เบาหวาน ในเด็ก ภัยเงียบที่ผู้ปกครองต้องระวัง และดูแลอย่างใกล้ชิด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เบาหวานในเด็ก ภัยเงียบที่ผู้ปกครองต้องระวัง และดูแลอย่างใกล้ชิด บางทีลูกน้อยของคุณอาจจะเป็นโรคเบาหวานอยู่ แต่คุณยังไม่รู้ก็เป็นไปได้ โรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น จนถึงวัยผู้ใหญ่ มาดูกันดีกว่า เบาหวานนั้นน่ากลัวหรือไม่ มีวิธีรับมือได้อย่างไรบ้าง

 

เบาหวาน คือ?

เบาหวาน เป็นภาวะทางการแพทย์เรื้อรังที่ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความสามารถของร่างกายในการเปลี่ยนอาหาร โดยเฉพาะน้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต) ให้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับร่างกาย น้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นจากการไม่ได้รับการรักษาโรคเบาหวานอย่างถูกต้องสามารถทำลายหัวใจ หลอดเลือด ไต ตา และระบบประสาทได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี

บทความน่าสนใจ : ทำไมต้องเตรียมตัว ตรวจเบาหวาน

 

รูปแบบของเบาหวาน

เบาหวานสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท โดยไม่มีชื่ออย่างชัดเจน แต่จะเรียกว่า “ประเภทที่ 1” และ “ประเภทที่ 2” โดยทั้งสองรูปแบบสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย แต่ถ้าเบาหวานในเด็ก มักจะพบว่าส่วนใหญ่เป็นเบาหวานประเภทที่ 1

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

เบาหวาน ประเภทที่ 1

โรคเบาหวานประเภทที่ 1 เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อตับอ่อนผลิตฮอร์โมนที่เรียกว่า “อินซูลิน” ไม่เพียงพอ โดยอินซูลินจะหยุดไม่ให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้ ซึ่งน้ำตาล (เรียกอีกอย่างว่ากลูโคส) จะถูกสร้างขึ้นในกระแสเลือด หากร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้ ก็จะถูกขับออกจากร่างกายในปัสสาวะ และนำน้ำไปด้วย เบาหวานประเภทที่ 1 สามารถเริ่มเป็นได้ในทุกช่วงอายุ แต่มีช่วงสูงสุดที่อายุประมาณ 5 ถึง 6 ปี และจากนั้นอีกครั้งที่อายุ 11 ถึง 13 ปี

สัญญาณของการเป็นเบาหวาน ประเภทที่ 1

  • เพิ่มความกระหาย เด็กๆ จะมีการอยากทานน้ำมากกว่าปกติ
  • ปัสสาวะบ่อย เด็กที่กำลังอยู่ในวัยฝึกเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน อาจปัสสาวะรดที่นอนได้
  • หิวมาก จากการทานมื้อปกติ เด็กๆ จะขอทานข้าวเพิ่ม หรือเพิ่มปริมาณของทานเล่นในแต่ละช่วงของวัน
  • การลดน้ำหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้ว่าจะทานมากขึ้น แต่น้ำหนักของเขาอาจจะลงแบบน่าตกใจ สวนทางกับลักษณะการกิน
  • ความเหนื่อยล้ามากขึ้น จากที่เคยวิ่งเล่นอย่างบ้าพลังทั้งวัน จะทำให้เขาเหนื่อยล้ามากขึ้น หลังจากวิ่งไปแค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมง
  • ความหงุดหงิดหรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม พฤติกรรมที่อาจส่งผลมาจากความไม่สบายตัว ซึ่งอาจทำให้เด็กๆ สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นโมโหร้ายมากยิ่งขึ้น

 

ความเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน ประเภทที่ 1

  1. ประวัติครอบครัว ทุกคนที่มีพ่อแม่หรือพี่น้องที่เป็นโรคเบาหวานประเภท 1 มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในการเกิดภาวะนี้
  2. พันธุศาสตร์ ยีนบางตัวบ่งบอกถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคเบาหวานประเภท 1
  3. ไวรัสบางชนิด การสัมผัสกับไวรัสหลายชนิด อาจก่อให้เกิดการทำลายภูมิคุ้มกันของเซลล์

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ภาวะแทรกซ้อน

  1. โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานเพิ่มความเสี่ยงของบุตรหลานของคุณในการเกิดภาวะต่างๆ แทรกซ้อน เช่น หลอดเลือดตีบ ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ
  2. เส้นประสาทเสียหาย น้ำตาลส่วนเกินสามารถจะทำร้ายผนังหลอดเลือดเล็กๆ ที่หล่อเลี้ยงเส้นประสาทของเด็กได้ อาจทำให้รู้สึกเสียวซ่า มึนงง แสบร้อน หรือปวดได้
  3. ไตถูกทำลาย โรคเบาหวานสามารถทำลายกลุ่มเส้นเลือดเล็ก ๆ จำนวนมากที่กรองของเสีย (ไต) ออกจากเลือดของเด็กๆ ได้
  4. ความเสียหายต่อดวงตา โรคเบาหวานสามารถทำลายหลอดเลือดของจอประสาทตา ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการมองเห็น
  5. โรคกระดูกพรุน โรคเบาหวานอาจทำให้ความหนาแน่นของกระดูกต่ำกว่าปกติ ทำให้เด็กมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่

 

