เคลือบฟลูออไรด์ ในเด็กมีความจำเป็นมากแค่ไหน มีผลกระทบอะไรหรือไม่ การดูแลสุขภาพช่องปากนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ หากดูแลไม่ดีแล้วหละก็อาจส่งผลระยะยาวก็เป็นไปได้ เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าฟลูออไรด์นั้นสำคัญต่อช่องปากของเรา และลูกน้อยของเราอย่างไร
ฟลูออไรด์ คือ?
ฟลูออไรด์ (Fluoride) เป็นแร่ธาตุที่ช่วยป้องกันฟันผุ สามารถพบได้ที่ฟันของเรา หรือตามแหล่งน้ำ และอาหารเสริม นอกจากนี้ฟลูออไรด์ยังทำให้ฟันของเราแข็งแรง ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และลดผลกระทบที่เป็นอันตรายของคราบจุลินทรีย์ได้
หน้าที่ของฟลูออไรด์
การเคลือบฟลูออไรด์ในเด็ก หรือวัยรุ่นนั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเด็ก ๆ ไม่ชอบแปรงฟัน หรือแปรงฟันไม่สะอาด แบคทีเรียในช่องปากของเราก็จำเข้าทำลายฟันของเราทีละน้อย หรือที่เรียกว่า ฟันผุ และอาจนำไปสู่ปัญหาทางช่องปากอย่างอื่น และทำให้สูญเสียฟันในที่สุด
ใครบ้างที่จำเป็นต้องได้รับฟลูออไรด์
ทันตแพทย์แนะนำให้ทุกเพศทุกวัยใช้ฟลูออไรด์ได้ตั้งแต่ฟันเริ่มขึ้นครั้งแรก หรือสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กอายุประมาณ 6 เดือนเป็นต้นไป โดยใช้ในรูปแบบของยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ และปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟันที่ทันตแพทย์แนะนำความมีความเข้มข้น 1000 ส่วนในล้านส่วน (ppm) ซึ่งเป็นปริมาณที่สามารถช่วยป้องกันฟันผุได้ อย่างไรก็ตามเราก็ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยด้วยเช่นกัน โดยมีการแบ่งไว้ ดังนี้
- เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 3 ปี ควรใช้ในปริมาณที่น้อย โดยคุณแม่จะต้องทำให้แปรงสีฟันเปียกก่อนบีบยาสีฟันเพียงเล็กน้อย และควรเช็ดฟองออกขณะที่แปรงฟันให้ลูก
- เด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ปี ควรใช้ในปริมาณที่ความกว้างเท่ากับแปรงสีฟัน (ทั้งนี้ควรเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสมกับวัยของน้องด้วย)
- เด็กที่อายุ 6 ปีขึ้นไป และวัยผู้ใหญ่ ควรใช้ในปริมาณเท่ากับความยาวของแปรง (ทั้งนี้ควรเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสมกับวัย)
บทความที่น่าสนใจ : ทำยังไงให้ลูกแปรงฟัน? บอกลูกยังไงดีให้ลูกแปรงฟังทุกครั้งที่จำเป็น
ทำไมถึงต้อง เคลือบฟลูออไรด์ ในเด็ก
ฟันผุ เป็นปัญหาสุขภาพทางช่องปากที่พบได้ทั่วทุกมุมของโลก ไม่เพียงแต่พบในผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเด็ก ๆ ด้วย โดยพบถึง 60% ของเด็กทั่วโลก ซึ่งมักมีสาเหตุหลักมาจากการไม่แปรงฟัน และการแปรงฟันที่ไม่สะอาดนั่นเอง โดย Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ได้แบ่งเกณฑ์อายุของเด็กที่มีปัญหาด้านฟันผุไว้ ดังนี้
- เด็กอายุ 2-5 ปี มากกว่า 25% มักพบฟันผุอย่างน้อย 1 ซี่
- อายุ 12-15 ปี 50% มักพบฟันผุอย่างน้อย 1 ซี่
- อายุ 16-19 มากกว่า 75% พบปัญหาฟันผุ
การเคลือบฟลูออไรด์ที่ฟัน
