ท้องโต ลูกในท้องตัวใหญ่ แม่ต้องระวังอะไรบ้าง?
ลูกในท้องตัวใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าลูกจะแข็งแรงเสมอไป อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพได้ วันนี้เรามาดูวิธีดูแลตัวเองของคุณแม่กันค่ะ
ท้องโต ลูกในท้องตัวใหญ่ เมื่อตั้งครรภ์ไปสักระยะหนึ่ง และสังเกตเห็นว่าท้องของคุณแม่โตเร็วกว่าเพื่อนๆ ที่ตั้งท้องเหมือนกัน หรือมีขนาดใหญ่กว่าที่คิดไว้ หลายคนเข้าใจผิดว่ายิ่งลูกในท้องตัวใหญ่ ยิ่งแข็งแรง แต่ความจริงแล้ว การที่ลูกน้อยในครรภ์มีน้ำหนักมากเกินไป อาจเป็นสัญญาณของปัญหาตามมาหลายอย่าง บทความนี้เราจะมาดูว่าหากคุณแม่มีลูกในท้องตัวใหญ่ จะเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง และต้องระวังเรื่องอะไรกันบ้าง
ภาวะท้องโต ลูกในท้องตัวใหญ่
ภาวะท้องโต ซึ่งเรียกว่า “ภาวะทารกตัวโต” หรือ “Macrosomia” หมายถึง ท้องของหญิงตั้งครรภ์มีขนาดใหญ่กว่าปกติเมื่อเทียบกับอายุครรภ์ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือ ลูกในท้องตัวใหญ่ นั่นเองค่ะ การที่คุณแม่ตั้งครรภ์แล้วมีท้องโตกว่าปกติ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขณะตั้งครรภ์ หรือการเจริญเติบโตของทารกเกินกว่าอายุครรภ์
ทำไมลูกในท้องถึงตัวใหญ่
การที่ลูกน้อยในท้องมีขนาดใหญ่กว่าปกตินั้น อาจเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งแต่ละปัจจัยก็มีผลกระทบต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยแตกต่างกันไปค่ะ
- พันธุกรรม หากคุณแม่หรือคุณพ่อมีรูปร่างสูงใหญ่ หรือมีประวัติครอบครัวที่มีลูกตัวใหญ่ตั้งแต่เกิด ลูกน้อยก็มีแนวโน้มที่จะตัวใหญ่ตามไปด้วยค่ะ
- ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่สูงขึ้นเกินกว่าปกติ ร่างกายของลูกน้อยจะได้รับน้ำตาลจำนวนมาก ทำให้ลูกน้อยเติบโตเร็วและมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
- น้ำหนักตัวคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์ หากคุณแม่มีน้ำหนักเกินก่อนตั้งครรภ์ ลูกน้อยก็มีแนวโน้มที่จะตัวใหญ่ได้เช่นกัน
- การรับประทานอาหาร หากคุณแม่รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและแป้งมากเกินไป ร่างกายจะเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลส่วนเกินไปเป็นไขมันสะสม ทำให้ลูกน้อยได้รับพลังงานมากเกินไปและตัวใหญ่ตามมา
- การตั้งครรภ์เกินกำหนด หากครรภ์เลยกำหนดคลอดไปแล้ว ลูกน้อยก็จะมีโอกาสที่จะตัวใหญ่ขึ้น เนื่องจากได้รับสารอาหารจากแม่นานขึ้น
- รกมีขนาดใหญ่ รกมีหน้าที่ในการส่งสารอาหารและออกซิเจนไปยังลูกน้อย หากรกมีขนาดใหญ่ก็อาจทำให้ท้องโตขึ้นได้เหมือนกัน
- ปัจจัยอื่นๆ เช่น การใช้ยาบางชนิด ภาวะทางการแพทย์บางอย่างของแม่ เช่น โรคต่อมไทรอยด์ หรือการตั้งครรภ์แฝด
ภาวะท้องโตและ ลูกในท้องตัวใหญ่ มีผลเสียอย่างไร ?
