คนท้องกินพาราได้ไหม กินอย่างไรให้ปลอดภัยกับลูกในท้อง

คนท้องกินพาราได้ไหม เมื่อมีอาการปวดหัว ตัวร้อน หรือมีไข้ขณะตั้งครรภ์ ซึ่งคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลว่า หากกินยาพาราเซตามอลอาจจะส่งผลอันตรายต่อลูกในท้อง ซึ่งความจริงแล้ว ยาพารานั้นมีทั้งคุณและโทษหากเรารับประทานยาไม่ถูกวิธีหรือเกินขนาด ไม่ว่าจะท้องหรือไม่ก็ตาม แต่แม่ท้องอาจจะต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ซึ่งสามารถปฏิบัติตามและหาความรู้ได้จากบทความนี้

 

 

คนท้องกินพาราได้ไหม คำถามนี้แพทย์มีคำตอบ

นพ. วรณัฐ ปกณ์รัตน์ แพทย์อายุรกรรม ได้ไขข้อสงสัยสำหรับคำถามที่มักจะพบบ่อย คือ คนท้องกินพาราได้ไหม ซึ่งคุณหมออธิบายว่า จากการศึกษา ไม่พบความผิดปกติกับทารกในครรภ์ เมื่อแม่รับประทานยาพาราเซตามอล  จึงสามารถใช้ยาพาราเซตามอล  ในช่วงตั้งครรภ์ได้ โดยตระหนักถึงข้อควรระวัง เช่น

  • โดยปกติ ยาพาราเซตามอล จะช่วยบรรเทาอาการปวด และช่วยลดไข้  ปริมาณยาที่แนะนำคือ ครั้งละ 1 เม็ด (500 มิลลิกรัม) ทุก 6 ชั่วโมง เฉพาะเวลามีอาการ  หากไม่มีอาการ ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานต่อ
  • ในปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดถึงความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยาพาราเซตามอล กับ โรคสมาธิสั้น  มีเพียงการคาดเดา จากสถิติ ซึ่งยังมิอาจยืนยันเหตุและผลของทั้งสองอย่างนี้ได้  ดังนั้น จึงถือว่ายาพาราเซตามอล ยังสามารถใช้กับหญิงตั้งครรภ์ได้อยู่
  • ในการรับประทานยาพาราเซตามอล ควรดื่มกับน้ำเปล่าเท่านั้น เพราะเครื่องดื่มชนิดอื่นอาจมีกรดที่ทำให้ฤทธิ์ยาน้อยลง เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ กระนั้น ก็ไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องอาหาร  แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง ผงชูรส สีผสมอาหาร ในช่วงที่ตั้งครรภ์นี้
  • สำหรับยาแก้ปวดประเภทอื่นในกลุ่มเอ็นเซด (NSAIDS) เช่น ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ต้องหลีกเลี่ยงในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ เพราะจะส่งผลให้คลอดบุตรก่อนกำหนด และอาจทำให้เลือดออกง่ายกว่าปกติ[2]  ส่วนยาแก้ปวดศีรษะไมเกรนในกลุ่มเออร์กอตทามีน (Ergotamine) ห้ามใช้ในทุกช่วงของการตั้งครรภ์ เพราะจะก่อให้เกิดการสร้างอวัยวะผิดปกติในทารก  กล่าวโดยสรุป หากมีอาการปวด ยาพาราเซตามอลจะปลอดภัยที่สุด

ทั้งนี้ คุณหมอวรณัฐ เสริมว่า “หญิงตั้งครรภ์สามารถใช้ยาพาราเซตามอล เหมือนคนปกติ  ปริมาณยาที่แนะนำคือ ครั้งละ 1 เม็ด (500 มิลลิกรัม) ทุก 6 ชั่วโมง เฉพาะเวลามีอาการ  หากไม่มีอาการ ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานต่อ แต่หากมีอาการปวดที่ไม่ทุเลา หรือ ปวดตลอด  ก็ควรพบแพทย์รับการตรวจรักษาต่อไป”

*** ที่มาของข้อมูล : นพ. วรณัฐ ปกณ์รัตน์ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป

 

คุณแม่ลูกอ่อน หรือเด็ก ควรใช้ยาอย่างไร

หากคุณแม่ลูกอ่อนหรือ ท่านที่กำลังให้นมบุตร  เมื่อรู้สึกปวดหัว หรือมีไข้ ยาสามัญประจำบ้านชนิดแรกที่เรานึกถึงก็คือ “ยาพาราเซตามอล”  ซึ่งเป็นยาที่มีผลข้างเคียงน้อย หากใช้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม สำหรับเด็กเวลามีไข้ ควรกิน 10-15 มิลลิกรัม ของยา ต่อน้ำหนักตัวของเด็กหนึ่งกิโลกรัม ใช้ได้ทุก 4-6 ชั่วโมง แต่วันหนึ่งไม่ควรเกิน 5 ครั้ง และไม่ควรทาน ติดต่อกันเกิน 3-5 วัน ส่วนในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ยานี้ก็จะมีข้อจำกัดในการใช้มากขึ้น และ สำหรับผู้ใหญ่เมื่อมีอาการปวดหรือมีไข้ มีข้อแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานเกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยาพาราเซตามอล 1 เม็ด เท่ากับ 500 มิลลิกรัม ดังนั้นใน 1 วัน ไม่ควรทานเกิน 8 เม็ด หรือติดต่อกันนานเกิน 10 วัน

