ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน ทำไงดี? จะส่งผลเสียต่อพัฒนาการไหม?

lead image

เจาะลึกสาเหตุ ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน พร้อมวิธีแก้ไข เพื่อให้ลูกน้อยกลับมานอนกลางวันได้อย่างสบายใจ และเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การนอนกลางวันจำเป็นต่อการพักผ่อนร่างกายและสมอง เสริมสร้างพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญา แต่คุณพ่อคุณแม่อาจพบเจอปัญหาหนักใจ เมื่อ ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน งอแง ส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไป เจาะลึกสาเหตุที่ทำให้ ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อให้ลูกน้อยกลับมานอนกลางวันได้อย่างสบายใจ และเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัย

 

สาเหตุที่เด็กไม่อยากนอนกลางวัน

ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน อาจเกิดจากหลายสาเหตุ มาดูกันค่ะว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง

  1. วัย เด็กแต่ละวัยมีความต้องการในการนอนหลับที่แตกต่างกัน เมื่อลูกอายุมากขึ้น ความต้องการในการนอนกลางวันจะค่อยๆ ลดลง
  1. ไม่อยากหยุดเล่น เด็กๆ มักจะสนุกกับการเล่น การสำรวจ และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พวกเขาอาจรู้สึกว่าการนอนกลางวันเป็นการเสียเวลา และทำให้พลาดช่วงเวลาสนุกๆ ไป
  1. เหนื่อยเกินไป เด็กที่เหนื่อยล้ามากเกินไป อาจกระสับกระส่าย และนอนหลับยาก เพราะร่างกายอยู่ในภาวะตื่นตัวสูงเกินไป
  1. ตื่นเต้นเกินไป หากมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้น เช่น การไปเที่ยว การมีแขกมาบ้าน หรือการฉลองวันเกิด เด็กอาจตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
  1. หิวเกินไป ความหิว หรือความอิ่มเกินไป อาจทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัว และนอนหลับยาก
  1. สภาพร่างกายไม่ปกติ หากลูกน้อยป่วย ไม่สบาย หรือมีอาการเจ็บปวด เช่น เป็นไข้ ไอ หรือมีผื่นคัน อาจทำให้ลูกนอนหลับไม่สนิท
  1. สุขลักษณะการนอนไม่ดี สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น มีเสียงดัง แสงสว่างมากเกินไป อุณหภูมิห้องไม่เหมาะสม หรือที่นอนไม่สบาย อาจรบกวนการนอนหลับของลูก
  1. สาเหตุอื่นๆการเปลี่ยนแปลงตารางการนอนหลับ เช่น การเดินทาง การเปลี่ยนเวลาเข้านอน อาจทำให้เด็กสับสน และนอนหลับยากขึ้น หรืออาจเกิดจากความเครียด เช่น การทะเลาะกับเพื่อน การปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ อาจทำให้เด็กรู้สึกเครียด และนอนไม่หลับ

 

ผลกระทบหากลูกนอนกลางวันไม่เพียงพอ

การนอนกลางวันไม่เพียงพอ ส่งผลเสียต่อเด็กๆ มากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่เรื่องงอแง แต่ยังส่งผลต่อพัฒนาการในด้านต่างๆ อีกด้วย มาดูกันค่ะว่า การอดนอนกลางวัน ส่งผลกระทบต่อลูกน้อยอย่างไรบ้าง

