ท้องเสียมาก ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน อย่าปล่อยไว้ เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หรือ เป็นโรค อหิวาตกโรค ได้ มาดูวิธีสังเกตอาการ สาเหตุของโรค และ วิธีการรักษา อย่าปล่อยไว้เด็ดขาด เพราะโรคนี้หากไม่ได้รับการรักษา อาจอันตรายถึงชีวิตได้!
อหิวาตกโรค คืออะไร?
โรคอหิวาตกโรค (Cholera) คือ โรคท้องร่วงรุนแรง ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า วิบริโอ โคเลอรี (Vibrio Cholerae) ที่อยู่ภายในลำไส้ ผู้ป่วยโรคนี้อาจได้รับเชื้อจากการทานอาหาร หรือ การดื่มน้ำ ที่มีการปนเปื้อนของแบคทีเรียอยู่ ระดับอาการของโรคอาจมีความเบา หรือ รุนแรง ขึ้นอยู่กับการรับเชื้อ โดยประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วย มีอาการรุนแรง เช่น การถ่ายเหลว อาเจียน ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และเกลือแร่อย่างรวดเร็ว จนอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และทำให้ช็อคได้ อาการสามารถรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา
อหิวาตกโรครุนแรงแค่ไหน?
โรคอหิวาตกโรค เป็นโรคที่มีแบคทีเรียร้ายแรง ที่มีผลให้เกิดอาการท้องร่วงรุนแรง และในผู้ป่วยที่รับประทานอาหาร หรือ เครื่องดื่มที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ซึ่งเมื่อได้รับแบคทีเรียเข้าไป จะแสดงอาการของโรคภายใน 12 ชั่วโมง หรือ อาจนานถึง 5 วัน ภายหลังจากที่ลำไส้ ได้ทำการดูดซึมอาหารเข้าไปแล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ อาจไม่ปรากฎอาการป่วย เพราะเชื้อจะอยู่ในอุจจาระเท่านั้น และเชื้อจะอยู่ในร่างกายประมาณ 7-14 วัน สำหรับผู้ที่ได้รับเชื้อ มักปรากฎอาการของโรคได้ตั้งแต่ระดับอ่อน ไปจนถึงขั้นรุนแรง
สาเหตุของอหิวาตกโรค
อหิวาตกโรค เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “วิบริโอ โคเลอรี (Vibrio Cholerae)” โดยแบคทีเรียนี้ จะผลิตสารพิษซิกัวทอกซิน ในลำไส้เล็ก ซึ่งพิษนี้จะไปเกาะที่ผนังลำไส้ และรวมกับโซเดียมคลอไรด์ ทำให้เกิดการกระตุ้นร่างกาย ให้ทำการขับน้ำออกจากตัว ทำให้เกิดอาการท้องร่วง จนเกิดการสูญเสียน้ำ และเกลือแร่ในเลือดกระทันหัน
เชื้ออหิวาตกโรค มักพบในอาหาร หรือ น้ำ ที่มีการปนเปื้อนสิ่งปฏิกูลที่มีเชื้ออยู่ แหล่งที่สามารถพบเชื้อได้จึงมักมาจากน้ำ อาหารบางอย่าง เช่น อาหารทะเล ผัก ผลไม้ ธัญพืชต่าง ๆ
อาการของอหิวาตกโรค
1. ท้องร่วง
อาการท้องร่วงที่เกิดจากเชื้ออหิวาตกโรค อาจทำให้เกิดการสูญเสียของเหลวในร่างกาย ซึ่งมีความอันตราย ผู้ป่วยอาจสูญเสียน้ำในร่างกาย อาจมากกว่า 1 ลิตร ภายใน 1 ชั่วโมง โดยในอุจจาระอาจมีเกล็ดสีขาวที่เป็นเมือก ซึ่งเป็นเนื่อเยื่อในกระเพาะอาหาร
2. คลื่นไส้ อาเจียน
ผู้ป่วยอาจมีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียน ซึ่งมักเกิดในช่วงแรงของการเกิดโรค
3. ภาวะขาดน้ำ
ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจมีความรุนแรงต่างกันออกไป โดยภาวะขาดน้ำจะเกิดหลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการท้องร่วง ขับถ่ายเป็นจำนวนมาก หากผู้ป่วยมีการสูญเสียน้ำไปมากกว่าร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว ก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง และช็อคได้
4. ภาวะอิเล็กโทรไลต์
ภาวะอิเล็กโทรไลต์มักเกิดเมื่อร่างกายสูญเสียเกลือแร่อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะขาดน้ำ ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้
- เป็นตะคริว ผู้ป่วยอาจเป็นตะคริว เนื่องจากร่างกายสูญเสียเกลือแร่อย่างกระทันหัน เช่น โซเดียมคลอไรด์ หรือ โพแทสเซียม
- เกิดอาการช็อค เป็นภาวะแทรกซ้อนจากอาการขาดน้ำรุนแรง เมื่อเลือดในร่าสงกายต่ำลง ทำให้ความดันเลือด และออกซิเจนในร่างกายต่ำลงด้วย หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เสียชีวิตได้
5. อาการข้างเคียงอื่น ๆ
อหิวาตกโรค อาจมีอาการข้างเคียงอื่น ๆ เช่น หงุดหงิดง่าย ซึม ตาโหล ริมฝีปากแห้ง กระหายน้ำ ผิวเหี่ยว แห้ง ผิวขาดน้ำ ความดันโลหิตต่ำ และหัวใจเต้นผิดจังหวะ
การรักษาอหิวาตกโรค
-
รับประทานเกลือแร่
ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับเกลือแร่ทดแทน จากที่เสียไป โดยแพทย์จะให้รับประทานผลละลายเกลือแร่ ที่ผสมในน้ำต้มสุก
-
การให้สารน้ำทดแทน
หากร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ และเกลือแร่มากเกินไป จำเป็นจะต้องได้รับสารน้ำทางน้ำเกลือ เพื่อทดแทนภาวะขาดน้ำ และเกลือแร่ อีกทั้งยังเพื่อรักษาภาวะช็อคจากการขาดน้ำเฉียบพลัน
-
การใข้ยาปฏิชีวนะ
ตัวยาบางตัว อาจลดจำนวนและระยะเวลาของอาการท้องร่วง ที่มีเชื้อของโรคได้ ตัวยาบางตัวอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการท้องร่วงได้ดี
-
การให้แร่ธาตุสังกะสี
ธาตุสังกะสีอาจช่วยลดและย่นระยะเวลาของอาการท้องร่วงในเด็กได้
อหิวาตกโรค เป็นโรคที่ติดเชื้อรุนแรง และอาจส่งผลถึงชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หากมีอาการท้องร่วงรุนแรง ร่างกายเสียน้ำมาก ควรพบแพทย์ทันที เพื่อลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การช็อค หมดสติได้
ที่มาข้อมูล pobpad
บทความที่น่าสนใจ
มีอาการท้องเสีย เมื่อมีอาการท้องเสียทำอย่างไร ท้องร่วงสิ่งที่ควรกินและไม่ควรกิน
อาเจียน ท้องเสีย เสี่ยงติดเชื้อโนโรไวรัส ที่กำลังระบาดหนัก
ทารกท้องเสีย ถ่ายบ่อย ถ่ายเหลว เกิดจากสาเหตุใด ดูแลรักษายังไงดี