บทความที่เกี่ยวข้อง : ยาเด็ก เก็บอย่างไร ใช้ได้นานแค่ไหน ถึงปลอดภัยกับลูกรัก

 

 

คนท้องกินยาพารา ควรตระหนักถึงการใช้ยาอย่างปลอดภัย

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ถ้ามีอาการปวด หรือ เป็นไข้ สามารถรับประทาน ยาพาราเซตามอลได้ ตามข้อแนะนำเบื้องต้น ทั้งนี้แม้เราจะห้าม อาการเจ็บป่วย ปวดเมื่อยต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ไม่ได้ แต่ไม่ควรคิดว่าการทานยาพาราเซตามอลเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่แม่ตั้งครรภ์สามารถทำได้เป็นปกติ ทั้งนี้ มีงานวิจัยของ Oxford University Press ตีพิมพ์ใน International Journal of Epidemiology เผยการค้นพบน่าตกใจว่า คนท้องที่ได้รับยาพาราเซตามอลมากเกินไปขณะตั้งครรภ์ มีความเสี่ยง ที่ลูกในครรภ์ จะเกิดปัญหาสมาธิสั้น และ ออทิสติกมากกว่า เด็กที่ไม่ได้รับยาขณะที่แม่ตั้งครรภ์ถึง 30 % และงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of Bristol ประเทศอังกฤษ และ Oslo University ประเทศนอร์เวย์ ค้นพบว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ทานยาพาราเซตามอล เป็นประจำในช่วงอายุครรภ์ 6 เดือนแรก  จะส่งผลให้ทารกในครรภ์มีภาวะ เสี่ยงต่อการเป็นโรคหอบหืด เมื่อโตขึ้นได้สูงถึง 29 เปอร์เซ็นต์

 

 

 

คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาพาราไหม?

สำคัญที่สุดคือ อย่าซื้อยารับประทานเอง ซึ่งในทางการแพทย์ยำจุดประสงค์จากงานวิจัยดังกล่าว เพื่อให้คุณแม่ ที่กำลังตั้งครรภ์ตระหนัก ถึงความสำคัญ และ การใช้ยาอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะ มักใช้ยาพาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการ ปวดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งหากไม่จำเป็นจริง ๆ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาทุกประเภท โดยเฉพาะในระหว่าง 8-10 สัปดาห์แรก ของการตั้งครรภ์เพราะเป็นช่วงที่สมอง ปอด และหัวใจของลูกในท้องกำลังพัฒนา การใช้ยา บางชนิดอาจทำให้อวัยวะ และพัฒนาการของทารกไม่สมบูรณ์อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง: คนท้องกินยาแก้เมารถได้ไหม แม่ท้องควรทำอย่างไรไม่ให้เมารถ เมาเรือ

 

 

อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่ท้องรู้สึกมีอาการปวดหัว ปวดหลัง หรือกล้ามเนื้อเป็นตะคริว มีอาการนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เกิดขึ้น สามารถเลือกวิธีรักษาหรือบำบัดอาการต่าง ๆ ด้วยวิธีทางธรรมชาติจะดีที่สุด ถ้ามีอาการปวดเมื่อยธรรมดาไม่ร้ายแรง การใช้ยาชนิดครีมนวดที่เป็นยาใช้ภายนอก เพื่อบรรเทาอาการจะปลอดภัยและไม่เกิดผลข้างเคียงกับทารกในครรภ์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรพักผ่อนให้มากขึ้น หาอะไรทำเพื่อผ่อนคลายเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด  ที่สำคัญควรปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ ก่อนหยิบยามารับประทาน

 

นอกจากแอปพลิเคชัน  theAsianparent ที่ให้ข้อมูลดีๆ สำหรับคุณแม่และการเลี้ยงดูบุตรแล้ว ช่วงนี้ การเดินทางออกไปข้างนอกค่อนข้างเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ Covid-19 ดังนั้นจึงมีแอปพลิเคชันดี ๆ ให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น ปรึกษาคุณหมอออนไลน์ที่  Good Doctor ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่และคนทั่วไปหาความรู้เรื่องสุขภาพและการใช้อย่างถูกวิธี อีกทั้งยังสามารถรับยาที่ส่งตรงถึงบ้านเหมือนมีแพทย์ประจำบ้านไว้ให้อุ่นใจยามต้องกักตัวและสะดวกต่อการเดินทาง แถมยังมั่นใจว่าได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง สามารถเข้าไปโหลดแอปได้ที่ App Store หรือ Google Play ได้เลยค่ะ

 

 

บทความที่น่าสนใจ :

ยา 10 ชนิดที่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย มีอะไรบ้าง คุณแม่ต้องระวัง

คนท้องไม่ควรกินยาอะไร ยาแก้ปวดที่คนท้องห้ามกิน มีผลต่อหัวใจและหลอดเลือดลูกในท้อง

คนท้องมือชา อันตรายไหม มีวิธีแก้อาการมือชาตอนท้องอย่างไร

ที่มา : sukkaphap-d, 2 , aafp , ncbi

บทความโดย

Napatsakorn .R