สถาบันวิจัยและทดลองด้านจิตวิทยาแห่งกรุงลอนดอน นำโดย Neil Garret และทีมงาน ได้ร่วมกันทำงานวิจัยหนึ่งที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รัก โดยใช้ชื่องานวิจัยนี้ว่า “The Brain Adapts To Dishonesty” และผลของการวิจัยนี้ก็แสดงให้เห็นว่า หากมีการ นอกใจ ครั้งที่หนึ่ง รับรองเถอะว่ามีครั้งต่อ ๆ ไปตามมาแน่!
Neil และทีมงานทำวิจัยโดยการนำอาสาสมัครที่เป็นคู่รักมา และแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งมองเห็นภาพไม่ชัด และจะต้องคอยเดาว่ามีเหรียญในขวดโหลทั้งหมดกี่เหรียญ ส่วนอีกฝั่งมองเห็นภาพชัดเจน และต้องคอยช่วยเหลือคนรักที่เป็นคนเดาจำนวนเหรียญที่ว่านี้
ซึ่งการวิจัยนี้มีข้อแม้ว่า ถ้าหากอาสาสมัครฝั่งต้องเดาจำนวนเหรียญทายผิด อีกฝั่งจะได้รับรางวัลเยอะกว่า แน่นอนว่า อาสามสมัครส่วนใหญ่เลือกที่จะพูดโกหกคนรักของตัวเองมากกว่า!!
จากการทดลองและการเฝ้าสังเกตการทำงานของสมองส่วน Amygdala ทำให้ทีมงานวิจัยสามารถอธิบายถึงพฤติกรรมของคนที่มักจะมีนิสัยโกหกคู่รักของตัวเองว่า
“เมื่อคนเรารู้จักที่จะโกหกครั้งแรกแล้ว แน่นอนว่าครั้งต่อไปพวกเขาจะโกหกอีกครั้ง โดยที่จะรู้สึกผิดน้อยลง เป็นผลมาจากการทำงานในสมองของส่วนที่เรียกว่า Amygdala ซึ่งเป็นส่วนที่คอยตอบสนองต่อปฏิกิริยาและพฤติกรรมในเชิงลบของมนุษย์ แต่เมื่อทุกครั้งที่เราพูดโกหก งานวิจัยก็ชี้ให้เห็นว่า บริเวณส่วนนี้ของสมองจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ด้อยลงเรื่อยๆ”
นั่นอาจจะแสดงให้พวกเราทุกคนเห็นว่า หากมีการโกหกครั้งที่หนึ่ง แล้วผ่านพ้นไปด้วยดี แน่นอนว่าครั้งที่สอง ที่สามและสี่ก็มีสิทธิ์ที่จะตามมา โดยที่ผู้โกหกอาจจะไม่รู้สึกผิด หรือรู้สึกผิดน้อยลง จนบางครั้งการทำเป็นประจำส่งผลให้เกิดเป็นการโกหกหรือนอกใจจนเป็นนิสัยก็เป็นได้
และคุณแม่ทางบ้านละ เห็นด้วยกับงานวิจัยนี้หรือไม่อย่างไร ลองแชร์ความคิดเห็นกันเข้ามาดูนะคะ
หลังจากรู้ว่าแฟนนอกใจแล้ว เราควรให้อภัยหรือไม่ และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเลิกขาดแล้วจริงๆ
