เข้าใจ 6 สเต็ป พัฒนาการด้านตัวตน ปั้นลูกรักวัย 1-6 ขวบ EQ ดี
เข้าใจ "พัฒนาการด้านตัวตน" ของเด็กวัย 1-6 ขวบ เพื่อรับมือทุกพฤติกรรมอย่างสร้างสรรค์ ปั้น EQ และสร้างรากฐานตัวตนที่มั่นคงให้ลูกรัก
เมื่อลูกรักเปลี่ยนจากเบบี๋น่ารักมาเป็นเด็กน้อยที่เอาแต่พูดว่า “ไม่!” จนคุณแม่แอบสงสัยว่า “ลูกดื้อรึเปล่า?” จริงๆ แล้วนี่คือสัญญาณของ “พัฒนาการด้านตัวตน” ค่ะ พฤติกรรมท้าทายเหล่านี้คือการเติบโตที่สำคัญซึ่งเป็นรากฐานของ EQ และความมั่นใจในอนาคต บทความนี้จะชวนคุณแม่มาทำความเข้าใจทุกสเต็ปการเติบโตของลูกวัย 1-6 ขวบ เพื่อสร้างรากฐานตัวตนที่มั่นคงให้เขาอย่างสร้างสรรค์ค่ะ
สารบัญ
วัย 1 ขวบ – โลกทั้งใบ คือแม่ ติดแจ งอแง (Trust vs. Mistrust)
ขวบปีแรก คือช่วงเวลาที่ลูกกำลังสร้างความรู้สึกพื้นฐานที่สุด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ พัฒนาการด้านตัวตน นั่นคือ “ความไว้วางใจ” ต่อโลกใบนี้ เขากำลังเรียนรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่และปลอดภัยหรือไม่ ผ่านการดูแลของคุณแม่เป็นหลัก ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) การตอบสนองความต้องการของทารกอย่างสม่ำเสมอและอ่อนโยน เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสายสัมพันธ์ที่มั่นคง ซึ่งจะส่งผลให้ลูกมีมุมมองต่อตนเองและโลกในแง่ดี
พัฒนาการด้านตัวตนที่สำคัญ
สร้างความไว้วางใจพื้นฐาน (Basic Trust) เมื่อเด็กรู้สึกว่าโลกปลอดภัย เขาจะกล้าที่จะสำรวจและเรียนรู้ ซึ่งเป็นรากฐานแรกของการรับรู้ว่าตนเองเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับ
พฤติกรรมที่พบในเด็กวัย 1 ขวบ
- ติดแม่มากเป็นพิเศษ ร้องไห้เมื่อแม่หายไปจากสายตา
- สื่อสารความต้องการผ่านการร้องไห้เป็นหลัก (หิว, ไม่สบายตัว, ง่วง)
- เริ่มยิ้มและส่งเสียงโต้ตอบเมื่อมีคนคุยด้วย
- เริ่มชี้บอกความต้องการง่ายๆ ได้
เสียงจากคุณแม่: “บางทีก็เหนื่อยมากที่ลูกร้องไห้บ่อยๆ แล้วก็ติดเราแจเลย แต่พอเห็นรอยยิ้มของเขาก็หายเหนื่อย”
จะส่งเสริมพัฒนาการด้านตัวตน เด็กวัย 1 ขวบได้อย่างไร
- ตอบสนองอย่างสม่ำเสมอ: เมื่อลูกร้อง ไม่ต้องกลัวว่าจะ “ตามใจ” จนเสียเด็กนะคะ การเข้าไปอุ้ม กอด หรือปลอบโยน คือการบอกลูกว่า “แม่อยู่ตรงนี้ โลกนี้ปลอดภัยสำหรับหนูนะ” ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคงภายใน ซึ่งเป็นแกนหลักของตัวตน
- สร้างกิจวัตรที่คาดเดาได้: การมีตารางเวลา กิน-เล่น-นอน ที่ค่อนข้างคงที่ จะช่วยให้เด็กรู้สึกสงบและมั่นคง เพราะเขาสามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้
- สัมผัสรักผ่านการกอดและสบตา: การสัมผัสทางกายและการสบตาเป็นภาษารักที่ทรงพลังที่สุดสำหรับวัยนี้ ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) หรือฮอร์โมนแห่งความรัก
วัย 2 ขวบ – คำโปรดคือ “ไม่” “หนูจะทำเอง!” (Autonomy vs. Shame & Doubt)