ภาวะท้องโตหรือลูกในท้องตัวใหญ่นั้น อาจฟังดูเป็นเรื่องดีที่ลูกน้อยแข็งแรง แต่แท้จริงแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้หลายด้าน ดังนี้ค่ะ
-
ผลกระทบต่อคุณแม่
-
- การคลอดยาก ลูกน้อยที่มีขนาดใหญ่ อาจทำให้ช่องคลอดของแม่แคบลง ส่งผลให้การคลอดเป็นไปได้ยากขึ้น อาจต้องใช้เวลานานขึ้น หรืออาจต้องผ่าคลอด
- บาดเจ็บขณะคลอด ทั้งคุณแม่และลูกน้อยอาจได้รับบาดเจ็บระหว่างการคลอด เช่น กระดูกไหปลาร้าหักของลูกน้อย หรือการฉีกขาดของช่องคลอดในแม่
- ภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด คุณแม่อาจมีภาวะเลือดออกหลังคลอด หรือการติดเชื้อได้
- ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ภาวะท้องโตอาจเกี่ยวข้องกับภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ หรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์
-
ผลกระทบต่อลูกน้อย
-
- บาดเจ็บขณะคลอด ลูกน้อยอาจได้รับบาดเจ็บจากการคลอด เช่น กระดูกไหปลาร้าหัก หรือการบาดเจ็บที่เส้นประสาท
- ภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด ลูกน้อยอาจมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะขาดออกซิเจน หรือความผิดปกติของอวัยวะภายใน
- ปัญหาสุขภาพในระยะยาว ในบางกรณี ลูกน้อยที่ตัวใหญ่อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน หรือโรคเบาหวานได้ในอนาคต
ลูกในท้องตัวใหญ่ ต้องระวังอะไรบ้าง และปฏิบัติตัวยังไง ?
การมีลูกน้อยตัวใหญ่ คุณแม่หลายท่านส่วนใหญ่มักกังวลใจเกี่ยวกับความปลอดภัยในการคลอดและสุขภาพของลูกน้อย การเตรียมตัวล่วงหน้าและมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกมั่นใจและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
1. ปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- ติดตามการเจริญเติบโตของลูกน้อย แพทย์จะทำการตรวจอัลตร้าซาวด์เป็นระยะ เพื่อประเมินขนาดของลูกน้อย และติดตามการเจริญเติบโตว่าเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่
- วางแผนการคลอด แพทย์จะร่วมกับคุณแม่วางแผนการคลอดที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งอาจเป็นการคลอดธรรมชาติ หรือการผ่าคลอด ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแม่และขนาดของลูกน้อย
- ปรึกษาเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะอธิบายถึงความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อให้คุณแม่เตรียมตัวรับมือได้อย่างเหมาะสม
2. ควบคุมน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ
- พบแพทย์เป็นประจำเพื่อกำหนดน้ำหนักที่เหมาะสม แพทย์จะแนะนำน้ำหนักที่คุณแม่ควรเพิ่มขึ้นในแต่ละไตรมาสของการตั้งครรภ์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง โปรตีน และวิตามิน เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนทั้งแม่และลูก
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและอาหารไม่มีประโยชน์ อาหารเหล่านี้มักมีน้ำตาลและไขมันสูง ซึ่งอาจทำให้คุณแม่และลูกน้อยมีน้ำหนักเกินได้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน หรือโยคะ จะช่วยให้คุณแม่แข็งแรง และควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น
3. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ หากคุณแม่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง แพทย์จะแนะนำให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ
- ควบคุมอาหาร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยเน้นอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง หากแพทย์สั่งยาควบคุมระดับน้ำตาล ควรทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
4. เตรียมตัวสำหรับการคลอด
- เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการคลอด ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ของการคลอด ทั้งการคลอดธรรมชาติและการผ่าคลอด