1. ต้องใช้เวลาตัดสินใจก่อนว่าคุณจะอยู่หรือคุณจะไป สิ่งที่คุณต้องทำเป็นอันดับแรก ไม่ใช่คิดว่าจะทำอย่างไรกับแฟนนอกใจดี แต่ต้องตัดสินใจก่อนว่าคุณยังอยากคบเขาต่ออีกหรือไม่ในฐานะคู่ “สิ่งที่คุณต้องทำเป็นอย่างแรก คือสำรวจใจตัวเองอย่างจริงจังว่า…คุณยังอยากอยู่กับคนๆ นี้ต่อไปอีกหรือไม่ ถ้าคุณตัดสินใจว่าอยากคบเขาต่อ…คุณต้องรู้ก่อนเลยว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่ยากและยาวนานของคุณทั้งคู่ การสร้างความไว้ใจให้กลับมาใหม่ เป็นกระบวนการที่ช้าและนานมากๆ แต่บางคู่ก็ทำได้มาแล้วครับ” ฉันตะลุยศึกษาเรื่องการนอกใจและผลที่ตามมาหลังจากนั้นมาพอสมควร ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่ทำงานบำบัดชีวิตคู่ตอบตรงกันเลยค่ะว่า…ความไว้ใจเป็นรากฐานที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของ relationships ฉะนั้นเมื่อความไว้ใจถูกทำลายลงแล้ว มันใช้เวลานานมากและยากมากกว่าจะสร้างขึ้นมาใหม่ได้ ฉันเลยไม่ค่อยเข้าใจคุณผู้ชายทั้งหลายที่นอกใจมักสารภาพผิดกับแฟน ขอให้เธอยกโทษให้ ให้สัญญาว่าจะเลิกกับฝ่ายโน้น แก้ไขปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น และจะไม่ทำแบบเดิมอีกแล้ว แล้วคาดหวังว่าแฟนหรือภรรยาจะสามารถกลับมารักเขาเหมือนเดิม ไว้ใจเขาแบบเดิมได้ ‘รวดเร็วอย่างที่เขาคาดหวัง’ ระยะเวลากลับมาเป็นเหมือนเดิมขึ้นอยู่กับคนแต่ละคน และคู่แต่ละคู่ก็ใช้เวลาไม่เท่ากันจริงๆ ค่ะ ฉันว่าต้องอดทนค่อยๆ เยียวยาไม่ต่ำกว่า 1 ปีทีเดียว การเยียวยาความเชื่อมั่นที่แหลกสลายเป็นกระบวนการที่ slow and long process เหมือนที่เถ้าแก่เฟรเซอร์และผู้เชี่ยวชาญทุกคนบอกจริงๆ ทว่า…การที่คนโดนนอกใจเลือกอยู่กับแฟนคนเดิม แต่ขุดเรื่องเดิมขึ้นมาพูดทุกครั้งที่มีโอกาสหลังจาก 2 ปีผ่านไป อันนั้นฉันว่า…ยังเจ็บจำฝังใจไม่เลิกราแน่แล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น เลิกกันดีกว่าทนฝืนอยู่ต่อไปค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ใจคุณยังผูกใจเจ็บ ยังโกรธเคือง ยังไม่ได้ให้อภัยจริงๆ ถึงได้เจ็บจำนานขนาดนั้น Doug กับ Chris Young ผู้เขียน How To Survive Infidelity: Tips and Advice From a Couple Who’ve Actually Been There and Done It ให้ข้อเตือนใจไว้ดีมากว่าคุณต้องเลือกตัดสินใจด้วยตัวเองและเชื่อมั่นตามนั้น อย่าไขว้เขวไปกับคำแนะนำหรือความเห็นของคนอื่น “โปรดจำไว้เสมอว่า…คุณเป็นคนที่ต้องอยู่กับการตัดสินใจของคุณเอง ไม่ใช่ใครอื่น”
