ และพิธีสวดอภิธรรม ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ก็ได้มาคอยดูแลอำนวยความสะดวกเรื่องการจัดงานศพของนายสิขรินทร์ ตามที่ได้รับมอบหมายจากจังหวัดและอำเภออย่างเต็มที่
เมียสุดเศร้า ยากที่จะตอบคำถามลูกสาว
อะไรจะโศกเศร้าต่อการจากไปต่อคนรัก และสะเทือนใจกับการที่ต้องตอบคำถามลูกน้อย นางอรทัยเล่าว่า ตอนที่ศพสามีมาถึง เธออุ้มลูกสาวคนเล็กไปยืนรอรับศพ โดยลูกสาวจะชี้ไปที่ศพของพ่อแล้วถามว่าพ่อเป็นอะไรๆ เธอก็บอกกับลูกสาวพ่อนอนหลับ ลูกสาวจึงเงียบไม่ถามอะไรอีก แต่คอยมองคนมากมายที่ต่างมารุมพ่อของหนูน้อยเอง
เธอยอกรับว่าดีใจที่ได้ศพสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน แต่ก็เสียใจที่สามีต้องกลับมาในสภาพที่ไม่มีชีวิตแล้ว ซึ่งตอนนี้เธอยอมรับว่า ยังทำใจไม่ได้ที่สูญเสียผู้เป็นที่รัก และเสาหลักของครอบครัว อีกทั้งยังไม่รู้ว่าจะวางแผนใช้ชีวิตต่อยังไง
พี่น้องต่างใจหายที่แรงงานไทยผู้เป็นญาติจากไปกะทันหัน
ไม่เพียงแค่ครอบครัว แม่ ภรรยาและลูกๆ เท่านั้น นายหวอยังมีพี่น้องที่ต่างเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่ง นายสมปอง วัย 28 ปี และนายอำนาจ อายุ 25 ปี ลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนสนิทกับนายหวอ บอกว่า พวกเขาสนิทสนมและเล่นกับผู้ตายมาตั้งแต่เด็ก เล่นกัน เรียนด้วยกัน เจอกันแทบทุกวัน เขาเป็นคนนิสัยดี อารมณ์ดีชชอบยิ้มไม่เคยมีเรื่องกับใคร ก็ไม่คิดว่า นายหวอ จะมาจากไปทั้งที่อายุยังน้อย เพราะตอนตอนแรกที่ทราบข่าว คิดว่าแค่บาดเจ็บ แต่มารู้อีกทีเสียชีวิตก็ทำใจไม่ค่อยได้ ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง ต่างภาวนาขอให้ดวงวิญญาณของนายหวอไปสู่สุขคติ ส่วนทางนี้ญาติๆ ก็จะช่วยดูแลครอบครัวและลูกๆ ให้
ด้านความคุ้มครองแรงงานไทย
ในเบื้องต้นสำหรับสิทธิประโยชน์ที่แรงงานไทยผู้นี้จะได้รับการช่วยเหลือนั้น ทางประกันสังคมได้มอบเงินค่าจัดการศพไปแล้ว 50,389.18 บาท นอกจากนี้จะมีเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ของกรมจัดหางานจังหวัดอีก 40,000 บาท ทั้งนี้ยังได้รับการช่วยเหลือตามกฎหมายของทางประเทศอิสราเอลอีกด้วย โดยครอบครัวมีกำหนดตั้งสวดอภิธรรม ถึงวันเสาร์ และฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ค.64 นี้
ย้อนกลับไปเมื่อเกิดเหตุการณ์แรงงานไทยอย่างน้อย 2 คน เสียชีวิตใกล้เขตกาซา
เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ รายงานว่ามีแรงงานไทยในนิคมเกษตรกรรมใกล้พื้นที่ฉนวนกาซาเสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 8 รายจากการโจมตีฉนวนกาซาในวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 พร้อมทั้งย้ำให้คนไทยในอิสราเอลติดตามข้อมูลข่าวสารและปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด
ด้านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ออกสารแสดงความเสียใจ
“สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บ”
ซึ่งเหตุการณ์ความสูญเสียของแรงงานไทยในต่างแดนจะได้รับการจดจำไปอีกนาน
บทความที่น่าสนใจ:
ความรักจากพ่อแม่ ช่วยพัฒนาสมองลูก
ขอบคุณข่าวและภาพจาก สยามรัฐ
ที่มา : siamrath