ขอต้อนรับคุณแม่สู่วัยที่หลายคนขนานนามว่า “วัยทอง 2 ขวบ” (Terrible Twos) ค่ะ! วัยนี้คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างยิ่งของ พัฒนาการด้านตัวตน ลูกได้ค้นพบความจริงอันน่าทึ่งว่า “ฉันกับแม่เป็นคนละคนกัน!” และ “ฉันควบคุมร่างกายตัวเองได้!” การค้นพบนี้ก่อให้เกิดความต้องการที่จะเป็นตัวของตัวเอง อยากทดลองทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพื่อพิสูจน์ความสามารถ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ชี้ว่านี่เป็นช่วงวัยที่เด็กจะแสดงความเป็นอิสระและทดสอบขอบเขตอย่างชัดเจน หากถูกจำกัดหรือตำหนิมากเกินไป อาจทำให้เขารู้สึกสงสัยในความสามารถของตนเองและอับอายได้ ซึ่งจะบั่นทอน พัฒนาการด้านตัวตน ของเขา
พัฒนาการด้านตัวตนที่สำคัญ
พัฒนาความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง (Autonomy) ต้องการควบคุมและตัดสินใจเรื่องง่ายๆ ด้วยตนเอง เพื่อสร้างความรู้สึกว่า “ฉันทำได้”
พฤติกรรมที่พบในเด็กวัย 2 ขวบ
- คำพูดติดปากคือ “ไม่!”, “อย่า!”, “ของหนู!”
- ยืนกรานจะทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เช่น จะใส่รองเท้าเอง (แม้จะใส่ผิดข้าง), จะกินข้าวเอง (แม้จะหกเลอะเทอะ)
- เกิดอาการหงุดหงิดฉุนเฉียวรุนแรง เมื่อไม่ได้ดั่งใจ
- มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสูงมาก
เสียงจากคุณแม่: “จากลูกที่น่ารัก กลายเป็นจอมปฏิเสธไปแล้ว! บางทีก็เหนื่อยจนไม่รู้จะรับมือยังไงดี”
จะส่งเสริมพัฒนาการด้านตัวตน เด็กวัย 2 ขวบได้อย่างไร
- ให้เลือกแทนการสั่ง: นี่คือกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับวัยนี้ค่ะ ตามคำแนะนำจาก Healthy Children Org (เว็บไซต์ของสมาคมกุมารแพทย์แห่งอเมริกา) การให้ทางเลือก 2 ทางที่พ่อแม่ยอมรับได้ทั้งคู่ จะทำให้ลูกรู้สึกว่าเขาได้ควบคุมสถานการณ์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความเป็นตัวของตัวเองโดยตรง
- เซฟโซนแห่งการเรียนรู้: จัดบ้านให้ปลอดภัย แล้วปล่อยให้เขาได้สำรวจและลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองให้มากที่สุด การเรียนรู้จากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ คือบทเรียนที่ดีที่สุดสำหรับ พัฒนาการด้านตัวตน ของเขา
- สงบสยบความเคลื่อนไหว: เมื่อลูกอาละวาด (Tantrum) สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณแม่ต้องตั้งสติให้ได้ก่อน พาลูกไปยังที่สงบๆ อยู่กับเขาเงียบๆ และเมื่อเขาสงบลง ค่อยกอดและพูดคุยสั้นๆ เกี่ยวกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น
วัย 3 ขวบ – ช่างจินตนาการ ถาม “ทำไม” ไม่หยุด (Initiative vs. Guilt)
เมื่อผ่านพ้นพายุแห่งวัย 2 ขวบมาได้ คุณแม่จะพบกับ “นักคิด” ตัวน้อยในวัย 3 ขวบค่ะ วัยนี้สมองส่วนหน้าเริ่มพัฒนามากขึ้น ทำให้ลูกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อยากรู้อยากเห็น ชอบวางแผนการเล่น และเป็นเจ้าหนูจำไม ตั้งคำถาม “ทำไม?” ไม่รู้จบ พัฒนาการด้านตัวตน ของเขาจะเติบโตผ่านการได้ “ริเริ่ม” และ “ลงมือทำ” หากความคิดของเขาถูกสนับสนุน เขาก็จะรู้สึกมั่นใจ แต่หากถูกมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระหรือถูกตำหนิบ่อยๆ เขาก็จะรู้สึก “ผิด” และไม่กล้าที่จะริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ
พัฒนาการด้านตัวตนที่สำคัญ
พัฒนาความคิดริเริ่ม (Initiative) กล้าที่จะวางแผน ลองทำสิ่งใหม่ๆ และแสดงออกถึงความคิดของตนเอง ซึ่งเป็นการสร้างความรู้สึกว่า “ความคิดของฉันมีความหมาย”
