เด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายจัดการปัญหาต่างกัน เว็บไซต์ Daily Mail อ้างถึงวารสารวิชาการเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กระบุว่า ความแตกต่างนี้เริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก โดยเด็กชาย และ ผู้ชายส่วนใหญ่อยากจะบอกเล่าปัญหา แต่กลับไม่กล้า เพราะอาย และ กลัวว่าจะเป็นแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น ๆ
นักวิจัยศึกษากลุ่มเด็ก และ วัยรุ่นจำนวน 2,000 คน โดยถามว่า การบอกเล่าปัญหาทำให้พวกเขารู้สึกอย่างไร คำตอบของ เด็กผู้ชาย คือ ไม่เห็นว่าการพูดถึงปัญหาจะช่วยอะไรได้ แต่กลับมองว่าเป็นการเสียเวลา วิธีอื่นต่างหากที่จะ ช่วยจัดการปัญหาได้ดีกว่า จึงหันไปทำกิจกรรมอื่น เพื่อให้เลิกคิดถึงมัน ขณะที่ เด็กผู้หญิง เชื่อว่า การบอกเล่าปัญหาจะช่วยทำ ให้พวกเธอรู้สึกดีขึ้น ซึ่งทัศนคติที่แตกต่างกันของ หญิง – ชาย ในเรื่องนี้ อธิบายได้ว่าทำไม ผู้หญิง กับ ผู้ชาย ถึงมีปัญหากันเรื่องความสัมพันธ์ เช่น
วัย 6-12 เดือน
เด็กผู้หญิง
ในวัยราว 7 เดือนนั้น เมื่อเทียบตามตารางน้ำหนักของ เด็กผู้หญิง เริ่มไล่ทันเด็กผู้ชายแล้วละก็ ระดับฮอร์โมน เอสโตรเจน ที่สูงกว่าใน เด็กผู้หญิง ทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้าย และ ซีกขวา ศาสตราจารย์ไซมอน บารอน จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ บอกว่า สมองของ เด็กผู้หญิง มักแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ ส่วนของ เด็กผู้ชาย มักแสดงออกถึงความเข้าใจ
คุณพ่อ คุณแม่ โปรดระมัดระวังไว้นะคะการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ระหว่าง เด็กผู้หญิง กับ เด็กผู้ชาย เพราะ คุณพ่อ คุณแม่ มักปฏิบัติต่อ เด็กผู้หญิงอ่อน โยนกว่า และ เมื่อทำผิด พ่อแม่ มักเข้าข้าง เด็กผู้หญิง มากกว่ามาก ๆ ยังมีการศึกษาอีกหนึ่งฉบับ ที่ได้ทำการทดลองโดยแบ่งเด็ก ( ชาย หญิง ปะปนกัน) วัย 9 เดือน ออกเป็น 2 กลุ่ม แล้วทำการสังเกต พวกเขามองเห็นปฏิกิริยาที่แสดงออกแล้ว สามารถแยกเพศของเด็กได้ ซึ่งถ้าเป็น เด็กผู้ชาย มักแสดงให้เห็นถึง “ความโกรธ” ขณะที่กลุ่มของ เด็กผู้หญิง มักแสดงให้เห็นถึง “ความกลัว”
เด็กผู้ชาย
เด็กผู้ชายนั้น 70 % มีความสามารถทางการได้ยินด้อยกว่า เด็กผู้หญิง ในช่วงวัยนี้ จัดเป็นความแตกต่างทางด้านร่างกายมาก ๆ แต่เป็นส่วนผสมของการจับคู่ที่ผิดพลาดในเรื่องทักษะการสื่อสารระหว่าง สองเพศ และ เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ว่า ทำไม ผู้ชาย ถึงพูดเสียงดังกว่า ผู้หญิง
ศาสตราจารย์ไซมอนบอกว่า ระดับเทสโทสเตอโรนของ เด็กผู้ชาย ทำให้ความเชื่อมโยงทางสมองเติบโตเชื่องช้าลงไป จึงต้องพึ่งสมองซีกซ้ายในการแก้ไขปัญหา เป็นสาเหตุที่ เด็กผู้ชาย มีทักษะทางคณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ดีกว่า แต่มีความสามารถในการสื่อสารแย่กว่านั่นเอง
ฉะนั้นสิ่งที่ พ่อแม่ ควรทำตั้งแต่ลูกยังเด็ก ก็คือส่งเสริมให้ เด็กผู้ชาย ได้พูดถึงปัญหา ให้เด็ก ๆ รู้ว่าบางครั้งการพูดความรู้สึกก็เป็นเรื่องที่ดี ขณะเดียวกันก็สอนให้เด็กหญิง รู้ว่า พวกเธอไม่ควรจะไปหมกหมุ่นกับปัญหามากเกินไปค่ะ
ที่มาอ้างอิง sanook.com
theAsianparent Thailand เชื่อว่าการศึกษาที่ดีจะช่วย เสริมสร้างรากฐานที่ดีให้กับเด็ก เป็นการเริ่มต้นสร้างสภาะแวดล้อม ในการเรียนรู้ได้อย่างสมวัย และ เป็นไปตามที่ พ่อแม่ ต้องการการเลือกโรงเรียนให้กับลูกคือหัวใจหนึ่งของการศึกษา เพราะการเลือกโรงเรียนตั้งแต่เนอสเซอรี่ การเลือกโรงเรียนอนุบาล เป็นด่านแรกที่จะช่วยเสริมสร้าง พัฒนาการให้กับลูกได้ เช่น มีหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หลักสูตรวิชาการที่ พอดีกับการเรียนรู้ การใช้ Play Base Learning เพื่อเสริทสร้างพหุปัญญษทั้ง 8 ด้าน หรือ EF ที่ทำให้ลูกได้เรียนรู้ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill อย่างสมดุลย์ เพราะการเรียนรู้ที่ดี สามารถเรียนรู้ได้ต่อเนื่องไม่จำกัด และ ทำให้เด็กค้นพบตัวตน และ มีความสุขกับการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
วิธีเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีและมีความสุข
สิ่งที่พ่อแม่มักทำพลาดเมื่อเลี้ยงลูก