ผลกระทบหากลูกนอนกลางวันไม่เพียงพอ

1. พัฒนาการ
  • พัฒนาการทางร่างกาย: การนอนหลับช่วยในการหลั่งโกรทฮอร์โมน หากนอนไม่พอ อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางร่างกาย เช่น เตี้ย น้ำหนักน้อย หรือภูมิคุ้มกันต่ำ
  • พัฒนาการทางสมอง: การนอนหลับช่วยให้สมองได้พักผ่อน และประมวลผลข้อมูล หากนอนไม่พอ อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางสมอง เช่น ความจำ สมาธิ การเรียนรู้ และการแก้ปัญหา
2. อารมณ์
  • หงุดหงิดง่าย: เด็กที่นอนไม่พอ มักจะหงุดหงิดง่าย โมโหง่าย และควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยาก
  • อารมณ์แปรปรวน: อาจมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เช่น เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ ทำให้ยากต่อการเข้าใจ และดูแล
3. พฤติกรรม
  • สมาธิสั้น: เด็กที่นอนไม่พอ มักจะมีสมาธิสั้น จดจ่อกับสิ่งต่างๆ ได้ยาก ส่งผลต่อการเรียนรู้ และการทำกิจกรรม
  • อยู่ไม่นิ่ง: อาจมีพลังงานเหลือเฟือ ซุกซน และอยู่ไม่สุข ทำให้ควบคุมตัวเองได้ยาก
  • พฤติกรรมก้าวร้าว: ในบางกรณี เด็กที่นอนไม่พอ อาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น กัด ตี หรือทำร้ายผู้อื่น
4. ผลกระทบอื่นๆ
  • ปัญหาการกิน: เบื่ออาหาร กินน้อยลง หรืออยากกินจุบจิบตลอดเวลา
  • ปัญหาการนอน: นอนหลับยาก ตื่นบ่อย หรือนอนกรน
  • ปัญหาสุขภาพ: ป่วยบ่อย ภูมิคุ้มกันต่ำ

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการนอนกลางวันของลูก และพยายามหาสาเหตุ พร้อมแก้ไขปัญหา เพื่อให้ลูกน้อยได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ และมีพัฒนาการที่ดีในทุกๆ ด้านค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เด็กแต่ละวัยควรนอนกลางวันนานแค่ไหน

ความต้องการในการนอนกลางวันของเด็กๆ จะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย โดยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เมื่อโตขึ้น มาดูกันค่ะว่าในแต่ละช่วงวัย ลูกน้อยควรนอนกลางวันนานแค่ไหน

  • ทารกแรกเกิด: ช่วงแรกเกิด เจ้าตัวเล็กจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการนอน ตื่นมากินนมแล้วก็นอนต่อ โดยจะนอนหลับประมาณ 3-4 ชั่วโมงสลับกับการตื่น
  • 2 เดือนขึ้นไป: เมื่อลูกน้อยอายุ 2 เดือนขึ้นไป พวกเขาจะเริ่มแยกแยะกลางวันและกลางคืนได้ดีขึ้น ทำให้เริ่มนอนกลางวันน้อยลง และนอนหลับยาวนานขึ้นในเวลากลางคืน
  • 1 ขวบ: เมื่อเข้าสู่วัยเตาะแตะ เด็กๆ จะเริ่มสนใจโลกภายนอกมากขึ้น การนอนกลางวันจะลดลงเหลือ 2-3 ครั้งต่อวัน อาจเป็นการงีบหลับสั้นๆ ช่วงเช้าและบ่าย
  • 2-3 ขวบ: ในวัยนี้ เด็กบางคนอาจไม่ต้องการนอนกลางวันแล้ว แต่บางคนก็ยังคงต้องการงีบหลับในช่วงบ่าย ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
  • 4-5 ขวบ: เด็กส่วนใหญ่ในวัยนี้จะไม่นอนกลางวันแล้ว แต่ก็ยังมีเด็กบางคนที่ยังคงงีบหลับช่วงบ่ายอยู่บ้าง

 

รู้ได้อย่างไรว่าลูกไม่ต้องนอนกลางวันแล้ว?

ลองสังเกตพฤติกรรมของลูก หากลูกมีลักษณะดังต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณว่าลูกไม่จำเป็นต้องนอนกลางวันแล้วค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • นอนหลับตอนกลางคืนได้นาน 10-12 ชั่วโมง โดยไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก
  • ตื่นนอนตอนเช้าด้วยตัวเอง และรู้สึกสดชื่น พร้อมสำหรับกิจกรรมในแต่ละวัน
  • ไม่มีอาการง่วงนอน หงุดหงิด หรือไม่มีสมาธิในช่วงบ่าย
  • ไม่มีปัญหาในการเรียนรู้ และเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ลูกจะไม่นอนกลางวันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจัดเวลาให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเพียงพอในช่วงบ่าย เช่น ให้ลูกนั่งเล่นเงียบๆ อ่านหนังสือ หรือนอนฟังนิทาน เล่นเกมส์ที่ไม่ต้องใช้พลังงานมาก เช่น ต่อบล็อก วาดรูป หรือ ฟังเพลงเบาๆ ผ่อนคลาย เป็นต้น เพราะการพักผ่อน แม้จะไม่ใช่การนอนหลับ ก็ช่วยให้สมองได้ผ่อนคลาย ลดความเหนื่อยล้า และส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูกน้อยเช่นกัน

