อย่าละเลย! 9 อาการระหว่างตั้งครรภ์ ลูกอาจเสี่ยงอันตรายถ้าไม่เช็ก

undefined

ร่างกายคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ มีอาการหลายอย่างที่เป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพครรภ์ได้ อย่าละเลยนะคะ มาเช็กไปพร้อมกัน

ร่างกายของคุณแม่ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งมักเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แปลกใหม่ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ค่ะ แน่นอนว่าแม่ตั้งครรภ์เองทราบดีอยู่แล้วว่า ความรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว รวมถึงผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้ในแม่ท้องทุกคน แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกนะคะที่คุณแม่บางคนจะมีคำถามว่า อาการที่เกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์นั้นดีหรือไม่ดียังไง? เป็นภาวะปกติหรือเป็นสัญญาบ่งบอกปัญหาครรภ์ที่ต้องกังวล บทความนี้จะชวนคุณแม่มาเช็ก! 9 อาการระหว่างตั้งครรภ์ ที่ควรใส่ใจ หมั่นสังเกต และไม่ควรละเลยค่ะ

เท้าบวม อาการระหว่างตั้งครรภ์

9 อาการระหว่างตั้งครรภ์ สัญญาณที่แม่ท้องไม่ควรละเลย

ในช่วงตั้งครรภ์มีอาการไม่สบายบางอย่างที่เป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีสัญญาณบางอย่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรละเลยค่ะ เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ ต่อไปนี้คือ 9 อาการระหว่างตั้งครรภ์ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรให้ความสนใจ และเช็ก! อาการตัวเองให้ดีค่ะ

  1. มีอาการบวมอย่างกะทันหัน หรือรุนแรง

อาการบวมบางอย่างในระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติมากค่ะ ซึ่งสิ่งที่คุณแม่อาจสังเกตเห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ อาการเท้าบวม หรือข้อเท้าบวม นั่นเอง เป็นเพราะร่างกายแม่ท้องผลิตเลือดและของเหลวในร่างกายมากกว่าปกติประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของลูกน้อย โดยคุณแม่ที่มีอาการเท้าบวมอาจใช้วิธีนอนลงและยกเท้าให้สูงกว่าหัวใจ จะช่วยลดอาการได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม มีอาการบวมบางอย่างที่คุณแม่ไม่ควรละเลย ได้แก่

  • อาการบวมอย่างกะทันหันหรือรุนแรง

โดยเฉพาะที่มือ ใบหน้า ขา ข้อเท้า หรือเท้า ในช่วงปลายไตรมาสที่สอง หรือระหว่างไตรมาสที่สาม คุณแม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันทีนะคะ เพราะอาการกะทันหันนี้อาจเป็นสัญญาณของ ภาวะครรภ์เป็นพิษ ที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขั้นอันตรายในระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ

  • บวมพร้อมกับรอยแดงและอาการปวด

หรือบวมที่ขาข้างเดียว อาจเป็นสัญญาณของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ที่อันตรายมาก โดยลิ่มเลือดประเภทนี้สามารถเดินทางไปยังปอดและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น หากเกต อาการระหว่างตั้งครรภ์ แบบนี้ให้รีบพบแพทย์ทันทีค่ะ

ปวดหัวรุนแรง

  1. อาการระหว่างตั้งครรภ์ ปวดหัวอย่างรุนแรง

ในช่วงไตรมาสแรก การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจกระตุ้นอาการปวดหัวของแม่ท้องได้ค่ะ รวมถึงในบางกรณีที่การนอนหลับของคุณแม่ไม่ดีนัก ก็ทำให้เกิดอาการปวดหัวในภายหลังได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็น อาการระหว่างตั้งครรภ์ ที่ค่อนข้างสร้างความรำคาญให้คุณแม่พอสมควร ซึ่งโดยทั่วไปเป็นภาวะที่รักษาได้อย่างปลอดภัยด้วยยาแก้ปวดประเภทพาราเซตามอลทั่วไปค่ะ แต่ในกรณีที่กินยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือปวดในลักษณะที่เปลี่ยนไปจากเดิม ปวดเรื้อรัง โดยเฉพาะในช่วงอายุครรภ์ 20 สัปดาห์อาจบ่งบอกถึงภาวะครรภ์เป็นพิษ ที่เกี่ยวพันถึงภาวะความดันโลหิตสูงได้ ดังนั้น ควรพบแพทย์ทันทีเมื่อคุณแม่มีอาการปวดหัวร่วมกับความสามารถในการพูดหรือการมองเห็นเปลี่ยนไป รู้สึกไวต่อแสง ร่างกายอ่อนแรง มีไข้ หรือปวดหัวจนนอนไม่หลับ

