ACOG เผย 13 คำแนะนำ การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

undefined

คำแนะนำล่าสุดของ ACOG มีแนวทาง การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ ที่ช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วและปลอดภัยขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ผ่าคลอดจะใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าคุณแม่คลอดธรรมชาติ แต่จากการอัปเดตคำแนะนำล่าสุดของ ACOG (American College of Obstetricians and Gynecologists) เกี่ยวกับการดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอด มีแนวทาง การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ ที่ช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วและปลอดภัยขึ้น

 

การฟื้นตัวแบบ Enhanced Recovery (ERAC)

ปัจจุบันวงการแพทย์มีแนวทางการดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดที่ทันสมัยและเป็นสากลที่เรียกว่า “การฟื้นตัวที่ดียิ่งขึ้นหลังผ่าคลอด” (Enhanced Recovery After Cesarean Delivery หรือ ERAC) ซึ่งมุ่งเน้นให้คุณแม่ฟื้นตัวได้รวดเร็ว ปลอดภัย และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ไวขึ้นอย่าง ด้วยแนวทางนี้ คุณแม่จะรู้สึกปวดน้อยลง ลุกเดินได้ไวขึ้น กลับบ้านได้เร็วขึ้น และที่สำคัญคือลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

แนวทาง การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ สู่การฟื้นตัวที่รวดเร็วและปลอดภัย

ในแนวทาง ERAC (Enhanced Recovery After Cesarean Delivery) การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่ ที่เรากำลังพูดถึง มี 13 ขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวหลังผ่าคลอดได้เร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น ขั้นตอนเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการความปวดไปจนถึงการเตรียมพร้อมก่อนกลับบ้าน ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างค่ะ

  1. เริ่มกินดื่มเร็ว

หลังผ่าตัดไม่นาน คุณแม่ผ่าคลอดจะได้รับอนุญาตให้เริ่มจิบน้ำหรือกินอาหารเบาๆ ได้เลย การทำแบบนี้ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืด และทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้เร็วขึ้นค่ะ

 

การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่

 

  1. หยุดให้น้ำเกลือเร็ว

เมื่อคุณแม่สามารถกินและดื่มได้เองแล้ว ทีมแพทย์จะถอดสายน้ำเกลือออก การทำเช่นนี้ช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวมากขึ้น และเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น

  1. ลุกเดินได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

นี่คือจุดสำคัญที่ต่างจากเดิมมาก! คุณแม่จะได้รับการกระตุ้นให้ลองลุกนั่ง ยืน หรือเดินเบาๆ ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังผ่าคลอด การเคลื่อนไหวเร็วช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดความเสี่ยงลิ่มเลือด และช่วยให้ฟื้นตัวได้ไวขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ผ่าคลอดกี่วันเดินได้ เคล็ดลับการเดินหลังผ่าคลอด ฟื้นตัวเร็ว แผลหายไว

  1. ถอดสายสวนปัสสาวะเร็ว

เมื่อคุณแม่สามารถลุกเดินและปัสสาวะได้เอง ทีมแพทย์จะถอดสายสวนปัสสาวะออก การทำแบบนี้ช่วยลดความไม่สบายตัวและลดโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

  1. ใช้ยาแก้ปวดพาราเซตามอลอย่างสม่ำเสมอ

คุณหมอจะให้ยาแก้ปวดพื้นฐานอย่างพาราเซตามอลตามเวลาที่กำหนด เพื่อควบคุมอาการปวดอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องรอให้ปวดมากก่อน

  1. เสริมด้วยยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น ไอบูโพรเฟน)

นอกจากพาราเซตามอลแล้ว การเสริมด้วยยาในกลุ่มนี้ เช่น ไอบูโพรเฟน จะช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมความปวด

  1. ใช้ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์เมื่อจำเป็นเท่านั้น

ยาแก้ปวดที่ออกฤทธิ์แรงจะถูกใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ และในปริมาณที่น้อยที่สุดเท่าที่จะควบคุมความปวดได้ เพื่อลดผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น

  1. จัดการผลข้างเคียงเชิงรุก

หากคุณแม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือผลข้างเคียงอื่นๆ จากยาหรือการผ่าตัด ทีมแพทย์จะรีบจัดการแก้ไขทันที เพื่อให้คุณแม่รู้สึกสบายที่สุด

  1. ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด

ทีมแพทย์จะดูแลและให้คำแนะนำในการป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งอาจทำได้ด้วยการเคลื่อนไหว การให้ยาป้องกัน หรือการสวมถุงน่องพิเศษตามความเหมาะสม

  1. รักษาภาวะโลหิตจาง (ถ้ามี)

หากตรวจพบว่าคุณแม่มีภาวะเลือดจาง คุณหมอจะให้การรักษา เช่น การให้ธาตุเหล็ก เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและพร้อมสำหรับการฟื้นตัว

บทความที่เกี่ยวข้อง อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ที่คนท้องควรรับประทาน มีอะไรบ้าง ?

