สีน้ำมัน นับว่าเป็นสีที่มีการคิดค้นกันมาอย่างยาวนาน สีน้ำมันมันนั้นมักแห้งช้า แต่ติดทนนาน ยึดติดบนวัสดุได้หลากหลาย จึงมีศิลปินหลายคน คิดค้นการนำสีน้ำมันมาพลิกแพลงได้มากมาย ทั้งยังใช้สำหรับงานทาไม้, โลหะ หรือแม้แต่ทาผิวปูน และคอนกรีต เพื่อทำให้เกิดความเงางาม ทำความสะอาดได้ง่าย สีน้ำมันนั้น จะใช้ในเชิงศิลปะก็ได้ หรือจะใช้ในเชิงงานช่างก็ได้อีกเช่นกัน ถือเป็นสีที่มีความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายเป็นอย่างมาก แต่ในวันนี้ เราจะมาแนะนำสีสำหรับผู้คนที่สนใจในด้านศิลปะ แต่ยังไม่มั่นใจว่าควรจะซื้อยี่ห้อไหนดี เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีทั้งราคา ขนาด และเกรดที่ต่างกัน เราจึงจะมาแนะนำสีน้ำมันสำหรับผู้ที่อยากลองวาดรูปกันคะ
วิธีการเลือกสีน้ำมัน
ปัจจุบันสีน้ำมันไม่ได้ถูกนำมาใช้ในงานศิลปะเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการนำไปใช้ในด้านงานช่างเพิ่มมากขึ้น แต่ประเภทของสีน้ำมันในทุกวันนี้ค่อนข้างหลากหลายกว่าเดิม มีสีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันค่ะ
เลือกระดับคุณภาพของสีน้ำมันตามความต้องการในการใช้งาน
สีน้ำมันสำหรับงานศิลปะ
สำหรับงานศิลปะที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีจุดเด่น ก็คือ ความสดและเมื่อสีแห้งจะมีความเงา สวยงาม แต่สีน้ำมันก็ถือว่าเป็นสีที่มีวิธีการใช้งานยากที่สุด เช่นเดียวกัน เพราะนอกจากจะมีลักษณะการผสมสีที่แตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ ตั้งแต่สีน้ำมันเกรดวาดเล่น ไปจนถึงเกรดมืออาชีพ สีนี้ำมันก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างมีคุณภาพและน่าดึงดูดไม่น้าอยเลยค่ะ
สีน้ำมันสำหรับทาไม้
นอกจากใช้กับงานศิลปะแล้ว ปัจจุบันยังนำมาถูกใช้งานกับงานไม้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยจะนิยมใช้ทินเนอร์ผสมก่อนใช้งานและมีคุณสมบัติทนแดด ทนฝนและทนน้ำได้เป็นอย่างดี แต่ะจัมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวของสีน้ำมันทาไม้ คือ แห้งช้าและมีกลิ่นรุนแรงจากการผสมทินเนอร์ แต่ถ้าให้แนะนำสีที่จะนำมาทาบ้านทั้งภายนอกและภายใน ก็คงไม่พ้นที่จะแนะนำสีน้ำมันนี่แหละค่ะ ตอบโจทย์ที่สุดแล้ว
สีน้ำมันสำหรับเคลือบเงาเหล็กและโลหะ
หลาย ๆ คนได้หันมาเลือกใช้สีน้ำมันเพื่อเคลือบเงาเหล็กและโลหะกันมากขึ้น เพราะว่าจุดเด่นของสีน้ำมันคือ ความเงางาม หากนำมาทางงานเหล็กหรือโลหะก็จะยิ่งทำให้มีความสวย เงางามมากขึ้น การดูแลรักษาทำความสะอาดก็ยังสามารถทำได้ง่าย อีกทั้งบางยี่ห้อยังมีคุณสมบัติที่จะช่วยป้องกันสนิทเรียกได้เลยว่าตอบโจทย์งานเคลือบเป็นอย่างดีค่ะ
7 ยี่ห้อ สีน้ำมัน สำหรับผู้รักในศิลปะ ที่คุณจะต้องลองซื้อมาใช้
1. winsor and newton
นี้คือสีน้ำมันที่โด่งดังมาอย่างยาวนาน ถึงขนาดที่ใครมาทางสายศิลปะทุกคนต้องรู้จัก ด้วยราคาที่สูงกำลังพอดี มีสีที่เข้มขน สวยงาม สีสันสดใส ทั้งยังยึดเกาะพื้นผิววัสดุได้แน่น และมีสีให้เราเลือกมากมากมากกว่า 50 เฉดสี ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกเฉดสีที่อยากจะได้ ให้ตรงกับความต้องการมากที่สุดอย่างไม่ต้องกังวลใจ ด้วยราคา และความสามารถของสีน้ำมัน จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีของผู้เริ่มต้น หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการใช้งานแบบจริงจัง
ปริมาณ: 37 ml.