เคลือบฟลูออไรด์ ที่ฟันนั้นไม่มีข้อกำหนด หรือการศึกษาอย่างแน่ชัดว่าควรเริ่มทำ หรือเริ่ม หรือหยุด เคลือบฟลูออไรด์ ได้ตั้งแต่ หรือสิ้นสุดเมื่ออายุเท่าไหร่ แต่ทางทันตแพทย์ได้ศึกษาพฤติกรรมการทำทันตกรรมของเด็กพบว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปีนั้นมีโอกาสกลืนฟลูออไรด์ที่เคลือบอยู่ได้มาก จึงทำให้การเคลือบฟลูออไรด์นั้นเริ่มได้ตั้งแต่เด็กอายุ 3 ปี จนถึงเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ 15-16 ปี หรือบุคคลที่ทันตแพทย์เร่งเห็นว่ามีความเสี่ยงต่อโรคฟันผุสูงก็ยังสามารถทำการเคลือบได้อยู่นั่นเอง
วิธีการการ เคลือบฟลูออไรด์
- ทันตแพทย์จะทำการเคลียร์ช่องปากให้สะอาดก่อนการเคลือบ
- ทันตแพทย์จะนำถาดใส่ฟลูออไรด์ (fluoride tray) ที่ด้วยในมีน้ำยาเคลือบฟลูออไรด์ที่มีลักษณะเหนียวข้นมาครอบที่ฟันของเรา
- ทิ้งน้ำยาเคลือบฟลูออไรด์ไว้ที่ฟัน 4-5 นาที ก่อนนำออก
- หลังจากที่นำน้ำยาออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะให้บ้วนฟลูออไรด์ออกจากปากจนหมด ทั้งนี้ห้ามบ้วนน้ำ ดื่มน้ำ และทานอาหารหลังจากเคลือบเสร็จเป็นระยะเวลา 30 นาที เนื่องจากการบ้วนน้ำ ดื่มน้ำ และทานอาหาร จะทำให้ฟลูออไรด์ที่เราเคลือบมานั้นหลุดนั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ : ฟันหน้าผุยกแผง! ปล่อยลูกดูดนมนอน ดูดนมมื้อดึก แม่แปรงฟันลูกไม่ดี คิดว่าแค่ฟันน้ำนม
ข้อควรระวังสำหรับการ เคลือบฟลูออไรด์
-
เกิดการฟลูออโรซิส หรือฟันตกกระ (Fluorosis)
ถึงแม้ว่าการเคลือบฟลูออไรด์นั้นจะช่วยป้องกันฟันผุได้ แต่หากได้รับฟลูออไรด์ในปริมาณที่มากเกินไป หรือไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เพราะฟลูออไรด์นั้นก็เปรียบเสมือนวิตามิน และอาหารเสริมอื่น ๆ มีผลการศึกษาจาก Centers for Disease Control and Prevention (CDC) พบว่า เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 8 ปี ที่ได้รับปริมาณฟลูออไรด์มากเกินไปเสี่ยงต่อการเกิดฟลูออโรซิส หรือฟันตกกระ (Fluorosis) อย่างรุนแรงได้ มีผลมาจากช่วงอายุต่ำกว่า 8 ปี เป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนา การเคลือบฟลูออไรด์นั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนสี หรือเกิดจุดด่างดำบนฟันแท้ของเด็ก ๆ ได้ ซึ่งผลของการศึกษาพบว่า 94% มีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่อันตราย และรุนแรงมากนัก
-
อาการเป็นพิษ
ในกรณีของการเคลือบฟลูออไรด์ มีโอกาสที่เด็ก ๆ จะได้รับปริมาณฟลูออไรด์ที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจำเป็นในระยะเวลาสั้น ๆ โดยมีรายงานว่าเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ซึ่งคิดเป็น 80% ของรายงานนั้นมีการแสดงอาการหลังจากได้ฟลูออไรด์ที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจำเป็น แต่ไม่รุนแรงมากนัก
สุดท้ายแล้ว การเคลือบฟลูออไรด์นั้นก็ขึ้นอยู่กับนิสัยการแปรงฟันของเด็ก ๆ แต่ละคน ถ้าหากเด็ก ๆ แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ และแปรงฟันได้อย่างสะอาด ก็มีโอกาสน้อยที่จะฟันผุ ซึ่งส่งผลทำให้ไม่ต้องเคลือบฟลูออไรด์ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามอยากให้คุณแม่หมั่นพาน้อง ๆ ไปหาคุณหมอทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อสุขภาพช่องปากของน้อง ๆ ในวัยกำลังเติบโตนะคะ
ที่มา : mahidol, ldcdental, stanfordchildrens, cochrane