หากพูดถึง การอ่านหนังสือสอบ ไม่ว่าจะยุดไหนก็ตาม เมื่อสิ้นสุดภาคเรียน ไม่ได้หมายความว่ามันจะจบง่ายๆ นะ สิ่งที่สำคัญที่สุดมันอยู่ตตรงนี้แหละ สิ่งที่อยู่คู่การสอบมาแต่ไหนแต่ไรนั่นก็คือ การอ่านหนังสือสอบ ซึ่งสิ่งนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสีบยจากการ สิ่งที่ทุกคนไม่อยากพบเจอเลย คือการสอบวัดระดับเพื่อเลื่อนชั้นที่ใช้คำว่า ทดสอบเพื่อเลื่อนชั้นนั้่น มันมีที่มาจากในสมัยก่อน
วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้ การอ่าานหนังสือสอบ น่าเบื่อน้อยลง
1.น้องๆ ต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเลยล่ะ ดูซิ!!! ว่าวิชาไหนน่ะที่เราต้องสอบเป็นอันดับแรกๆ หยิบวิชานั้นขึ้นมาก่อนเลย เตรียมไว้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวิชาที่จะสอบ ชีท เอกสารต่างๆ หรือแนวข้อสอบ (อันนี้สำคัญนะค่ะ หาให้เจอล่ะ) ค้นเลยๆ ทุกวิชานะ
2. แยกหมวดหมู่แต่ละวิชา ก่อน-หลัง แล้วหาที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยล่ะ
3. เตรียม ดินสอ/ปากกา สมุด และปากกาเพื่อเอาไว้ข้อความที่เราคิดว่าสำคัญๆ
4. เริ่มอ่านวิชาที่จะต้องสอบก่อน เป็นวิชาแรกเลย ตรงนี้แหละสำคัญมาก พยายามอย่าอ่านเพื่อให้มันผ่านๆ เพราะถ่้าแค่อ่านผ่านๆ เราจะจำไม่ได้ ควรก็อ่านเพื่อให้จบ และพยายาม เข้าใจใจความหลักของเรื่องๆ นั้นๆ ให้ได้ ต่อให้น้องๆ อ่านสัก 10 รอบแล้วบอกคนอื่นๆ ว่า “ก็เค้าอ่านเป็นสิบๆ รอบแล้วอ่ะ แต่ทำไมทำข้อสอบไม่ได้เลยน่ะ?” อ่านสัก 100 รอบก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจไปด้วย ตรงไหนที่คิดว่าสำคัญๆ ก็เน้นตรงจุดนั้นไว้ อาจจะใช้วิธีการจดบันทึกไว้ หรือ เน้นข้อความด้วยปากกาสีต่างๆ ก็ได้เพื่อว่าจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง
5. นั้นงัยๆๆๆ พี่บอกไปตะกี้เองนะค่ะว่าอย่าอ่านแบบผ่านๆ ดูสิ!! !น้องๆ ลองกลับไปอ่านข้อ 3 ใหม่สิค่ะ แล้วดูซิว่าที่ต่อจากข้อ 3 นะเป็นข้อที่เท่าไหร่ ข้อที่ 4หายไปๆๆๆๆ ส่วนน้องๆคนไหนสังเกตเห็นก่อนที่พี่เฉลย น้องก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วละค่ะ เก่งมากๆเลย ส่วนน้องๆคนไหนที่ไม่ทันได้สังเกต ก็เอาจุดนี้เนี่ยแหละค่ะไปลองปรับใช้กับการอ่านหนังสือดูตามที่พี่บอกไว้ในข้อที่ 5
6. อ่ะ ต่อๆๆ การไม่ปล่อยให้ท้องว่างก็เป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ ถ้าน้องๆ อ่านๆๆๆ หนังสืออย่างเดียวจนลืมทานข้าวแล้วละก็ นอกจากน้องๆ จะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะทำให้ป่วย และทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วยนะจ๊ะ สำคัญเลย ต้องหาอะไรทานเมื่อท้องว่างด้วยน้า…อย่าทรมาณตัวเองละ
7. ในการอ่านหนังสือ น้องๆ ควรเลือกเวลาที่รู้สึกว่าสมองเราพร้อมจะทำงานด้วยนะจ๊ะ แล้วเมื่อน้องๆ รู้สึกว่าเริ่มอ่านไม่ไหวแล้วล่ะ อ่านนานมากไปทำให้ปวดตา ปวดหัว ให้น้องๆพักก่อน อาจจะหาอย่างอื่นทำ เช่นพักสายตาโดยการหาเพลงเพราะๆฟัง(อ่ะๆๆๆเลือเพลงที่ฟังแล้วจรรโลงใจด้วยละ ถ้าฟังเพลงที่หนักไป อาจทำให้ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ด้วยนะเจ้าค่ะ) จะดูทีวี เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำแล้วผ่อนคลายก็หามาลองทำกันดูนะเจ้าค่ะ แต่ๆๆๆๆ แล้วก็แต่…อย่าพักจนเพลินละ เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายผ่อนคลายเพียงพอแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดการอ่านหนังสือต่อเลยยย (เอาน่าๆทนเอาหน่อยนะ