พฤติกรรมที่พบในเด็กวัย 3 ขวบ
- ช่างพูด ช่างเจรจาต่อรอง มีเหตุผล (ในแบบของตัวเอง)
- ชอบเล่นบทบาทสมมติ เช่น เล่นเป็นคุณหมอ, คุณครู, ซูเปอร์ฮีโร่
- ชอบเสนอตัว “หนูช่วย!” อยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมของผู้ใหญ่
- มีจินตนาการสูง อาจมีเพื่อนในจินตนาการ
เสียงจากคุณแม่: “ตอนนี้ในบ้านมีแต่คำว่า ‘ทำไมคะแม่?’ เต็มไปหมดเลย บางทีก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันนะ!”
จะส่งเสริมพัฒนาการด้านตัวตน เด็กวัย 3 ขวบได้อย่างไร
- เปิดโอกาสให้ “หนูช่วย”: ชวนลูกมาเป็นผู้ช่วยตัวน้อยในงานบ้านง่ายๆ การได้ “ช่วย” จะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถและเป็นส่วนสำคัญของครอบครัว ซึ่งเป็นการเสริมสร้างตัวตนที่ดี
- ตอบคำถามอย่างสร้างสรรค์: พยายามตอบคำถาม “ทำไม” ของลูกด้วยความใส่ใจ หรือชวนเขาหาคำตอบไปด้วยกัน เพื่อส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็น
- ชื่นชมที่ “ความพยายาม”: ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ให้เน้นชื่นชมที่ความตั้งใจและความพยายามของเขา เพื่อให้เขากล้าที่จะลองผิดลองถูก

วัย 4 ขวบ – เจ้าหลักการ มีตรรกะเป็นของตัวเอง (Continuing Initiative vs. Guilt)
เด็กวัย 4 ขวบคือเวอร์ชันอัปเกรดของวัย 3 ขวบค่ะ ความคิดความอ่านจะซับซ้อนขึ้น และนี่คือช่วงที่ พัฒนาการด้านตัวตน ของเขาจะเริ่มทดสอบกับกฎเกณฑ์ทางสังคม เขาเริ่มเข้าใจกฎกติกาต่างๆ แต่ยังคงมีภาวะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง (Egocentrism) อยู่ ซึ่งหมายความว่าเขายังมองโลกจากมุมของตัวเองเป็นหลัก ข้อมูลจาก Healthline ชี้ว่าแม้เด็กวัยนี้จะเริ่มเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้บ้าง แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเข้าใจมุมมองที่แตกต่างจากตนเองอย่างแท้จริง พฤติกรรมการต่อรองหรือหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง จึงไม่ใช่การ “เถียง” เพื่อเอาชนะ แต่คือกระบวนการเรียนรู้เพื่อยืนยันตัวตนของเขากับโลกภายนอก
พัฒนาการด้านตัวตนที่สำคัญ
เริ่มนิยาม “ตัวตน” ของตัวเองโดยเปรียบเทียบกับกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานทางสังคม เรียนรู้ที่จะใช้เหตุผลเพื่อยืนยันความต้องการและความคิดของตนเอง
พฤติกรรมที่พบในเด็กวัย 4 ขวบ
- อธิบายเหตุผลเก่งมาก โดยเฉพาะเหตุผลที่ทำให้ตัวเองดูดี
- เริ่มเข้าใจเรื่องถูก-ผิด แต่ก็อาจจะบิดเบือนกฎเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
- ชอบเล่นกับเพื่อนเป็นกลุ่มมากขึ้น เริ่มมีการวางกฎการเล่นกันเอง
- อาจจะขี้โม้หรือขี้อวดบ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง
เสียงจากคุณแม่: “เถียงคำไม่ตกฟากเลย! มีเหตุผลมาหักล้างได้ตลอด”
จะส่งเสริมพัฒนาการด้านตัวตน เด็กวัย 4 ขวบได้อย่างไร
- ใช้ “นิทาน” เป็นเครื่องมือ: หนังสือนิทานคือครูที่ดีที่สุดในการสอนเรื่องศีลธรรม ความเห็นอกเห็นใจ และการมองจากมุมของคนอื่น ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้ พัฒนาการด้านตัวตน ของเขาสมบูรณ์ขึ้น ลองชวนลูกคุยหลังอ่านจบ “ถ้าหนูเป็นกระต่ายในเรื่อง หนูจะรู้สึกยังไงนะ?”