มีให้เลือก : 46 สี
ราคา: 155 บาท
2. Holbein
Holbein คือสีน้ำมันเกรดอาร์ทติสจากประเทศญี่ปุ่น ทางการผลิตจะใช้อัตราส่วนของน้ำมันที่ไม่เท่ากันในแต่ละสี เพื่อควบคุมให้แต่ละเนื้อสีเหมือนกันหมด โดยสารยึดเกาะ หรือ Binder ที่ใช้ จะมีน้ำมันลินสีด, น้ำมันเมล็ดดอกป๊อปปี้ และน้ำมันดอกคำฝอย และสีของยี้ห้อนี้ค่อนข้างที่จะแห้งช้า เนื่องจากมี Poppy seed Oil เป็นส่วนผสม แต่ที่สำคัญเลยก็คือ นี้คือสีน้ำมันที่เราสามารถซื้อได้ที่ไทย ในราคาที่ถูกกว่าที่ยุโรป สำหรับคนอยากประหยัดงบ ต้องลองซื้อมาใช้สักครั้งดูแล้วละคะ
ปริมาณ : 5 ml. / เซ็ต 12 สี
ราคา : 1,150 บาท
3. Renaissance
Renaissance ถือเป็นยี้ห้อที่ คนเข้าวงการศิลปะช่วงแรกๆมาต้องเคยเห็นผ่านตามาบ่อยมาก ไม่จะเป็นร้านเครื่องเขียน หรือร้านขายเฉพาะของศิลปะ เนื่องจากราคาที่สมเหตุสมผล และความสดใสของสี ทั้งยังสามารถน้ำไปผสมกับสื่อผสมอื่นๆ เพื่อพัฒนาเทคนิคต่างๆ จึงถือเป็นอีกยี้ห้อที่เหมาะสำหรับคนที่พึ่งเริ่มฝึกวาด หรือแม้แต่นักศึกษาที่กำลังเรียนด้านศิลปะอย่างจริงจัง
ปริมาณ : 12 ml. / เซ็ต 12 สี
ราคา : 190 บาท
4. Reeves
อาจเป็นสียี่ห้อที่ไม่ดังมาก ถ้าไม่ได้ค้นหายี่ห้อของสีน้ำมัน แต่ถ้าได้เข้ามาฝึกในด้านศิลปะแล้วละก็ นี้คือตัวเลือกที่เกือบจะดีที่สุดสำหรับมือใหม่ โดยเฉพาะมือใหม่ที่อาจมีงบค่อนข้างน้อย ด้วยความที่เป็นสีน้ำมันคุณภาพดี ราคาถูก แถมยังเป็นสีที่ใช้ผสมกับน้ำมันลินสีด ทำให้ระบายง่าย เนื้อสีมีความคมชัด และยังเหมาะสำหรับวาดบนผ้าใบแคนวาส หรือเฟรมแคนวาส จึงเป็นสีน้ำมันยอดฮิตสำหรับผู้เริ่มฝึกฝนหลายๆท่าน ทั้งยังพกพาสะดวก ไม่เกะกะพื้นที่อีกด้วย
ปริมาณ : 12 ml. / เซ็ต 12 สี
ราคา : 198 บาท
5. Lefranc
สีน้ำมัน Lefranc คือสีน้ำเข้าจากฝรั่งเศษ ด้วยความที่มีสีสันสด ปริมาณเม็ดสีมากถึง 60% ใช้งานง่าย ตัวหลอดสีก็ถูกปิดด้วยฝาแบบเกลียว ทำให้สีไม่ปกออกมาเลอะเทอะ และยังเปิดใช้ได้ง่าย แถมยังมีสีให้เลือกใช้ได้หลายเฉดสี ทั้งยังสามารถน้ำสีไปผสมกับเทคนิคอื่นๆได้หลากหลาย ทั้งยังพกพาง่าย ไปไหนมาไหนสะดวก เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่เรียนศิลปะอยู่เป็นอย่างมาก
ปริมาณ : 40 ml.
มีให้เลือก : 48 สี
ราคา : 341 บาท
6. SILPAKORN PRADIT
เป็นยี่ห้อสีที่ถูกพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยศิลปากร สีน้ำมันยี่ห้อนี้ถือเป็นสีน้ำมันที่มีเนื้อสีเข้มข้น ละเอียด สวยงาม มีทั้งหมด 12 สี ติดทนนานมาก ๆ เหมาะสำหรับใช้ในงานศิลปะโดยเฉพาะ ราคาไม่แพงแต่แน่นไปด้วยคุณภาพ ใครที่กำลังมองหาสีน้ำมันในราคาเบา ๆ สีน้ำรุ่นนี้ตอบโจทย์ที่สุดค่ะ
ปริมาณ : 12 ml/หลอด
มีให้เลือก : 12 สี
ราคา : 299 บาท
7. Rembrandt
สีน้ำมันเกรดอาร์ทติสจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นสีระดับกลาง มีเนื้อสีที่ค่อนข้างนิ่มถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่น จุดเด่นอยู่ที่สีโปร่งแสงสวยมาก ๆ และบางตัวใช้ดีพอ ๆ กับแบรนด์ที่เกรดสูงกว่าเสียด้วยค่ะ
ปริมาณ : 40 ml.
มีให้เลือก : 41 สี
ราคา : 477 บาท
ตารางเปรียบเทียบราคาล่าสุด
|
ยี่ห้อ |
ปริมาณ |
ราคา |
winsor and newton |
37 ml. |
155 บาท |
Holbein |
330 ml. |
1,150 บาท |
Renaissance |
12 ml. |
190 บาท |
Reeves |
12 ml. |
198 บาท |
Lefranc |
40 ml. |
341 บาท |
SILPAKORN PRADIT |
12 ml |
299 บาท |
Rembrandt |
40 ml. |
477 บาท |
บทที่ paintyoustudio , mybest
บทความอื่นที่น่าสนใจ
เทคนิคการเลือกสีทาบ้าน การเลือกสีทาภายในและภายนอกอาคาร
ระบายสีช่วยอะไร การระบายดีจะทำให้เด็กได้ทักษะที่ดี เสริมความสร้างสรรค์
5 สีโปสเตอร์ คุณสมบัติน่าใช้ พกพาง่าย ปลอดภัย ให้สีสวย ยี่ห้อไหนดีที่สุด?