เนื่องจากวัฏจักรของน้ำเป็นส่วนสำคัญของโลกและสุขภาพของโลก เป็นการไหลเวียนของน้ำประปาของโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่า เราทุกคนบนโลกจะมีปริมาณน้ำที่นำมาใช้ได้อย่างเพียงพอ และมีความยั่งยืนของระบบน้ำประปาโดยรวมของโลกของเรา ในวันนี้ เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ วัฏจักรน้ำ คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ไปดูกันเลย!
วัฏจักรน้ำ คืออะไร ? เกิดจากอะไร มีความสำคัญอย่างไร
วัฏจักรน้ำ เป็นการไหลเวียนของน้ำประปาของโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกระบวนการผลิตพร้อมหมุนเวียนน้ำมาใช้อย่างเป็นระบบทั่วโลก และมีกระบวนการที่มีการดำเนินการมาเป็นเวลาหลายปีนับไม่ถ้วน เป็นกระบวนการที่มีหลายแง่มุมแต่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่ก็เป็นส่วนสำคัญของระบบน้ำทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจว่า อะไรเป็นสาเหตุของวัฏจักรของน้ำ และวิธีการทำงาน
บางคนอาจจะสงสัยว่า วัฏจักรของน้ำเกิดจากอะไร ? ซึ่งเราจะพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่มีส่วนทำให้เกิดกระบวนการที่ทำให้ปริมาณน้ำของโลกหมุนเวียน ทั้งนี้ยังเกี่ยวข้องกับบทบาทของความร้อน การแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ แรงโน้มถ่วง และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ทำให้วัฏจักรของน้ำเกิดขึ้นและดำเนินต่อไป นอกจากนี้ การที่เราตรวจสอบขั้นตอนต่าง ๆ ของวัฏจักรของน้ำ จะมีความสำคัญที่มีต่อการรักษาสภาพอากาศของโลกอีกด้วย
ขั้นตอนการเกิดกระบวนการของ วัฏจักรน้ำ
-
ขั้นตอนที่ 1 : การระเหย
วัฏจักรของน้ำเกิดจากกระบวนการต่าง ๆ ร่วมกัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือการระเหย นี่คือเมื่อน้ำที่เป็นของเหลวจากพื้นผิวโลก เช่น ทะเลสาบ และมหาสมุทรถูกเปลี่ยนเป็นไอ จากนั้นไอนี้จะถูกเคลื่อนที่โดยกระแสอากาศในรูปของไอน้ำ ในที่สุดไอนี้จะเย็นตัวลงและควบแน่นเป็นเมฆ จากนั้นจึงปล่อยน้ำออกมาในรูปของฝน ลูกเห็บ หิมะ หรือลูกเห็บ จากนั้นน้ำจะไหลกลับสู่พื้นผิวโลกและวัฏจักรจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
-
ขั้นตอนที่ 2 : การควบแน่น
ขั้นตอนที่สองของวัฏจักรของน้ำ คือ “การควบแน่น” การควบแน่น เป็นกระบวนการของไอน้ำกลายเป็นน้ำของเหลว สิ่งนี้มักเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิลดลงหรือเมื่อไอน้ำลอยขึ้นในชั้นบรรยากาศและมาถึงบริเวณที่มีความดันต่ำกว่า หยดน้ำเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นกลายเป็นเมฆและกลายเป็นหยาดน้ำฟ้าในที่สุด กระบวนการควบแน่นนี้จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเมฆจึงประกอบด้วยหยดน้ำเล็ก ๆ
-
ขั้นตอนที่ 3 : การเกิดหยาดน้ำฟ้า