เบาหวาน ประเภทที่ 2

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อการที่ร่างกายประมวลผลน้ำตาล (กลูโคส) หากไม่ได้รับการรักษาความผิดปกตินี้จะทำให้น้ำตาลสะสมในเลือดซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบระยะยาวที่ร้ายแรง พบมากและเริ่มมีอาการในผู้ใหญ่ เพราะเด็ก ๆ แทบจะไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างไรก็ตามด้วยอัตราโรคอ้วนในวัยเด็กที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกปี เด็กจำนวนมากขึ้นได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน ตั้งแต่อายุน้อยกว่า 10 ปี นอกจากปัญหาเรื่องน้ำหนักแล้ว ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ของโรคเบาหวานประเภท 2 ในเด็ก ได้แก่ การมีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรค และการเกิดกับแม่ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือปัญหาทางการแพทย์อื่นๆ ที่ส่งผลต่อร่างกายในการจัดการกับอินซูลินในร่างกาย

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สัญญาณของการเป็นเบาหวาน ประเภทที่ 2

  • เพิ่มความกระหายและปัสสาวะบ่อย น้ำตาลส่วนเกินที่สร้างขึ้นในกระแสเลือดจะดึงของเหลวจากเนื้อเยื่อ ผลที่ตามมาคือ อาจกระหายน้ำและดื่มน้ำและปัสสาวะมากกว่าปกติ
  • ความเหนื่อยล้า การขาดน้ำตาลในเซลล์ อาจทำให้อ่อนเพลีย
  • มองเห็นไม่ชัด หากน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปของเหลวอาจถูกดึงออกจากเลนส์ตาโดยทำให้ไม่สามารถโฟกัสได้ชัดเจน
  • บริเวณที่มีสีคล้ำของผิวหนัง ก่อนที่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะเกิดขึ้นผิวหนังบางส่วนจะเริ่มมีสีเข้มขึ้น มักพบบริเวณคอ หรือรักแร้
  • น้ำหนักลด หากไม่มีพลังงานที่น้ำตาลส่งไปเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อและไขมันก็จะหดตัวลง อย่างไรก็ตามการลดของน้ำหนักพบได้น้อยในเด็กที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 มากกว่าในเด็กที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 1

 

ความเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน ประเภทที่ 2

  1. น้ำหนัก การมีน้ำหนักเกินเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับโรคเบาหวานประเภท 2 ในเด็ก ยิ่งมีเนื้อเยื่อ ไขมันมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง เซลล์ของร่างกายก็จะกลายเป็นอินซูลินได้มากขึ้น
  2. ยิ่งคุณกระตือรือร้นน้อยลง หรืออยากขยับร่างกายน้อยลง ความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2 ก็จะยิ่งมากขึ้น การออกกำลังกายช่วยให้คุณสามารถควบคุมน้ำหนัก การใช้กลูโคสเป็นพลังงานและทำให้เซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น
  3. ประวัติครอบครัว ความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 จะเพิ่มขึ้นหากพวกเขามีพ่อแม่หรือพี่น้องที่เป็นโรคนี้
  4. เชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าทำไมคนบางคนรวมถึงคนผิวดำเชื้อสายฮิสแปนิก อเมริกัน อินเดียนและเอเชียนอเมริกัน จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานประเภท 2
  5. อายุและเพศ เด็กหลายคนเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ในวัยรุ่นตอนต้น เด็กวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 มากกว่า
  6. น้ำหนักแรกเกิดและเบาหวานขณะตั้งครรภ์ น้ำหนักแรกเกิดต่ำและเกิดกับแม่ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2
  7. การคลอดก่อนกำหนด ทารกที่คลอดก่อนกำหนด (ก่อนอายุครรภ์ 39 ถึง 42 สัปดาห์) มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 มากขึ้น

บทความที่น่าสนใจ : โรคอ้วน โรคน่ากลัวของเด็กจ้ำม่ำ!

ภาวะแทรกซ้อน

  1. ความดันโลหิตสูง
  2. คอเลสเตอรอลสูง
  3. โรคหัวใจ และหลอดเลือด
  4. โรคหลอดเลือดสมอง
  5. โรคไขมันในตับ
  6. โรคไต
  7. ตาบอด
  8. อาจนำไปถึงการตัดแขนหรือขา

 

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำเมื่อพบว่าลูกเป็น เบาหวาน

  • คุณควรการจับตาดูระดับน้ำตาลในเลือดของบุตรหลานอย่างเข้มงวด การหลีกเลี่ยงระดับต่ำและสูง อาจเป็นส่วนสำคัญของการเป็นพ่อแม่ของเด็กที่เป็นโรคเบาหวาน ผู้ปกครองต้องทราบว่าเด็กที่เป็นโรคเบาหวานมีข้อ จำกัด ในการรับประทานอาหารและต้องติดตามระดับกิจกรรมของพวกเขาอย่างใกล้ชิด
  • ในระยะแรกและตลอดอายุของโรคเบาหวาน อาจเป็นความเครียดที่ร้ายแรง เด็กๆ และครอบครัวควรทราบว่าเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดการและการรักษาโรคที่อาจดูซับซ้อนมาก
  • การทำความเข้าใจว่าโรคนี้ส่งผลต่อลูกของคุณอย่างไร การปรับตัวและอดทนเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการโรคเบาหวานให้ประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม คุณควรดูแลตนเอง และลูกน้อยของคุณให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าโรคเบาหวานยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมตามคำแนะนำของแพทย์ และหมั่นเข้าพบแพทย์ตามที่กำลัง ออกกำลังกาย ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพที่ดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ

 

ที่มา : healthychildren, diabetes, mayoclinic, mayoclinic

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Siriluck Chanakit