- เป็นต้นแบบด้าน Empathy: เมื่อเกิดความขัดแย้ง ลองพูดสะท้อนความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายให้ลูกฟัง “แม่เข้าใจว่าหนูโกรธที่น้องมาทำของเล่นพัง และน้องก็คงเสียใจที่ถูกหนูตะคอกใส่ เราจะทำยังไงกันดีนะ?” การทำเช่นนี้จะช่วยให้เขาขยายมุมมองของตัวเองให้กว้างขึ้น
- ตั้งกฎที่ชัดเจนและทำจริง: ความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญ กฎในบ้านต้องชัดเจนและทุกคนปฏิบัติเหมือนกัน เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ขอบเขตอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นกรอบที่จำเป็นต่อการสร้างตัวตนที่เหมาะสม
วัย 5 ขวบ – ต้องการการยอมรับจากเพื่อน (Continuing Initiative vs. Guilt)
โลกของเด็กวัย 5 ขวบขยายใหญ่ขึ้นมาก “เพื่อน” กลายเป็นจักรวาลอีกใบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด พัฒนาการด้านตัวตน ของเขาในวัยนี้จึงผูกพันอย่างลึกซึ้งกับการเป็นที่ยอมรับในสังคมเพื่อน เขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และเริ่มสร้างมิตรภาพที่แท้จริง Cleveland Clinic ให้ข้อมูลว่าเด็กวัยนี้จะให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเพื่อนมาก และอาจเริ่มมีการเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนด้วย อารมณ์ของเขาจะซับซ้อนและอ่อนไหวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การสร้างตัวตนทางสังคม (Social Self) จึงเป็นภารกิจหลักของวัยนี้
พัฒนาการด้านตัวตนที่สำคัญ
พัฒนาทักษะทางสังคมอย่างก้าวกระโดด “ตัวตน” ถูกนิยามผ่านการยอมรับของกลุ่มเพื่อน เรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อรักษาความสัมพันธ์
พฤติกรรมที่พบในเด็กวัย 5 ขวบ
- พูดถึงเพื่อนที่โรงเรียนตลอดเวลา มี “เพื่อนซี้”
- แคร์ความรู้สึกของเพื่อนมาก อาจยอมทำตามเพื่อนแม้ไม่อยากทำ
- อารมณ์อ่อนไหว งอนง่าย เสียใจง่ายเมื่อถูกเพื่อนล้อหรือกีดกันออกจากกลุ่ม
- เริ่มเข้าใจความยุติธรรมและความเท่าเทียม
เสียงจากคุณแม่: “กลับมาจากโรงเรียนวันนึงก็อารมณ์ดีเพราะได้เล่นกับเพื่อน อีกวันก็ซึมเพราะเพื่อนไม่ให้เล่นด้วย หัวใจแม่จะวาย”
จะส่งเสริมพัฒนาการด้านตัวตน เด็กวัย 5 ขวบได้อย่างไร
- เป็นผู้ฟังที่ไม่ตัดสิน: เมื่อลูกเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง พยายามรับฟังอย่างตั้งใจและไม่รีบตัดสินหรือสอนทันที การยอมรับความรู้สึกของเขา (“โอ้โห…เจอแบบนั้นต้องรู้สึกแย่มากๆ เลยใช่ไหมลูก”) เป็นการยืนยันว่าโลกภายใน และตัวตนของเขามีความสำคัญและปลอดภัยเสมอที่บ้าน
- ซ้อมบทบาทสมมติ: ช่วยลูกฝึกทักษะการเข้าสังคมผ่านการเล่นบทบาทสมมติ เช่น “ถ้าเพื่อนอยากเล่นของเล่นชิ้นเดียวกับหนู เราจะพูดกับเขายังไงดีนะ?” เพื่อให้เขามีเครื่องมือในการจัดการสถานการณ์ต่างๆ และสร้างความมั่นใจในตัวเอง
- เติมความมั่นใจจากที่บ้าน: บ้านคือแหล่งพลังงานที่ดีที่สุด ชื่นชมในตัวตนและความดีของลูกที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพื่อนหรือผลการเรียน เพื่อสร้าง รากฐานตัวตน (Core Self) ที่แข็งแรง และให้เขารู้ว่าคุณค่าของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการยอมรับจากคนอื่นเสมอไป
