การเลือกโรงพยาบาลเพื่อฝากครรภ์เป็นหนึ่งในการตัดสินใจครั้งสำคัญของว่าที่คุณแม่ ผลสำรวจล่าสุดจาก theAsianparent Insights ที่รวบรวมความคิดเห็นจากคุณแม่ชาวไทยกว่า 1,800 คน ได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจ โดยพบว่ากว่า 75% ของคุณแม่เลือกที่จะฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน! ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยที่คุณแม่ตั้งครรภ์ให้ความสำคัญในการ เลือกโรงพยาบาลฝากครรภ์
ผลสำรวจครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของคุณแม่ตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้คุณแม่ท่านอื่นๆ ได้ตัดสินใจเลือกสถานพยาบาลที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
ปัจจัยสำคัญที่คุณแม่ใช้ในการพิจารณา เลือกโรงพยาบาลฝากครรภ์
- 75% โรงพยาบาลใกล้บ้าน
- 16% ชื่อเสียงคุณหมอฝากครรภ์
- 5% โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง
- 3% ราคาค่าฝากครรภ์
-
ความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง
โรงพยาบาลใกล้บ้านได้รับความนิยมสูงสุด (75%) คุณแม่ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการเดินทางมาฝากครรภ์เป็นประจำ การอยู่ใกล้บ้านช่วยลดความยุ่งยากในการเดินทาง และสามารถเข้าถึงการดูแลอย่างใกล้ชิดเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว
-
ความเชื่อมั่นในผู้ให้บริการ
- ชื่อเสียงของแพทย์ผู้ฝากครรภ์ (16%) มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกโรงพยาบาล คุณแม่มีความต้องการที่จะได้รับการดูแลจากสูตินรีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
- โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง (5%) ถึงแม้จะมีสัดส่วนน้อยกว่า แต่ก็ยังเป็นปัจจัยที่คุณแม่ส่วนหนึ่งให้ความสำคัญ เนื่องจากเชื่อมโยงกับมาตรฐานการบริการและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย
-
ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีผลต่อการตัดสินใจ
ราคาค่าฝากครรภ์ (3%) ถึงแม้จะเป็นปัจจัยที่มีสัดส่วนน้อยที่สุด แต่ก็แสดงให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายก็ยังคงเป็นปัจจัยหนึ่งที่คุณแม่ต้องพิจารณา
จากผลสำรวจข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ความสะดวกสบายและความเชื่อมั่นในผู้ให้บริการเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ เลือกโรงพยาบาลฝากครรภ์ ของคุณแม่ตั้งครรภ์ โรงพยาบาลที่ต้องการดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนี้ ควรให้ความสำคัญกับ
- ทำเลที่ตั้ง เลือกทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งชุมชน และมีระบบขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงง่าย
- คุณภาพของแพทย์ สรรหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวชที่มีประสบการณ์และมีความสามารถในการดูแลผู้ป่วย
- การบริการ มอบบริการที่เป็นเลิศ ใส่ใจในความรู้สึกของผู้ป่วย และสื่อสารข้อมูลอย่างโปร่งใส
- การตลาด สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือ เน้นย้ำจุดเด่นของโรงพยาบาล เช่น เทคโนโลยีที่ทันสมัย บริการพิเศษ และโปรโมชั่นที่น่าสนใจ
ประเภทสถานพยาบาลที่คุณแม่ฝากครรภ์
- 55% โรงพยาบาลรัฐ
- 11% โรงพยาบาลเอกชน
- 30% คลินิก
- 4% สถานอนามัย
การเลือกสถานที่ฝากครรภ์ของแต่ละคนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น รายได้ สภาพแวดล้อมทางสังคม ความเชื่อ ความคาดหวัง และความสะดวกสบาย โรงพยาบาลรัฐยังคงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดเนื่องจากสวัสดิการที่ครอบคลุม ค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้ง่าย ขณะที่คลินิกได้รับความสนใจจากกลุ่มที่ต้องการความสะดวก เข้าถึงบริการได้ง่าย ส่วนโรงพยาบาลเอกชนยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการบริการที่ครบครันและมีคุณภาพสูง
-
ปัจจัยในการเลือกฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐ (55%)
- ค่าใช้จ่าย โรงพยาบาลรัฐโดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าโรงพยาบาลเอกชน ทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกกลุ่มคน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อย
- ความน่าเชื่อถือ โรงพยาบาลรัฐมักได้รับการยอมรับในเรื่องมาตรฐานการรักษาและความน่าเชื่อจากอาจารย์แพทย์เก่งๆ