  1. สนับสนุนการให้นมแม่

หากคุณแม่ต้องการให้นมลูก ทีมพยาบาลและผู้เชี่ยวชาญจะให้การสนับสนุนและคำแนะนำในการให้นมบุตรตั้งแต่เนิ่นๆ

 

การดูแลคุณแม่หลังผ่าคลอดแบบใหม่

 

  1. พักผ่อนในโรงพยาบาลให้เต็มที่

แม้จะเน้นการเคลื่อนไหว แต่การพักผ่อนก็สำคัญไม่แพ้กัน โรงพยาบาลจะพยายามจัดสรรเวลาให้คุณแม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่

  1. วางแผนกลับบ้านอย่างราบรื่น

ก่อนกลับบ้าน คุณแม่จะได้รับคำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง แผลผ่าตัด สังเกตอาการผิดปกติ รวมถึงการดูแลทารก เพื่อให้กลับบ้านได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

 

คุณแม่และคุณหมอ – ทีมเดียวกันเพื่อการฟื้นตัวที่ดีที่สุด

การฟื้นตัวหลังผ่าคลอดให้เป็นไปตามแนวทาง ERAC ที่เราพูดถึงไปนั้น จะประสบความสำเร็จได้ดีที่สุดเมื่อคุณแม่และทีมแพทย์/พยาบาลทำงานร่วมกันเป็น “ทีม” ค่ะ 

  • หากมีอาการผิดปกติ ควรแจ้งพยาบาลหรือคุณหมอทันที

ไม่มีใครรู้ร่างกายของคุณแม่ดีเท่าตัวคุณแม่เองค่ะ หากรู้สึกปวด ไม่สบายตัว หรือมีอาการผิดปกติใดๆ แม้เพียงเล็กน้อย อย่าลังเลที่จะแจ้งพยาบาลหรือคุณหมอทันที การสื่อสารที่ชัดเจนและรวดเร็วจะช่วยให้ทีมแพทย์สามารถจัดการอาการและให้การดูแลที่เหมาะสมกับคุณแม่ได้อย่างทันท่วงที ทำให้คุณแม่หายเร็วขึ้นและสบายตัวมากขึ้นค่ะ

  • หากมีข้อสงสัย ถามได้เลย เพื่อคลายกังวล

คุณแม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดใช่ไหมคะ? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแผล, การกินยา, การให้นมลูก, หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างจะลุกเดินอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด ถามได้เลยค่ะ! ทีมแพทย์และพยาบาลยินดีให้คำแนะนำและตอบทุกข้อสงสัย เพื่อให้คุณแม่มั่นใจและคลายความกังวล

  • ร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำ

การผ่าคลอดอาจฟังดูน่ากังวลสำหรับคุณแม่บางคน แต่ด้วยแนวทางการดูแลที่ชัดเจนและได้รับการพิสูจน์แล้วอย่าง ERAC รวมถึงความร่วมมือที่ดีจากคุณแม่ในการปฏิบัติตามคำแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามลุกเดิน, การกินยาแก้ปวดตามเวลา, หรือการแจ้งอาการต่างๆ เราเชื่อมั่นว่าคุณแม่จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และกลับไปดูแลเจ้าตัวน้อยได้อย่างเต็มที่ในเวลาอันสั้นค่ะ

การฟื้นตัวที่รวดเร็วหลังผ่าคลอดตามแนวทาง ERAC นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการหายปวดเร็วขึ้น หรือกลับบ้านได้ไวขึ้นเท่านั้นค่ะ แต่คือการช่วยให้คุณแม่มีพลังและมีเวลาเหลือเฟือที่จะดูแลลูกน้อยได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะเมื่อคุณแม่แข็งแรงและสบายตัว ก็จะสามารถทำหน้าที่คุณแม่ได้อย่างมีความสุขที่สุดค่ะ

 

ที่มา : PubMed

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อาการผิดปกติหลังผ่าคลอด ที่ต้องไปพบแพทย์

แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด คีลอยด์ รักษายังไง? วิธีดูแลแผลผ่าคลอดให้หายเร็ว

10 เมนูอาหารคุณแม่หลังผ่าคลอด หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง อะไรควรหลีกเลี่ยง

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!