วัย 6 ขวบ – อยากทำได้ดี มีกฎมีเกณฑ์ (Industry vs. Inferiority)
เด็กวัย 6 ขวบกำลังอยู่ในช่วงที่ Erik Erikson เรียกว่า “ความขยันหมั่นเพียร vs. ความรู้สึกต่ำต้อย” ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญอย่างยิ่งของ พัฒนาการด้านตัวตน เขาต้องการที่จะ “ทำได้” และ “ทำสำเร็จ” ในภารกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การกีฬา หรืองานที่ได้รับมอบหมาย ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ จะสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจและความสามารถ (Competence) ซึ่งจะหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนที่แข็งแกร่ง แต่หากพบกับความล้มเหลวบ่อยครั้ง หรือถูกเปรียบเทียบในแง่ลบ เขาก็อาจรู้สึก “ต่ำต้อย” และไม่มั่นใจในความสามารถของตน
พัฒนาการด้านตัวตนที่สำคัญ
สร้างความรู้สึกภาคภูมิใจและความสามารถ (Sense of Competence) ผ่านการทำงานและการเรียนรู้ให้สำเร็จลุล่วง “ตัวตน” ถูกเชื่อมโยงเข้ากับ “สิ่งที่ฉันทำได้”
พฤติกรรมที่พบในเด็กวัย 6 ขวบ
- มีความรับผิดชอบมากขึ้น อยากทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
- ชอบการแข่งขันและเปรียบเทียบความสามารถของตัวเองกับเพื่อนอย่างชัดเจน
- ชอบสั่ง ชอบสอนคนอื่น โดยเฉพาะน้องหรือเพื่อนที่เด็กกว่า
- ต้องการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในครอบครัว
เสียงจากคุณแม่: “ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย แต่บางทีก็เครียดง่ายถ้าทำอะไรไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้”
จะส่งเสริมพัฒนาการด้านตัวตน เด็กวัย 6 ขวบได้อย่างไร
- มอบหมายหน้าที่ที่แท้จริง: ให้ลูกมีหน้าที่รับผิดชอบในบ้านที่ชัดเจนและทำเป็นประจำ เช่น จัดโต๊ะอาหาร, รดน้ำต้นไม้ การทำหน้าที่สำเร็จจะสร้างความภาคภูมิใจและเสริมสร้าง ตัวตน ที่มีความสามารถให้เขาอย่างมหาศาล
- สนับสนุนในสิ่งที่ลูกรัก: สังเกตว่าลูกมีความสนใจหรือพรสวรรค์ด้านไหนเป็นพิเศษ และสนับสนุนให้เขาได้ทำในสิ่งนั้น เพื่อให้เขาได้ค้นพบพื้นที่ที่เขารู้สึกว่า “ฉันเก่ง” ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของ พัฒนาการด้านตัวตน ที่ดี
- สอนให้รู้จัก “Growth Mindset”: โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ได้ให้ความรู้เรื่องการสร้างกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) คือการสอนให้ลูกเข้าใจว่าความสามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายาม และความผิดพลาดไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นโอกาสในการเรียนรู้ สิ่งนี้จะช่วยปกป้อง พัฒนาการด้านตัวตน ของเขาจากความกลัวและทำให้เขากล้าที่จะเผชิญกับความท้าทาย
เคล็ดลับ (ไม่) ลับ ปั้นตัวตน สร้างลูก EQ ดี