 

  1. มีเลือดออกหรือมีจุดเลือด

คุณแม่ตั้งครรภ์มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์จะมีอาการเลือดออกหรือมีจุดเลือดออกค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสแรก ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักไม่ถือว่าเป็นอันตราย เช่น

  • เมื่อตัวอ่อนฝังตัวในมดลูก (เลือดออกจากการฝังตัว)
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • การมีจุดเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากปากมดลูกนิ่มเป็นพิเศษ

แต่ไม่ใช่ว่าจะมองข้ามการมีจุดเลือดออกไปได้นะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องบอกแพทย์ถึงอาการที่เกิดขึ้น เพราะอย่างไรก็ตามภาวะเลือดออกหรือมีจุดเลือดออกระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ควรได้รับการประเมินจากแพทย์เสมอค่ะ เนื่องจากในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ การมีเลือดออกอาจเป็นสัญญาณของการแท้ง หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก เช่น ในท่อนำไข่ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา และในระหว่างการตั้งครรภ์การมีเลือดออกอาจบ่งบอกถึงการคลอดก่อนกำหนดหรือปัญหาเกี่ยวกับรกได้ด้วยค่ะ โดยเฉพาะหากเลือดออกด้วยภาวะต่อไปนี้

  • เลือดไหลมาก
  • มีอาการปวดท้องหรืออุ้งเชิงกรานร่วมด้วย
  • ปวดเกร็ง
  • รู้สึกวิงเวียนศีรษะ

 

  1. มีไข้

การมีไข้ในช่วงตั้งครรภ์ เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องให้ความใส่ใจทันทีค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสแรก ที่อาการไข้อาจเกี่ยวข้องไปถึงความพิการแต่กำเนิดของทารกในครรภ์ เช่น กระดูกสันหลังโหว่ ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ หรือปากแหว่งเพดานโหว่ ยิ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจเป็นอันตรายต่อทารก หรือเพิ่มความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดได้ค่ะ ทั้งนี้ ในระหว่างตั้งครรภ์ อุณหภูมิร่างกายที่สูง 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป ถือว่าเป็นไข้ค่ะ และหากมีไข้สูงกว่า 38.8 องศาเซลเซียส คุณแม่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเร่งด่วนค่ะ

ปัสสาวะแสบขัด

  1. ปัสสาวะแสบขัด

ปัสสาวะแสบขัด อาจเป็น อาการระหว่างตั้งครรภ์ ที่เกิดกับคุณแม่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ และนำไปสู่การติดเชื้อที่ไตได้หากไม่ได้รับการรักษา หากคุณแม่มีอาการปัสสาวะแล้วแสบ เจ็บขัด หรือมีเลือดในปัสสาวะ ควรได้รับการรักษาทันที เนื่องจากหากเกิดการติดเชื้อที่ไตในการตั้งครรภ์ ไตอักเสบ จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด การติดเชื้อในกระแสเลือด ไปจนถึงเกิดภาวะไตวาย โดยคุณแม่อาจเช็กสัญญาณของอาการไตอักเสบ ที่เกิดพร้อมปัสสาวะแสบขัดได้ดังนี้

  • มีไข้
  • ปวดหลัง
  • หนาวสั่น
  • คลื่นไส้หรืออาเจียน

หายใจลำบาก

  1. รู้สึกหายใจลำบาก

การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในช่วงตั้งครรภ์ทำให้คุณแม่ต้องสูดหายใจลึกขึ้นเพื่อรับอากาศเข้าไป ยิ่งเมื่อท้องโตขึ้น ลูกน้อยจะกดกะบังลม ทำให้การหายใจเข้ายากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่เมื่อไรก็ตามคุณแม่รู้สึกว่าหายใจลำบากขั้นรุนแรง หรือมีอาการปวด ไอ หายใจมีเสียงหวีด ใจสั่น หรือหากอาการแย่ลงอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะในขณะพักผ่อนให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขอย่างเหมาะสมค่ะ

 

  1. น้ำหนักขึ้นพรวดพราด อาการระหว่างตั้งครรภ์ ที่เกิดกะทันหัน

สภาพร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ รูปแบบการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวก็เช่นกัน โดยทั่วไปคุณแม่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 400-500 กรัมต่อสัปดาห์ ในช่วงไตรมาสที่สองและสาม รวมเป็น 11-15 กิโลกรัมตลอด 9 เดือนของการตั้งครรภ์

