สำหรับสาว ๆ ที่ชอบทำผมแล้วนั้น การที่มีปัญหาผมเหลือง ผมสีเพี้ยนจากที่ย้อม หรือแม้แต่การที่สีผมดูแลยาก สระผมไม่นานสีผมที่ย้อมมาก็เริ่มหลุดเสียแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงดี ดังนั้นแชมพูม่วงจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่ทำผมสีอ่อน หรือฟอกสีผม การที่ใช้แชมพูม่วงสระผมแทนแชมพูปกติ ก็จะช่วยให้สีผมติดทนได้ยาวนานกว่าเดิม แถมยังช่วยลดเม็ดสีเหลืองในเส้นผมของเราอีกด้วย อย่างไรก็ดี แชมพูม่วงนั้นก็มีการเลือกที่แตกต่างจากแชมพูทั่วไป เราจึงรวบรวมแชมพูม่วงที่น่าสนใจ สำหรับคนรักการทำสีผมมาให้ค่ะ
ทำไมต้องใช้แชมพูม่วง?
แชมพูม่วงจะช่วยในเรื่องของการรักษาสีผมให้ติดทนนาน ช่วยชะลอเม็ดสีเหลืองในเส้นผม เพราะโดยส่วนใหญ่สีผมจะซีดจางไวหรือเปลี่ยนเฉดสีไปเป็นสีอื่นทุกครั้งที่สระผม ยิ่งสระบ่อย สีก็ยิ่งหลุดไวมากเท่านั้น ในเส้นผมของเราจะมีเม็ดสีเหลือง ส้ม แดง เช่น ผมที่ผ่านการฟอกสีจะกลายเป็นสีออกเหลือง ผมสีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว หรือผมสีเทาก็จะเปลี่ยนเป็นสีทองค่ะ และที่สำคัญ แชมพูม่วงจะใช้ได้ดีกับผมที่ผ่านการทำสีมาแล้ว เช่น สีบลอนด์หรือสีเทา แต่จะไม่ได้เป็นแชมพูเปลี่ยนสีผมเพราะถ้าหากใช้กับผมสีดำหรือผมสีเข้มก็จะไม่เห็นผลใด ๆ วิธีการใช้ก็ง่าย ๆ เลยค่ะ เหมือนเราใช้แชมพูสระผมตามปกติ แล้วก็ล้างออกได้เลย แต่ตอนที่ใช้แชมพูม่วง แนะนำว่าให้ใส่ถุงมือด้วยจะดีมากค่ะ ป้องกันไม่ให้สีติดที่เล็บเราค่ะ
แชมพูม่วงใช้อย่างไร?
จะต้องตีฟองโฟมและชโลมให้ทั่วศีรษะ และทิ้งไว้สักพักหนึ่งเพื่อให้แชมพูทำงาน โดยระยะเวลาที่ทิ้งไว้ดูได้จากฉลากข้างกล่อง มีทั้งไม่กี่นาที - 30 นาที ระยะเวลานี้เองที่มีผมต่อสีผมของคุณ
ถ้าหากอยากเพิ่มการบำรุงที่ดีมากยิ่งขึ้น แนะนำให้ผสมกับแชมพูสระผมทั่วไปเล็กน้อย แต่ถ้าเน้นในเรื่องของการดูแลสีผม ก็ควรเพิ่มความถี่ในการใช้แชมพูม่วงสระผม แต่สารบำรุงในแชมพูม่วงนั้นจะน้อยกว่า สำหรับเส้นผมที่ถูกทำร้ายด้วยสารเคมี ดังนั้นเราควรที่จะใช้ทรีทเมนท์บำรุงผมเข้ามาควบคู่ด้วยหลังสระ เพื่อให้ผมมีสุขภาพที่แข็งแรง นุ่มสลวยเงางามค่ะ
7 แชมพูม่วง สำหรับคนรักการทำสีผม ที่จะช่วยให้สีติดทนนานมากยิ่งขึ้น
[product-comparison-table title="แชมพูม่วงน่าใช้ ป้องกันสีผมเฟดไว"]
1. Schwarzkopf Goodbye Yellow Shampoo
แชมพูม่วง Goodbye Yellow Shampoo
นี้คือแบรนด์ที่คนชอบทำสีผมหลายคนน่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง โดย Schwarzkopf มีค่า pH 4.5 ที่ลดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ช่วยปรับคอนทราสสีผมโทนเย็นให้อยู่ติดทนและยาวนาน ทำให้ผมแข็งแรงขึ้น และทำให้ผมไม่เฟดเหลือง ที่สำคัญยังปราศจากซัลเฟต สำหรับวิธีใช้ให้ชโลมแชมพูสีม่วงลงบนผมเปียก ทิ้งไว้ 5-30 นาที ตามแต่ระดับสีที่ต้องการ แต่ถ้าต้องการแค่รักษาสภาพสีผม ให้หมักไว้ 5 นาทีก็เพียงพอแล้วค่ะ
ปริมาณ 300 ml.