8. นั้นแน่ๆ พี่รู้นะว่าน้องๆเริ่มใส่ใจในรายละเอียดในการอ่านกันบ้างแล้ว คงคิดใช่มั้ยละ ว่าพี่จะแกล้งทำให้ข้อไหนหายไปอีกน่ะ!!! ดีแล้วค่ะถ้าน้องๆคิดแบบนี้นะ เป็นการฝึกตัวเองไปด้วย ให้เป็นคนรอบคอบ ดี
9. อ้า….อ่านไม่ทันแล้วอ่ะ!!!ทำไงดีๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นๆเกือบทุกคนละค่ะ ที่สำคัญเลย อย่าตื่นเต้นจนรนล่ะ ตั้งสตินะค่ะตรงนี้สำคัญมากๆ เลย ให้น้องๆหยุดอ่านหนังสือต่อสักพักนึง แล้วดูซิว่า…พรุ่งนี้เราสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วหยิบวิชาที่สอบเป็นวิชาแรกมาอ่านทบทวนก่อนเลย แล้วก็ทบทวนวิชาอื่นๆต่อไป (ตรงถ้าคิดว่ากลัวอ่านไม่ทันรอบทบทวนให้น้องๆ อ่านในส่วนที่เน้น ที่สำคัญๆ เอาไว้ก่อนเลย จำได้มั้ยเอ๋ยว่าในการอ่านรอบแรกพี่ให้น้องๆ จดบันทึกที่สำคัญๆไว้ที่คิดว่าน่าจะออก หรือส่วนที่มันยาก จำไม่ได้ก็นำมาอ่านก่อนเลย ตรงส่วนไหนที่น้องๆ จำได้ หรือเข้าใจก็เปิดผ่านๆเลยค่ะ ตอนนี้เราต้องทำเวลาแหละน่ะ
10. เอาละ…อ่านหนังสือสอบก็ต้องฟิสหน่อย น้องๆ บางคนอาจจะอ่านหนังสือเร็วและเข้าใจง่ายทำให้การอ่านหนังสือไม่ค่อยมีปัญหาเลยก็ดีไป ส่วนน้องคนไหนเป็นคนที่อ่านหนังสือช้าก็ต้องขยันกว่าคนอื่นๆ หน่อยแล้ว อาจจะทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ทำให้ต้องนอนดึกหน่อย ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะค่ะ หานมอุ่นๆหรือของว่างทานสักนิดนึง ใส่ใจในสุขภาพหน่อยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องๆอาจป่วยได้ แล้วเป็นงัยน่ะ ไปสอบไม่ได้ แย่เลยน่ะเจ้าค่ะ สำคัญเลย ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว อย่าฝืนนะค่ะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น รีบเตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่าค่ะ ตื่นเช้ามาจะได้สดชื่น แถมถ้าเราตื่นเร็ว ก็จะมีเวลาอีกนิดในการทบทวนก่อนเข้าห้องสอบนะค่ะน้องๆ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ข้อดีของการอ่านนิทานก่อนนอน ให้ลูกฟัง ว่ากันว่ามันคือกิจกรรมที่ทรงพลังที่สุด
แล้วอ่านหนังสือตอนไหนดีที่สุด
มีน้องๆ หลายคนอาจเคยทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเช่น อ่นหนังสือ ช่วงไหนดีกว่ากัน ใครว่าเรื่องอ่านหนีงสือตอนไหนก็ได้ไม่เกี่ยวนั้นต้องคิดใหม่นัะเพราะการอ่านหนังสือเวลามีผลต่อการอ่านหนังสือนะ ส่วนจะเกี่ยวกันมากน้องแค่ไหนนี้น ตามไปดูกันดีกว่า ในช่วงเวลาต่างกัน
1. นอนให้เต็มอิื่มแล้วค่อยอ่าน
หลังจากนอนหลับมาเป็นระยะเวลา 1 คืน พลังงานในตัวคุณมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น สามารถสร้างสมาธิในการอ่านได้อย่างแม่นยำและว่องไว หลายคนเลือกที่จะอ่านหนังสือสอบในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะจำได้มากกว่าช่วงเวลาที่อ่านมา ด้วยภาวะตื่นตัวของสมองที่พร้อมจะรองรับความจำครั้งใหม่แล้ว
2. แสงสว่างสำคัญมาก
