ช่วงหน้าฝนที่น้ำขังตามบ้าน กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายอย่างดี ล่าสุด พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ และนพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ได้ออกมาเตือนว่า ปี 2568 มีผู้ป่วย โรคจากยุง แล้วกว่า 30,000 ราย และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม่ ๆ ต้องรู้วิธีป้องกันลูก
กรมควบคุมโรคเตือน! 3 โรคจากยุง กำลังระบาด
1. โรคไข้เลือดออก – โรคจากยุงอันดับ 1 ในไทย
ปีนี้มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้วกว่า 36,439 ราย และมีผู้เสียชีวิต 41 ราย โดยกลุ่มที่เจอบ่อยที่สุดคือ วัยเรียน แต่ที่น่ากังวลคือ ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ 45 ปีขึ้นไปมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า
อาการที่แม่ต้องระวัง
- ไข้สูงเฉียบพลันนานเกิน 2 วัน
- ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน
- ผื่นจุดแดงตามผิวหนัง
สิ่งที่แม่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ ห้ามให้ลูกกินยา NSAIDs เช่น Ibuprofen หรือ Aspirin นะคะ เพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายและอาการรุนแรงขึ้น ควรให้ลูกกินแค่ พาราเซตามอล และรีบพาไปโรงพยาบาลถ้ามีอาการรุนแรง
วิธีป้องกันลูกจากไข้เลือดออก
- กำจัดน้ำขังรอบบ้าน เช่น แจกัน ยางรถเก่า กะละมัง
- ใช้ยากันยุงหรือสเปรย์กันยุงที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
- ให้ลูกใส่เสื้อผ้ามิดชิด โดยเฉพาะตอนเช้าและเย็นที่ยุงลายชุก
- ติดมุ้งลวด และใช้มุ้งคลุมเวลานอน
2. โรคชิคุนกุนยา – ไข้ปวดข้อจากยุงลาย
โรคนี้อาจจะยังไม่คุ้นหูแม่ ๆ เท่าไข้เลือดออก แต่ปีนี้ตัวเลขผู้ป่วย พุ่งขึ้นกว่า 2 เท่า จากปีก่อน รวมแล้วมีผู้ป่วย 902 ราย
พื้นที่ที่เจอเยอะคือ เชียงใหม่ บึงกาฬ และลำพูน โดยโรคนี้ก็มาจาก ยุงลายเหมือนไข้เลือดออก เลยค่ะ
อาการที่แม่ควรสังเกต
- ไข้สูงเฉียบพลัน
- ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
- ผื่นตามตัว
- อ่อนเพลียมาก
ที่น่ากลัวคือ บางรายอาจปวดข้อนานเป็นสัปดาห์ หรือยาวนานถึงหลายเดือน ซึ่งอาจกระทบการใช้ชีวิตประจำวันของลูกได้
วิธีดูแลลูกถ้าเป็นชิคุนกุนยา
- ให้ลูกพักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- เช็ดตัวลดไข้
- หากไข้ไม่ลดใน 1-2 วัน หรือปวดข้อรุนแรง ควรรีบพาไปพบแพทย์
3. โรคไข้มาลาเรีย – ไม่ได้หายไปไหน
หลายคนคิดว่าโรคนี้อยู่แค่ในหนังสือเรียน แต่จริง ๆ แล้ว ปี 2568 ยังพบผู้ป่วยถึง 9,201 ราย และเสียชีวิต 2 ราย โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรหรือคนที่ทำงานใกล้ป่า
พื้นที่เสี่ยง เช่น ตาก กาญจนบุรี แม่ฮ่องสอน เพชรบุรี และระนอง
อาการที่แม่ควรสังเกต
- ไข้สูง หนาวสั่น
- เหงื่อออกมาก
- ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนเพลียรุนแรง
วิธีป้องกันไข้มาลาเรีย
- ถ้าต้องพาลูกไปเที่ยวแคมปิ้ง ควรใส่เสื้อผ้ามิดชิด
- ใช้มุ้งหรือมุ้งคลุมเปลเวลานอน
- พกยากันยุงที่ปลอดภัยสำหรับเด็กไปด้วย
- หากกลับจากพื้นที่เสี่ยงแล้วมีไข้ รีบพาไปพบแพทย์ทันที
คำแนะนำจากหมอ วิธีดูแลครอบครัวให้ปลอดภัยจากโรคที่มียุงเป็นพาหะ
พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ และนพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค แนะนำว่า หากลูกมี ไข้สูง 1-2 วัน ร่วมกับอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หรือมีผื่น ควรรีบไปพบแพทย์ อย่ารอดูอาการเอง เพราะโรคเหล่านี้อาจรุนแรงได้ในเวลาอันสั้น แม้เพียงยุงตัวเดียวก็สามารถแพร่โรคอันตรายให้ลูกได้ค่ะ การป้องกันตั้งแต่แรกจึงสำคัญที่สุด
โรคทางเดินหายใจยอดฮิตในเด็ก ระบาดคู่ไปกับ โรคจากยุง
นอกจาก โรคจากยุง ที่แม่ต้องกังวล โรคทางเดินหายใจก็ยังคงต้องระวัง โดยเฉพาะในโรงเรียนและสถานที่ที่เด็กอยู่รวมกัน
โควิด-19
- ผู้ป่วยสะสม 611,616 ราย เสียชีวิต 257 ราย
- ยังพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะในโรงเรียน
- แนวโน้มเริ่มลดลง แต่ยังไม่ควรประมาท
ไข้หวัดใหญ่
- ผู้ป่วยสะสม 440,961 ราย เสียชีวิต 53 ราย
- พบบ่อยที่สุดในเด็กอายุ 5-9 ปี
- สายพันธุ์ที่ระบาด: A/H1N1 (pdm09)
- เด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคปอด เสี่ยงอาการรุนแรง
RSV
- ผู้ป่วยสะสม 4,221 ราย (สูงกว่าปีที่แล้ว)
- แม้ไม่มีรายงานเสียชีวิต แต่ เด็กเล็ก เด็กคลอดก่อนกำหนด และผู้สูงอายุ อาการอาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ
- ติดต่อกันง่ายมากในโรงเรียนและเนิร์สเซอรี
ปกป้องลูกจากโรคได้ด้วยการดูแลรอบด้าน
จากข้อมูลล่าสุดจะเห็นว่า ปีนี้ ทั้งโรคจากยุง และโรคทางเดินหายใจ กำลังมาแรงพร้อม ๆ กัน เด็ก ๆ จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่แม่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
สิ่งที่แม่ ๆ ทำได้คือ
- ป้องกันยุงกัดทุกวัน กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์รอบบ้าน
- สอนลูกล้างมือบ่อย ๆ และใส่หน้ากากในที่แออัด
ฉีดวัคซีนที่จำเป็น เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไข้เลือดออก - สังเกตอาการลูก หากมีไข้สูงผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์
อย่าลืมว่า “ป้องกันง่ายกว่ารักษา” การดูแลเรื่องเล็ก ๆ อย่างมุ้งกันยุงหรือการล้างมือ ก็ช่วยลดโอกาสที่ลูกจะป่วยหนักได้แล้วค่ะ
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ชิคุนกุนยาระบาด! เตือนระวังยุงลาย เสี่ยงลูกป่วยไข้สูง ปวดข้อเรื้อรัง
อัพเดท! ราคาวัคซีนไข้เลือดออก QDenga ปี 2568 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
วิธีดูแลลูกเมื่อมีไข้ โดยราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ฉบับอัพเดทล่าสุด!