- ความคุ้มค่า คุณแม่หลายคนมองว่าการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐได้รับบริการที่ครอบคลุมและคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่จ่ายไป
-
ปัจจัยในการเลือกฝากครรภ์ที่คลินิก (30%)
- ความสะดวก คลินิกมักมีบรรยากาศที่เป็นกันเอง บริการรวดเร็ว และไม่ต้องรอคิวนาน ทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและสะดวกในการเข้ารับบริการ
- ความใกล้ชิด คลินิกมักตั้งอยู่ในชุมชน ทำให้เดินทางไปมาสะดวกและสามารถเข้าถึงบริการได้ง่าย
- ค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ที่คลินิกอาจถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชน ทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคุณแม่บางกลุ่ม
-
ปัจจัยในการเลือกฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชน (11%)
- ความครบครันของบริการ โรงพยาบาลเอกชนมักมีการดูแลเอาใจใส่ที่ดี มีความรวดเร็วสะดวกสบาย และบริการที่ครบครัน เช่น ห้องพักส่วนตัว อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย และบริการเสริมต่างๆ
- ความเชื่อมั่นในแบรนด์ โรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงมักได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคในเรื่องคุณภาพการบริการ และคุณหมอที่มีชื่อเสียง
- การตลาด โรงพยาบาลเอกชนมักมีการทำการตลาดที่เข้มข้น เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
- ค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนมักสูงกว่าสถานที่อื่นๆ คุณแม่ที่มีรายได้ระดับกลางขึ้นไปยินดีจ่าย เพื่อแลกกับการบริการที่ดีและความสะดวกสบาย
ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ของคุณแม่
- 30% น้อยกว่า 1,000 บาท
- 23% 1,000 – 3,000 บาท
- 7% 3,001 – 5,000 บาท
- 5% 5,001 – 7,000 บาท
- 35% มากกว่า 7,000 บาท
ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ที่มีความแตกต่างกันตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงมากกว่า 7,000 บาท สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของบริการและสถานที่ที่คุณแม่เลือกใช้
-
กลุ่มใหญ่เน้นค่าใช้จ่ายประหยัด
53% ของคุณแม่ที่มีค่าฝากครรภ์น้อยกว่า 3,000 บาทต่อครั้ง ให้เหตุผลว่า ฝากครรภ์ฟรีที่โรงพยาบาลรัฐไม่มีค่าใช่จ่าย
-
กลุ่มที่ยอมจ่ายสูง
มีคุณแม่ประมาณ 40% ที่ยอมจ่ายค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ซึ่งอาจเป็นเพราะต้องการบริการที่ครบครัน หรือมีความเชื่อมั่นในโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียง
บทความที่เกี่ยวข้อง รวมแพ็กเกจฝากครรภ์ปี 2567 จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องฝากครรภ์?
ข้อเสนอแนะ
- คุณแม่ ควรเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายและบริการของแต่ละสถานที่ก่อนตัดสินใจ รวมถึงศึกษาสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับจากประกันสุขภาพหรือสวัสดิการก่อน เลือกโรงพยาบาลฝากครรภ์
- โรงพยาบาลรัฐ ควรปรับปรุงคุณภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น สร้างความพึงพอใจให้กับผู้ป่วย และสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับบริการต่างๆ ของโรงพยาบาลให้ชัดเจน
- คลินิก ควรเน้นจุดเด่นของคลินิก เช่น ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง บริการที่เป็นกันเอง และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคลินิก
- โรงพยาบาลเอกชน ควรพิจารณาปรับลดค่าใช้จ่ายในบางบริการ หรือจัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ
การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์
- โรงพยาบาล สามารถนำข้อมูลนี้ไปวิเคราะห์เพื่อพัฒนาแพ็กเกจบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม
- หน่วยงานภาครัฐ สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการกำหนดนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์
- บริษัทประกัน สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
เรายังมี Insights ที่น่าสนใจอีกมากมาย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ salesth@tickledmedia.com
ผลสำรวจที่น่าสนใจอื่นๆ
5 เหตุผลหลักที่คุณแม่ไทยนิยมผ่าคลอด : ผลสำรวจจาก theAsianparent insights
พฤติกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ของคุณแม่ชาวไทย ปี 2567 : ผลสำรวจจาก theAsianparent Insights
ปัจจัยสำคัญที่ผู้ปกครองตัดสินใจ เลือกโรงเรียนให้ลูก : ผลสำรวจจาก theAsianparent Insights