แต่หากน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วมากอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาสที่สอง หรือระหว่างไตรมาสที่สาม อาจเกิดจากการกักเก็บน้ำ และอาจเป็นสัญญาณของภาวะครรภ์เป็นพิษได้ด้วยค่ะ เนื่องจากหลอดเลือดมีความเสียหายทำให้มีน้ำรั่วไหลเข้าไปในเนื้อเยื่อมากขึ้นและคงอยู่ในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดการเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ดังนั้น หากคุณแม่มีน้ำหนักเพิ่มมากกว่า 1.5-2.5 กิโลกรัมภายในหนึ่งสัปดาห์ หรือมีภาวะความดันโลหิตสูง คลื่นไส้ ปวดหัว และเวียนศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเช็กภาวะครรภ์เป็นพิษค่ะ

น้ำหนักขึ้นกะทันหัน

  1. คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกซึมเศร้า

จริงๆ แล้วอารมณ์คุณแม่จะสวิงอย่างที่สุดค่ะในช่วงตั้งครรภ์ เพราะชีวิตต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ทั้งฮอร์โมน รูปร่าง อาการแพ้ท้อง รวมถึงความรู้สึกเศร้าเป็นครั้งคราวระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือคุณแม่ต้องใส่ใจโดยเฉพาะหากมีอาการเหล่านี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป

  • อารมณ์ซึมเศร้าเกือบทั้งวัน เกือบทุกวัน
  • หมดความสนใจในการทำงานหรือกิจกรรมอื่นๆ
  • รู้สึกผิด เศร้า หดหู่ หรือไร้ค่า
  • นอนมากเกินไป หรือมีปัญหาในการนอนหลับ
  • เหนื่อยล้าตลอดเวลา หรือรู้สึกว่าร่างกายไร้พลังงาน
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือความอยากอาหารเพิ่มขึ้น และน้ำหนักเพิ่มขึ้น
  • มีปัญหาในการจัดการอารมณ์ สมาธิ หรือการตัดสินใจ
  • กระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด
  • คิดถึงความตาย หรือการทำร้ายตัวเอง

อาการระหว่างตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ อาจบ่งบอกถึงภาวะซึมเศร้าก่อนคลอด ซึ่งเป็นภาวะที่ร้ายแรงแต่รักษาได้ โดยเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อคุณแม่ประมาณ 1 ใน 10 คน ดังนั้น หากสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ด้วยค่ะ

อาการระหว่างตั้งครรภ์ ซึมเศร้า

  1. รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ลดลง

การเตะและการกลิ้งเล็กๆ น้อยๆ ของทารก ไม่ได้เป็นเพียงช่วงเวลาที่น่ารักและแสนพิเศษสำหรับคุณแม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการบ่งบอกว่าลูกน้อยในครรภ์แข็งแรงและสบายดีด้วย อย่างไรก็ตาม ทารกในครรภ์สามารถนอนหลับได้นานถึง 40 นาทีต่อครั้ง ดังนั้น คุณแม่จึงไม่ควรรอให้มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสที่สามหากกังวลว่าทารกไม่ได้เคลื่อนไหวมากเท่าปกติ แนะนำให้คุณแม่กินอะไรหวานๆ หรือเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลูกน้อยค่ะ

หรือนอนตะแคงซ้าย เดินไปมาสัก 5 นาที จากนั้นลองนับการดิ้นของทารกในครรภ์ หากการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นเป็นปกติก็สบายใจได้ แต่กรณีที่ผ่านไป 2 ชั่วโมง รู้สึกถึงการดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้ง ให้ติดต่อแพทย์ค่ะเพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียดค่ะ

อาการระหว่างตั้งครรภ์ 

การแยกให้ออกระหว่าง อาการตั้งครรภ์ปกติ และสัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ที่ต้องให้ความสนใจ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายก็จริงค่ะ แต่อยากให้คุณแม่จำไว้ว่า คนที่รู้จักร่างกายคุณแม่ดีที่สุดก็คือตัวเอง ดังนั้น หากอาการรู้สึกรุนแรง ต่อเนื่อง หรือกังวลว่ามีความผิดปกติ อย่าลังเลที่จะรีบไปพบแพทย์นะคะ

 

ที่มา : www.thebump.com

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

7 โรคหน้าร้อนที่แม่ท้องต้องระวัง ! ดูแลยังไง? ให้ครรภ์ปลอดภัยในฤดูร้อน

12 เรื่องควรรู้ ! สำหรับคุณแม่ ตั้งครรภ์ท้องที่ 2 ท้องนี้มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

แพ้ท้องกี่เดือนหาย อาการจะดีขึ้นเมื่อไหร่? รับมือยังไง แพ้ท้องแบบไหนต้องระวัง?

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!