รากฐานของ EQ ที่ดี เริ่มต้นจาก “ตัวตน” ที่แข็งแกร่ง เมื่อลูกรู้สึกมั่นคงและเข้าใจในตัวเอง เขาก็จะเริ่มเรียนรู้ที่จะเข้าใจและจัดการอารมณ์ของตนเองได้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ นอกจากการทำความเข้าใจในแต่ละช่วงวัย ยังมีเทคนิคสำคัญ 2 ข้อที่จะช่วยสนับสนุน พัฒนาการด้านตัวตน ของลูกในภาพรวมค่ะ
1. เปลี่ยน “อย่า” เป็น “เรามา…”
คุณแม่เคยสังเกตไหมคะว่ายิ่งเราพูดว่า “อย่าวิ่ง!” ลูกก็เหมือนจะยิ่งวิ่งเร็วขึ้น? นั่นเพราะสมองของเด็กเล็กประมวลผลคำสั่งเชิงบวกที่เป็นรูปธรรมได้ดีกว่าคำสั่งห้าม การเปลี่ยนมาใช้ประโยคเชิงบวกที่บอกให้ลูกรู้ว่า “ควรทำอะไร” จะช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกในใจเขา (Self-image) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างตัวตนที่ดี
- เปลี่ยนจาก “อย่าส่งเสียงดัง!” เป็น “เรามาใช้เสียงกระซิบเหมือนสายลับกันดีกว่า” (สร้างตัวตนของเด็กที่รู้จักควบคุมเสียง)
- เปลี่ยนจาก “อย่าโยนของเล่น!” เป็น “ของเล่นเอาไว้วางบนพื้นเบาๆ นะลูก” (สร้างตัวตนของเด็กที่รู้จักทะนุถนอมสิ่งของ)
2. กิจวัตรประจำวันที่สม่ำเสมอ
สำหรับเด็กเล็ก โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ กิจวัตรประจำวันที่สม่ำเสมอจะช่วยทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและควบคุมได้ เมื่อเด็กรู้สึกมั่นคงจากภายใน เขาก็จะมีความกล้าหาญที่จะออกไปสำรวจโลกภายนอกและพัฒนาความเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มศักยภาพ
สรุปแล้ว พฤติกรรมที่ท้าทายของลูกคือสัญญาณของ พัฒนาการด้านตัวตน ค่ะ หน้าที่สำคัญของคุณแม่คือการเข้าใจและนำทาง เพื่อสร้างรากฐานตัวตนและ EQ ที่แข็งแรงไปพร้อมกัน ทั้งความไว้วางใจ ความเป็นตัวของตัวเอง และความภาคภูมิใจให้ลูก เพราะสิ่งเหล่านี้จะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต และคุณแม่คือผู้นำทางที่สำคัญที่สุดของเขา
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
12 หมอพัฒนาการเด็ก หมอพัฒนาการเด็กที่ไหนดี ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมลูกมากขึ้น
ทำไม ลูกได้หน้าลืมหลัง? เข้าใจพัฒนาการเด็ก พร้อมวิธีช่วยให้จำได้แม่นขึ้น
พ่อแม่ต้องระวังให้ดี 5 สัญญาณที่บอกว่า ลูกน้อยมีพัฒนาการล่าช้า
แหล่งอ้างอิง :
World Health Organization (WHO): Child development. https://www.who.int/health-topics/child-development
Centers for Disease Control and Prevention (CDC): CDC’s Developmental Milestones. https://www.cdc.gov/ncbddd/actearly/milestones/index.html
HealthyChildren.org (from the American Academy of Pediatrics): Ages & Stages. https://www.healthychildren.org/English/ages-stages/Pages/default.aspx
Healthline: Erikson’s Stages of Psychosocial Development. https://www.healthline.com/health/parenting/erikson-stages
Cleveland Clinic: Child Development. https://my.clevelandclinic.org/health/articles/21559-child-development
อนามัยมีเดีย: คู่มือเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย (DSPM). https://multimedia.anamai.moph.go.th/ebooks/dspm/