- ฝึกหายใจและผ่อนคลาย การฝึกหายใจและการผ่อนคลายจะช่วยให้คุณแม่สามารถรับมือกับความเจ็บปวดระหว่างการคลอดได้ดีขึ้น
- เตรียมกระเป๋าไว้ล่วงหน้า เตรียมกระเป๋าใส่ของใช้ส่วนตัวและของใช้สำหรับลูกน้อยให้พร้อม เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปโรงพยาบาล
- ปรึกษาพูดคุยกับคนใกล้ชิด การพูดคุยกับคนที่อยู่ใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสามี คุณตาหรือคุณยาย หรือญาติผู้ใหญ่ที่เราไว้ใจเกี่ยวกับการคลอด และขอให้เขาให้กำลังใจและช่วยเหลือคุณแม่
นอกจากนี้ คุณแม่ยังควรพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและพร้อมสำหรับการคลอดและลดความเครียดลง เพราะความเครียดอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยได้ ควรหาเวลาทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือทำสมาธิ
การป้องกันไม่ให้ลูกในท้องตัวใหญ่
เพื่อความปลอดภัยในการคลอดและสุขภาพของลูกน้อย ดังนั้นการป้องกันเบื้องต้นเพื่อไม่ให้ลูกน้อยตัวใหญ่เกินไป จึงเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งค่ะ
- ควบคุมน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก่อนตั้งครรภ์ จะช่วยลดความเสี่ยงในการมีลูกน้อยตัวใหญ่ได้
- ปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์ การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์จะช่วยให้แพทย์ประเมินสุขภาพโดยรวม และวางแผนการตั้งครรภ์ที่เหมาะสม
- ควบคุมอาหาร เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เพราะอาหารแปรรูปมักมีน้ำตาลและไขมันสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อน้ำหนักตัวของคุณแม่และลูกน้อย และดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ
- ออกกำลังกาย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และควบคุมน้ำหนักได้ดี
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด หากคุณแม่มีประวัติโรคเบาหวานในครอบครัว หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขณะตั้งครรภ์
- พบแพทย์ตามนัด การไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้แพทย์ติดตามการเจริญเติบโตของลูกน้อย และตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ทำไมการควบคุมน้ำหนักถึงสำคัญ ?
เพราะการที่คุณแม่มีลูกน้อยในท้องตัวใหญ่ อาจส่งผลต่อการคลอดและสุขภาพของลูกน้อยได้ ดังนั้นการควบคุมน้ำหนักจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อ
- ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง และครรภ์เป็นพิษ
- ช่วยให้การคลอดเป็นไปได้ง่ายขึ้น ลูกน้อยที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จะช่วยลดความเสี่ยงในการผ่าคลอด
- ส่งผลดีต่อสุขภาพของลูกน้อย ลูกน้อยที่ได้รับสารอาหารที่พอดีและเพียงพอ จะมีสุขภาพแข็งแรงและพัฒนาการที่ดี
การมี ลูกในท้องตัวใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่จะต้องเผชิญกับปัญหาเสมอไป หากคุณแม่ดูแลสุขภาพตนเองและลูกน้อยอย่างดี และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็สามารถคลอดลูกน้อยออกมาได้อย่างปลอดภัยและสุขภาพแข็งแรง สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณแม่ต้องไม่กังวลจนเกินไป ควรหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเบาๆ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อมีข้อสงสัย เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่น
ที่มา : หาหมอ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
14 ข้อห้ามคนท้อง พฤติกรรมเสี่ยงแท้ง ของแม่ตั้งครรภ์ ห้ามทำแบบนี้
คนท้องปวดฟัน ฟันผุ เหงือกอักเสบ เสี่ยงคลอดก่อนกำหนดจริงหรือ ?
คนท้องนอนไม่หลับอันตรายไหม? มัดรวม 13 วิธีทำให้คนท้องหลับง่ายขึ้น