แสงธรรมชาติเป็นแสงที่ดีกว่าสำหรับดวงตาของคุณ การอ่านจะเป็นไปได้อย่างลื่นไหลและจบได้รวดเร็วกว่าแสงประดิษฐ์ที่มาจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ เพราะแสงเหล่านั้นทำให้เจ็บตาได้ง่ายและมีผลกระทบต่อการอ่านในระยะยาว
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : อ่านหนังสือสอบ อย่างไร ไม่ให้หมดไฟ ขยันและรู้สึกอยากอ่านอยู่เสมอ
3. ถามคนอื่นได้ทันทีหากสงสัย
หากมีคำถามใดที่คุณสงสัยจากการอ่าน ไม่ต้องรีรอที่จะถามจากเพื่อนหรือบุคคลที่ให้ความรู้คุณได้ กลางวันเป็นช่วงเวลาแห่งคำถามและสร้างการเรียนรู้โดยแท้ อีกทั้งยังเป็นเรื่องง่ายที่จะขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย
4. แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ความสุขในการอ่านช่วงเวลากลางวัน คือ การอ่านท่ามกลางเพื่อนและคนหมู่มาก สังคมรอบข้างจะมีประโยชน์ต่อการอ่าน ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ และความจำของคุณได้เป็นอย่างดี สังเกตช่วงเวลาสอบหลายๆ ครั้ง เรามักจะจำจากสิ่งที่เพื่อนพูดได้มากกว่าสิ่งที่ตัวเองอ่านนั่นเอง
อ่านหนังสือตอนกลางคืน
1. ได้ความเงียบสงบ
นักอ่านหลายคนหลงรักความสันโดษ เพราะการใช้ชีวิตประจำวันภายนอกก็มีเสียงดังจากสิ่งต่างๆ มากพออยู่แล้ว ดังนั้นแล้ว การอ่านหนังสือในห้องยามค่ำคืน จึงเป็นการสร้างบรรยากาศอันสงบเงียบ ที่พร้อมจะรับข้อมูลและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างเต็มที่
2. สิ่งรบกวนน้อยกว่ากลางวัน
ในเวลากลางคืนมีการรบกวนจากสิ่งเร้าน้อยกว่าตอนกลางวัน ทั้งเพื่อนเอย เครือข่ายสังคมโซเชียลที่ดังระหว่างวันเอย ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่ทุกคนใช้เครือข่ายสังคมเหล่านั้นน้อยลง ซึ่งนี่แหละเป็นการดีที่คุณจะเปิดหนังสือสักเล่มขึ้นมาอ่าน
หลักสูตร EP คืออะไร มาทำความรู้จักกับหลักสูตร English Program
3. ความนิ่งของบรรยากาศ
นักเขียน นักอ่านหลายคนชอบเขียนและอ่านในเวลากลางคืน เพราะความนิ่งของบรรยากาศ ช่วยให้ใจนิ่งมากขึ้น ซึ่งใจที่นิ่งนี่เอง ทำให้ความคิดสร้างสรรค์พลุ่งพล่านอย่างไม่น่าเชื่อ แนวคิดที่ได้รับจากการอ่านต่างๆ ถือกำเนิดท่ามกลางความนิ่งของใจคุณเอง
4. รู้สึกสมองปลอดโปร่ง
หลังจากกินข้าว อาบน้ำ และจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย ช่วงเวลานี้ก่อนที่จะนอน คือนาทีทองที่สมองคุณจะปลอดโปร่งและโล่งสบายมากที่สุด คว้าโอกาสนั้นไว้ แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านสักเล่ม คุณจะได้ผลลัพธ์อย่างที่คุณก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยล่ะ
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำไมแต่ละช่วงเวลาเหล่านี้ จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการอ่าน ความสะดวกและความชอบของคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่เมื่อรู้ข้อดีแล้ว ไม่ว่าการอ่านหนังสือกลางวันหรือกลางคืน ล้วนมีข้อดีเสมอ
ที่มา : (campus-star)
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
การจัดการทดสอบ O-NET ชั้น ป.6 ม.3 และ V-NET ปวช.3 ปีการศึกษา 2563
นอกจาก O-NET เด็กไทยต้องสอบอะไรบ้าง สรุปกการสอบที่เด็กไทยต้องสอบ