ราคา 700 บาท
2. TRESemmé
แชมพูม่วง Colour Radiance & Repair For Bleached Hair
TRESemmé ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมสีม่วงรุ่นนี้ โดดเด่นขึ้นมาด้วยคุณสมบัติอย่าง Purple Pigment Formula ที่ช่วยกดโทนสีเหลือง และส้มในเส้นผม ที่ผ่านการกัดสีหรือย้อมสีเทา ชมพู และบลอนด์ ให้คงอยู่ยาวนาน ช่วยล็อคสีผมให้ชัด ไม่ซีดเหลือง มีส่วนผสมของเม็ดสีสีม่วงที่เข้มข้น อีกทั้งยังมีคุณค่าของสารสกัด Plant Placenta Extract และ Color Radiance Booster ซึ่งจะช่วยฟื้นบำรุง และลดการเกิดผมเสียล้ำลึกถึงแกนผม เนื้อแชมพูจะมีความเหลวทำให้ใช้งานง่าย แถมยังมีฟองช่วยให้เข้าถึงเส้นผมได้อย่างทั่วถึง
ปริมาณ 250 ml.
ราคา 279 บาท
3. Joico
แชมพูม่วง Color Balance Purple Shampoo
นี้คือแชมพูม่วงแบรนด์ Joico ด้วยนวัตกรรม Multi-Spectrum Defense Complex ช่วยลดประกายเหลืองหรือทอง ปราศจากสารอันตรายและพาราเบน พร้อมบำรุงเส้นผมให้เงางามเป็นประกาย ฟื้นฟูผมเสียจากการทำสีให้กลับมามีสุขภาพดีขึ้น มีสารสกัดจากชาเขียว ช่วยดูดซับและต่อต้านการซีดจางของสีผม ช่วยปกป้องเส้นผมจากแสง UV พร้อมกับเทคโนโลยี SmartReleast ที่จะช่วยลำเลียงสารบำรุงเส้นผมที่มีอนุภาคเล็กมาก ๆ ให้เข้าไปทำการซ่อมแซม, เสริมสร้าง และปกป้องเส้นผมได้โดยตรง ซึ่งสารที่ว่านี้ก็จะอัดแน่นไปด้วยน้ำมันโรสฮิป, อาร์จินีน และเคราติน วิธีใช้คือชโลมทิ้งไว้ 1-3 นาที แล้วล้างออก โดยใช้ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หากผมเหลืองมากให้หมัก 5 นาที
ปริมาณ 300 ml.
ราคา 587 บาท
4. Schwarzkopf Bonacure Color Freeze Silver
แชมพูม่วง Bonacure Color Freeze Silver Shampoo
Schwarzkopf ตัวนี้ จะมาช่วยคุณแก้ปัญหาที่เวลาสระผมเสร็จ จะทำให้ผมแข็งหรือแห้ง จับแล้วรู้สึกกระด้าง ด้วยส่วนผสมของเคราตินเข้มข้น ที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างในส่วนของโครงสร้างเส้นผม พร้อมทั้งช่วยทำความสะอาดเส้นผมอย่างอ่อนโยน อีกทั้งแชมพูตัวนี้ยังเหมาะสำหรับที่ทำผมสีเทาซิลเวอร์, เทาสว่าง, รวมถึงเส้นผมที่ผ่านการฟอกสีมา เพียงแค่หมักแชมพูม่วงตัวนี้ทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วล้างออก ก็จะช่วยให้สีผมที่ทำมาติดทนนานขึ้น ลดไรเหลืองและให้สีโทนเทาดูเด่นชัด หากใช้เป็นประจำจะช่วยปรับค่า pH ให้กลับมาสมดุลที่ pH 4.5 ทำให้สีผมติดทนนาน ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ อีกทั้งยังมี Micellar Technology ที่จะช่วยดูดจับสิ่งสกปรก และสารเคมีที่ตกค้างออกจากเส้นผม และหนังศีรษะได้อย่างเกลี้ยงเกลา
ปริมาณ 250 ml.