แต่หากลูกมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณว่าลูกยังต้องการการนอนกลางวันอยู่ 

  • ง่วงนอนมากในช่วงเย็น
  • กินอาหารเย็นไม่ได้
  • หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ
  • มีปัญหาในการนอนหลับตอนกลางคืน

หากพบอาการเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกนอนกลางวันต่อไป และอาจลองปรับตารางกิจกรรม จัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการนอนกลางวัน เพื่อให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกไม่ยอมนอนกลางวัน ? แก้ไขได้ด้วย 5 วิธีง่ายๆ

หากลูกน้อยไม่ยอมนอนกลางวัน ปัญหานี้แก้ไขได้ ลองนำ 5 วิธีนี้ไปปรับใช้ รับรองว่าลูกน้อยจะหลับปุ๋ยสบายใจ

  1. สร้างบรรยากาศสุดรีแลกซ์

  • ห้องนอนต้องเงียบสงบ: ปิดโทรทัศน์ วิทยุ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ส่งเสียงดัง ลดแสงไฟให้สลัวๆ เพื่อให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย
  • อุณหภูมิต้องพอดี: ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป อาจเปิดพัดลมเบาๆ หรือใช้เครื่องปรับอากาศ
  • ที่นอนต้องนุ่มนิ่ม: เลือกที่นอน หมอนเด็ก และผ้าห่มที่นุ่มสบาย และเหมาะสมกับวัยของลูก
  1. กำหนดตารางเวลา สร้างกิจวัตร

  • เข้านอน ตื่นนอนเป็นเวลา: กำหนดเวลาเข้านอน และตื่นนอนให้เป็นเวลา รวมถึงเวลาสำหรับการนอนกลางวัน เพื่อให้ร่างกายของลูกคุ้นเคยกับตารางเวลา
  • กิจวัตรก่อนนอน: สร้างกิจวัตรก่อนนอนที่ผ่อนคลาย เช่น อาบน้ำอุ่น แปรงฟัน อ่านนิทาน หรือร้องเพลงกล่อม เพื่อให้ลูกรู้สึกง่วงนอน
  1. กิจกรรมก่อนนอน ต้องผ่อนคลาย

  • งดกิจกรรมที่ตื่นเต้น: ก่อนนอน ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เด็กตื่นตัว เช่น การเล่นเกม การดูโทรทัศน์ หรือการใช้แท็บเล็ต
  • ทำกิจกรรมที่สงบ: เลือกกิจกรรมที่ช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย เช่น การอ่านนิทาน การฟังเพลงเบาๆ หรือการนวดเบาๆ
  1. สังเกตสัญญาณความง่วง

  • ลูกง่วง ให้รีบพาเข้านอน: สังเกตสัญญาณความง่วงของลูก เช่น ตาปรือ หาว ขยี้ตา หรือเริ่มงอแง เมื่อเห็นสัญญาณเหล่านี้ ให้รีบพาลูกเข้านอนทันที
  1. อดทน และใจเย็น

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต้องใช้เวลา: การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนหลับของลูก ต้องใช้เวลา ความอดทน และความสม่ำเสมอ อย่ายอมแพ้ และพยายามต่อไป

เพียงเท่านี้ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถช่วยให้ลูกน้อยนอนกลางวันได้อย่างสบายใจ และเติบโตอย่างแข็งแรงสมวัยค่ะ

 

ที่มา : thestandard , เลี้ยงลูกตามใจหมอ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

6 เรื่องต้องห้าม! หยอกล้อเด็ก กระทบ Self-Esteem แหย่เด็กเล่น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

15 วิธีกระตุ้นสมองทารก ช่วยให้ลูกฉลาด ทำได้ตั้งแต่แรกเกิด

อันตรายจากการหอมแก้มเด็ก แม่โพสต์เตือน อย่าให้ใครหอมลูก ไม่งั้นจะเป็นเหมือนบ้านนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา