อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน
ที่ปรึกษาด้านโภชนาการและสุขภาพ จากแครริงตัน ฟาร์ม ประเทศออสเตรเลีย แนะนำว่าให้ลองอาหารเพื่อเพิ่มพลังสมองของเด็ก ๆ ในมื้อเช้าหรือมื้อกลางวัน เป็นการชาร์ตแบตให้สมองของหนู ๆ สดชื่นแจ่มใสตลอดวัน 4 อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน มีดังนี้ค่ะ
1. ผักโขม
ช่วยกระตุ้นพลังสมอง ซึ่งอาจหมายถึงคะแนนสอบที่เพิ่มขึ้นของลูกด้วย ผักโขมเต็มไปด้วยกรดโฟลิคที่จะบอกลาความขี้ลืมไปได้เลย ความจำของเด็ก ๆ จะสดใหม่อยู่เสมอ อาจลองเพิ่มผักโขมใส่ในอาหารเช้าง่าย ๆ อย่างแซนวิช หรือจะห่อไปกินเป็นอาหารว่างที่โรงเรียนก็ไม่ว่ากันค่ะ
ประโยชน์ของผักโขม
สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
วิตามินเอและวิตามินซีในผักโขม เป็นตัวช่วยสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียและสารพิษที่ถูกส่งเข้ามาในระบบต่างๆ ของร่างกาย
เสริมสร้างการมองเห็น
วิตามินเอในผักโขมมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ดวงตาทำงานได้อย่างเป็นปกติ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น ตาฝ้าฟาง สามารถรับประทานผักโขมเป็นประจำเพื่อช่วยซ่อมแซมในส่วนนี้ได้
และประโยชน์ด้านอื่นฃ ๆ ของผักโขม
บำรุงผิวพรรณ
วิตามินเคและโฟเลตในผักโขมจะช่วยให้ผิวห่างไกลจากปัญหาสิวและความหมองคล้ำได้ โดยจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น, ห่างไกลริ้วรอยก่อนวัย และปกป้องผิวหนังจากมลภาวะต่างๆ ที่มักเข้ามาทำลายผิวให้เสื่อมสภาพลงโดยเร็วได้อีกด้วย
รักษาโรคความดันโลหิตสูง
แมกนีเซียมในผักโขม มีคุณสมบัติช่วยควบคุมความดันโลหิตในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ จึงเหมาะสำหรับการนำมาทำเป็นส่วนผสมในยารักษาโรคความดันโลหิตสูง
ป้องกันโรคเกี่ยวกับลำไส้
ยิ่งรับประทานผักโขมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อระบบลำไส้มากเท่านั้น โดยผักโขมจะสามารถช่วยยับยั้งการติดเชื้อบริเวณลำไส้ได้ และยังช่วยให้กระบวนการทำงานของลำไส้เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ให้นอนหลับง่าย
หลายคนที่ประสบปัญหานอนไม่หลับ ลองรับประทานผักโขมดู เพราะแร่ธาตุสำคัญอย่างซิงก์และแมกนีเซียมในผักโขม จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความผ่อนคลายไปทุกส่วน ทำให้สามารถนอนหลับสนิทได้ง่ายมากขึ้น
เป็นต้น
2. บลูเบอร์รี่
มีงานวิจัยพบว่าบลูเบอร์รี่จะช่วยให้ความจำดีขึ้นและการตัดสินใจดีขึ้น บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่เด็ก ๆ หลายคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะนำไปแช่แข็ง หรือทำเป็นแพนเค้ก หรือผสมในซีเรียลในมื้ออาหารเช้า
ประโยชน์ของ บลูเบอร์รี่
อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก มากที่สุดในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เลยด้วยซ้ำ การบริโภคผลไม้ชนิดนี้เป็นประจำจึงช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระต่างๆ ที่จะมาทำลายผิวให้เกิดริ้วรอย แถมยังช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออกไป พร้อมเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิมออกมา
ช่วยบำรุงสมอง
อีกหนึ่งคุณประโยชน์ที่สำคัญมากๆ คือบลูเบอร์รี่สามารถช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้สมองทำงานได้เต็มที่ ทำให้ความจำดีขึ้น อีกทั้งถ้ารับประทานอย่างต่อเนื่องยังสามารถป้องกันโรคความจำเสื่อมในวัยสูงอายุได้อีกด้วย
ช่วยบำรุงหัวใจ
การรับประทานอย่างต่อเนื่อง จะทำให้สามารถลดการแข็งตัวของเลือดและลดไตรกีเซอไรด์ลงได้ หลายคนที่มีภาวะโรคหัวใจ ในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจจ่ายยาที่มีแอสไพรินเพื่อลดการแข็งตัวของเลือด ซึ่งการรับประทานบ่อยเกิดไปอาจมีผลข้างเคียงกับร่างกายหลายอย่าง เพราะฉะนั้นหากรับประทานบลูเบอร์รี่อย่างต่อเนื่องก็สามารถต่อต้านการเกิดภาวะดังกล่าวได้ดีต่อสุขภาพเช่นกัน
และประโยชน์ด้านอื่นฃ ๆ ของบลูเบอร์รี่
ช่วยย่อยอาหารและระบบขับถ่ายดี
บลูเบอร์รี่มีไฟเบอร์สูงมาก เพราะฉะนั้นจึงมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือถ้าในบางวันที่เราทานเนื้อสัตว์เยอะๆ อาจทำให้เรามีภาวะจุกเสียดแน่นท้องเพราะอาหารไม่ย่อย แนะนำให้ทำบลูเบอร์รี่สมูทตี้ดื่มตามมื้ออาหาร สาร Actinide ที่อยู่ในบลูเบอร์รี่จะเป็นตัวช่วยย่อยโปรตีนได้ดีเลยทีเดียว
ช่วยบำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ
บลูเบอร์รี่มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ประกอบอยู่ เป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงอมม่วง สารนี้มีประโยชน์ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้น และช่วยในการทำงานของกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์เรตินา อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินซี จึงช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และแก้มแดงมีเลือดฝาด ดูผิวสวยแบบสุขภาพดีอีกด้วย
เป็นต้น
3. เมล็ดลินิน
งานวิจัยพบว่าการกินอาหารที่มีกรดไขมันสูงมากเป็นประจำจะช่วยให้เด็กมีสมาธิจดจ่อได้ดีขึ้นและเรียนรู้วิธีที่จะเรียนหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมล็ดลินินสัก 2-3 เมล็ดใส่ในโยเกิร์ต พุดดิ้ง หรือในเมนูอื่น ๆ ก็จะช่วยให้ลูกรักได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3
และประโยชน์ด้านอื่นฃ ๆ ของเมล็ดลินิน
ระบบหลอดเลือดหัวใจ กรดอัลฟา-ไลโนเลนิคเป็นกรดไขมันโอเมกา-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ดีต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด การเกาะตัวของเกล็ดเลือด และความดันโลหิตในขณะที่เพิ่มไขมันตัวดี (HDL)
นอกจากนี้ลิกแนนก็ยังเป็นสารอีกชนิดหนึ่งที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของระบบหลอดเลือดหัวใจ โดยพบว่ายิ่งระดับเอนเทอโรแลกโทน (สารที่เกิดจากการย่อยสลายลิกแนนในร่างกาย) ในเลือดยิ่งสูงเท่าไหร่ ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจหลอดเลือดก็ยิ่งลดลงค่ะ
มีการศึกษาเรื่องผลของการรับประทานเมล็ดลินิน พบว่าเมล็ดลินินและสารสกัดลิกแนนจากเมล็ดลินินสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมและไขมันตัวเลว (LDL) ในเลือดลงได้ โดยที่ไม่มีผลต่อระดับไขมันตัวดี ส่วนน้ำมันเมล็ดลินินนั้นไม่แสดงให้เห็นผลดีดังกล่าว
นอกจากนี้ ในเพศหญิงสามารถเห็นผลการลดลงของคอเลสเตอรอลโดยรวมและไขมันตัวเลวได้อย่างชัดเจนมากกว่าในเพศชาย
– ระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเมล็ดลินินอุดมไปด้วยใยอาหารมากมาย จึงสามารถแก้ภาวะท้องผูกได้
– ระบบภูมิคุ้มกัน มีการศึกษาพบว่า การรับประทานเมล็ดลินินช่วยทำให้ไตของผู้ป่วยโรคเอสแอลดีหรือที่รู้จักกันดีว่าโรคพุ่มพวง (เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของตนเองต่อต้านอวัยวะภายในร่างกาย) ทำงานดีขึ้น
เป็นต้น
4. แอปเปิ้ล
รับประทานแอ๊บเปิ้ลวันละลูกจะช่วยทำให้การเรียนรู้และผลการเรียนของลูกรักดีขึ้นเปลือกของแอ๊บเปิ้ลยังมีสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีที่ยังสามารถช่วยกระตุ้นระบบความจำด้วย
ในแอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต และอุดมไปด้วยวิตามินซี เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน
ถึงเมนูข้างต้นจะดูฝรั่งจ๋าไปบ้าง แต่เพื่อเพิ่มพลังสมองของลูกน้อยแล้วคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับความชอบของลูกน้อย (แบบไทย ๆ ) อย่างเราได้แน่ ๆ เชื่อว่าไม่เกินความสามารถค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
โรคหืดหอบในเด็ก อีกหนึ่งอันตราย ที่คุณแม่ควรเฝ้าระวังและเตรียมวิธีรับมือให้ลูกน้อยได้ทันท่วงที