2. ให้แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนๆ นั้นจบลงแล้วจริงๆ สำคัญมากที่การติดต่อกับมือที่ 3 ต้องยุติลงได้แล้ว เพราะมันมีผลโดยตรงกับอนาคตของคุณกับเขา ถ้าอยากให้กลับมาอยู่กันได้ไปกันรอดจริงๆ เขาก็ต้องตัดขาดกับมือที่ 3 เลิกติดต่อเกี่ยวข้องใดๆ อีก ไม่ใช่แค่เลิกแบบไม่มีเซ็กซ์เท่านั้น แต่ยังแอบห่วงใย โทรไปถามสารทุกข์สุกดิบ หรือว่าฝ่ายนั้นยังส่งอีเมลอาลัยรัก คิดถึงนะ…มาหาแฟนเรา ไม่ได้อีกแล้วเด็ดขาด คู่ของเพื่อนฉัน ฝ่ายชายยังแอบติดต่อชู้รักอยู่ โดยให้เหตุผลว่า “ผมเป็นฝ่ายผิด จะให้ทิ้งเขามาโดยไม่ดูดำดูดีเลยได้อย่างไร” อย่าค่ะ-คุณอย่าซื้อมุกบัฟฟาโล่แบบ…โถพ่อพระเอก (จอมปลอม) แบบนี้เด็ดขาด ถ้าเขาเลือกจะรักษาชีวิตรักหรือชีวิตสมรสกับคุณไว้ เขาต้องแสดงออกชัดเจนว่าเขาเลิกกับคนนั้นได้แล้วจริงๆ ไม่มีคำว่าพื้นที่สีเทาโดยเด็ดขาด ถ้าเขาทำตัวให้คุณเห็นพื้นที่สีเทา คือไม่ชัดเจนเด็ดขาดซะที ฟันธงเลยว่าเขาจะกลับไปหาเธออีกแน่นอน จะเพราะเขาใจอ่อนอีก หรือเพราะเขาหลอกคุณว่าเลิกแล้วแต่จริงๆ แล้วไม่ได้เลิกกันจริงก็เป็นได้
3. เขาต้องแสดงออกว่ายอมรับผิดจริงๆ และมีการลงมือทำเพื่อแก้ไขความผิดอย่างชัดเจน สัญญาณที่บอกว่าคนของเราพร้อมจะเยียวยาความสัมพันธ์จริงๆ คือต้องชัดเจนทั้งการแสดงออกและพฤติกรรม ว่าเขาพร้อมรับผิดและพร้อมจะแก้ไขตนเองเพื่อให้คุณกลับมารักเขาไว้ใจเขาได้อีกครั้ง การยินยอมเปิดเผยเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าจำเป็นมาก เพราะเป็นการช่วยให้คนที่โดนนอกใจรู้สึกมั่นใจขึ้น ถ้าเขาบอกคุณว่า “ก็ขอโทษแล้วไงจะให้ทำอะไรอีก!” แสดงว่าเขาสำนึกผิดแค่ปาก ขอโทษแค่ขอไปที ในใจส่วนลึกไม่ได้รู้สึกอยากจะแก้ไขจริงๆ การแก้ไขที่เห็นได้ชัดเจนคือ – เขาพร้อมจะบอกคุณตลอดทุกครั้งว่าเขาไปไหน อยู่กับใคร ทำอะไรอยู่ ไม่ใช่บอกว่า “เรากลับมาดีกันนะ” แต่ยังทำตัวลึกลับ หายหัวแว่บอยู่บ่อยๆ หรือแอบงุบงิบโทรหาใคร…เหมือนเดิม – เขาพร้อมจะให้คุณตรวจสอบจริงๆ ไม่ใช่แค่แสดงว่าพร้อมให้ตรวจ แต่เอาเข้าจริงกลับทำโมโหเฉไฉบ่ายเบี่ยง – เขาให้เวลาคุณเต็มที่จริงๆ เพื่อสร้างสะพานความสัมพันธ์ขึ้นใหม่ ไม่ใช่ปากขอโทษ บอกว่าจะชดเชยให้คุณ แล้วก็ติดงานยุ่งมาก จนไม่มีเวลาคุณภาพกับคุณมากนัก ถ้าเขายังไม่ทุ่มเทให้กับการแก้ไขเยียวยาความสัมพันธ์ คุณจงตระหนักรู้ไว้เลยว่า…เป็นสัญญาณเตือนว่า จิตใจของเขาไม่พร้อมทุ่มเทให้ความรักของคุณสองคนไปกันรอด เขาแค่รับปากเอาตัวรอดไปอย่างนั้น!
4. การเยียวยาแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น ต้องร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่าย คือทั้งเขาและคุณ ความพยายามจากฝ่ายเดียว ไม่มีทางช่วยให้คู่ไปกันได้รอดหลังรู้ว่ามีการนอกใจ การร่วมมือทั้งสองทางมาจากทั้งคุณและเขาค่ะ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง การพยายามอยู่ข้างเดียว ได้แก่ – คุณพยายามแก้ไขความสัมพันธ์ทุกทางแล้ว ทั้งปรับรูปโฉมให้ปิ๊งขึ้น ทั้งพยายามเข้าถึงเขา แต่เขาไม่รับผิดชอบการกระทำของตัวเองเลย ยังทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง หรือดีแค่ช่วงแรกๆ แต่แล้วก็กลับไปลงลูปเดิม หรือคุณพร้อมให้อภัยให้เขากลับตัว แต่เขาไม่เคยแสดงให้เห็นการกระทำใดๆ ที่ชัดเจนจากเขาเลย การที่เขาทำตัวแบบนี้มักมาจากการที่เขาไม่ได้เป็นคนเลือกอยู่ด้วยกันต่อไป แต่มาจากคุณเองที่ไม่ยอมเลิกจากเขาจนแล้วจนรอด เขาเลยไม่รู้จะแคร์คุณไปทำไม หรือเขาไม่เลิกกับคุณก็เพราะรู้สึกผิด (Guilt) และกลัวเป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่น ไม่ได้เกิดจากการที่เขารักและไม่อยากเสียคุณไปจริงๆ – เขาพยายามแก้ไขความผิด พยายามทำดีชดเชยให้คุณทุกทางแล้ว แต่คุณไม่เคยให้อภัยเขา ไม่เคยยอมรับความพยายามของเขา ยังคงจุกจิกจู้จี้กับเขา ยังคงระบายอารมณ์ใส่เขา ยังคงกล่าวตำหนิเขาทุกครั้งที่มีโอกาส ทั้งๆ ที่คุณเองเป็นคนเลือกแล้วว่าจะคบกันต่อไป คุณก็ต้องเป็นคนใจกว้างพอที่จะให้โอกาสกันและกันได้แก้ไขสิ่งผิด เพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับคุณทั้งสองคนค่ะ การให้อภัยแต่ปาก ไม่ต่างจากการที่คนนอกใจขอโทษแต่ปาก แต่ไม่แสดงความจริงใจที่จะแก้ไขเลยเช่นกัน ฉันรู้ค่ะว่ามันยากมากที่จะให้อภัยเขาได้ แต่ถ้าคุณเลือกแล้วว่าจะอยู่ต่อ คุณก็ต้องรับผิดชอบและเคารพการตัดสินใจของตัวเองด้วย ถ้ารับไม่ได้จริงๆ ก็เลิกเถอะ อย่าหลอกตัวเอง
5. ดูแลตัวเอง รักตัวเองให้มาก แวดล้อมด้วยผู้คนที่ให้กำลังใจคุณ ความจริงคือ…ชีวิตของคุณไม่ได้จบเพียงเพราะแฟนคุณนอกใจค่ะ ชีวิตคุณยังมีอีกยาวไกล ยังมีสิ่งดีๆ คนดีๆ รอคุณอยู่อีกเยอะมาก ถ้าคุณตัดสินใจเลือกรับแฟนกลับมาหรือตัดสินใจจากกันไปก็ตาม ยาดีที่สุดที่คุณจะมอบให้ตัวเองได้คือพลังแห่งความรักจากตัวคุณเองและคนรอบข้าง ให้เวลาตัวเองมากๆ ในการใคร่ครวญทบทวนชีวิต ไม่ต้องรีบ แล้วเปิดรับมิตรที่สนับสนุนให้กำลังใจแก่คุณ ซึ่งสำคัญมากสำหรับการเยียวยาแผลใจแล้วเริ่มต้นใหม่อย่างแข็งแรง ฉันจำได้ดีว่าเพื่อนสาวของฉันหลายคนอยากเลิกกับแฟนนอกใจ แต่เจอญาติพี่น้องและเพื่อนบางคนห้ามไว้ ญาติๆ ให้เหตุผลจากมุมมองของคนหัวเก่าว่า “บ้านเราไม่เคยมีใครหย่าจากกัน คนอื่นจะนินทาเอาได้” ส่วนเพื่อนๆ บอกจากมุมมองของความมั่นคงทางการเงินว่า “ถ้าเขาดูแลส่งเสียเธอดี เธอจะไปเอาอะไรกับเขานักหนา ปล่อยให้เขาหาเศษหาเลยเล็กๆ น้อยๆ บ้างเถอะ” อ่านแล้วเหมือนโดนคนรักชกหน้าแล้วเจอครอบครัวผลักซ้ำ
ที่มา: มนุษย์เงียบ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
กินอะไรให้ตัวหอม ดึงดูดสามีให้ดมดอมทั้งวัน
6 นิสัยภรรยาสุดยี้ ที่สามีอยากบอก
จับได้ว่าสามีมีกิ๊ก? โดนนอกใจทำไงดี? จับได้ว่าแฟนนอกใจทำยังไงต่อไปดี?