ราคา 459 บาท
5. Farger
แชมพูม่วง Anti-Yellow Shampoo
แบรนด์ชมพูม่วง Farger ตัวนี้ ถือเป็นแชมพูที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่ผ่านการฟอกสีผมระดับ 8-10 มาแล้ว สามารถลดไรเหลืองส้ม หรือแก้ปัญหาสีผมเฟตได้ดีมาก ทำให้ผมที่ผ่านการฟอกดูขาวขึ้น ใช้ง่ายเพียงสระนวดประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออก นอกจากนี้ยังทำจากเเม่สีเกรดดีนำเข้าจากฝรั่งเศส เม็ดสีแน่น มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผม ทำให้ผมคงความชุ่มชื่น ไม่ติดกลิ่นสารเคมีให้ระคายเคือง
ปริมาณ 250 ml.
ราคา 170 บาท
6. Lolane
แชมพูสีม่วง Pixxel Color Refresh Shampoo - Ash
ปราศจากแอมโมเนียและไอโดรเจน นอกจากครีมเปลี่ยนสีผมหรือทรีทเมนท์แล้ว ก็ยังมีแชมพูสำหรับผมทำสีด้วย โดยที่แชมพูม่วงรุ่นนี้ก็มีให้เลือกหลายสีเลยทีเดียว แต่สีที่เรานำมาแนะนำในวันนี้จะเป็นสี Ash ซึ่งจะช่วยเติมประกายสีเทาให้กับเส้นผม และบำรุงผมให้สุขภาพดีขึ้น จึงมั่นใจได้เลยว่าเส้นผมของคุณจะไม่ถูกทำลาย และนอกจากนี้ เนื้อแชมพูยังมีเม็ดสีม่วงอัดแน่น จึงควรสวมถุงมือเวลาใช้งานด้วยนะคะ
ปริมาณ 250 ml.
ราคา 390 บาท
7. L'Oreal
แชมพูสีม่วง EverPure Brass Toning Shampoo
ตอบโจทย์สีผมโทนอ่อนและผมกัดสีโดยเฉพาะ สำหรับใครที่ทำผมสี Ash โทนสีอ่อน หรือกัดสีผมมา แชมพูม่วงหลอดนี้จะช่วยคงสีผมสวย ๆ ของคุณ ให้คงอยู่ และรักษาสีผมของคุณอย่างอ่อนโยน เพราะปราศจากสารซัลเฟตและสารเคมีที่จะทำร้ายเส้นผม พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยี Purple Dye ร่วมกับคุณค่าจาก Hibiscus จึงช่วยลดประกายเหลืองในเส้นผมให้มีความสมดุล สีผมไม่เพี้ยน และติดทนเป็นสีผมที่เราต้องการอย่างยาวนาน
ปริมาณ 200 ml.
ราคา 299 บาท
ตารางเปรียบเทียบราคาล่าสุด
ยี่ห้อ |
ปริมาณ |
ราคา |
Schwarzkopf |
300 ml. |
700 บาท |
TRESemmé |
250 ml. |
279 บาท |
Joico |
300 ml. |
587 บาท |
Schwarzkopf |
250 ml. |
459 บาท |
Farger |
250 ml. |
170 บาท |
Lolane |
250 ml. |
390 บาท |
L'Oreal |
200 ml. |
299 บาท |
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 แชมพูรังแค ป้องกันผมร่วง ลดอาการคันหนังศีรษะ และปัญหารังแคโดยเฉพาะ
7 แชมพูอัญชัน แก้ผมหงอก ลดอาการผมขาดหลุดร่วงที่ใช้ดีที่สุด
5 อันดับ แชมพูขจัดรังแคที่ดีที่สุด สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ในประเทศไทยในปี 2023
ที่มา : bestreview , my-best