ขั้นตอนที่สามของวัฏจักรของน้ำ คือ “การตกตะกอน” หยาดน้ำฟ้า คือกระบวนการของน้ำที่ตกลงมาจากท้องฟ้าในรูปของฝน หิมะ ลูกเห็บ หรือลูกเห็บ จากนั้นน้ำนี้จะตกลงสู่พื้นโดยตรงหรือหลังจากเก็บไว้ในเมฆเป็นระยะเวลาหนึ่ง น้ำที่เก็บไว้ในก้อนเมฆจะถูกปล่อยออกมาในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฝน หิมะ หรือฝนในรูปแบบอื่น ๆ หยาดน้ำฟ้าช่วยเติมแหล่งน้ำบนโลกซึ่งจะช่วยรักษาวัฏจักรของน้ำ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ สวยงามดั่งเทพนิยาย หนูน้อยต้องชอบแน่
-
ขั้นตอนที่ 4 : น้ำท่า
ขั้นตอนที่สี่ในวัฏจักรของน้ำ คือ “การไหลบ่า” การไหลบ่าเกิดขึ้นเมื่อหยาดน้ำฟ้าตกลงสู่พื้นดิน และไม่สามารถซึมลงสู่ดินได้ทันทีเนื่องจากมีพื้นผิวที่ซึมผ่านไม่ได้ จากนั้น น้ำจะไหลลงมาตามทางลาดและสะสมในแหล่งน้ำใกล้เคียง เช่น ลำธาร และแม่น้ำ การไหลบ่าเป็นส่วนสำคัญของวัฏจักรของน้ำ เนื่องจากเป็นการลำเลียงน้ำจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่และเติมใหม่ได้ พื้นที่ขนาดใหญ่จะกลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งหรือเหมือนทะเลทราย
-
ขั้นตอนที่ 5 : การแทรกซึม
ขั้นตอนที่ห้าของวัฏจักรของน้ำ คือ “การแทรกซึม” การแทรกซึมคือเมื่อน้ำจากฝน หิมะละลาย หรือน้ำแข็งละลายซึมลงสู่พื้นดิน และถูกดูดซับโดยดิน จากนั้นน้ำนี้จะถูกเก็บไว้ใต้ผิวดินและพืชสามารถนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ การแทรกซึมยังช่วยเติมน้ำใต้ดินให้กับชั้นหินอุ้มน้ำ ซึ่งช่วยรักษาปริมาณน้ำให้คงที่สำหรับผู้คนเพื่อใช้สำหรับดื่มและความต้องการอื่น ๆ อีกทั้งยังเป็นการลดปริมาณน้ำท่าที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งช่วยป้องกันน้ำท่วมอีกด้วย
-
ขั้นตอนที่ 6 : การคายน้ำ
ขั้นตอนที่หกของวัฏจักรของน้ำ คือ “การคายน้ำ” ซึ่งเป็นภาวะขาดน้ำเกิดขึ้นเมื่อน้ำระเหยออกจากแหล่งน้ำ เช่น มหาสมุทร ทะเลสาบ และแม่น้ำ รวมทั้งจากพืชและสัตว์ กระบวนการนี้ยังรวมถึงการคายน้ำซึ่งเป็นกระบวนการที่ไอน้ำออกจากพืชผ่านการระเหย เมื่อไอน้ำลอยขึ้นและเย็นลง จะควบแน่นเป็นเมฆและกลายเป็นหยาดน้ำฟ้าในที่สุด กระบวนการระเหยและการควบแน่นนี้ช่วยให้น้ำเคลื่อนที่ไปทั่วโลก วัฏจักรของน้ำเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง โดยน้ำจะระเหย ควบแน่น และตกตะกอนเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันสิ้นสุด
-
ขั้นตอนที่ 7 : การรวบรวม
ขั้นตอนที่เจ็ดในวัฏจักรของน้ำ คือ “การรวบรวม” นี่คือกระบวนการที่น้ำสะสมในแม่น้ำ ทะเลสาบ มหาสมุทร และลำธาร กระบวนการนี้อาจเกิดจากฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและระเหยจากพื้นดิน ยังสามารถเก็บน้ำในอ่างเก็บน้ำ และทะเลสาบเทียมได้อีกด้วย กระบวนการนี้จำเป็นสำหรับวัฏจักรของน้ำให้ดำเนินต่อไปและระบบนิเวศเพื่อความอยู่รอด การรวบรวมช่วยให้พืช และสัตว์สามารถเข้าถึงน้ำที่ต้องการได้ เพื่อความอยู่รอดนั่นเอง
-
ขั้นตอนที่ 8 : การจัดเก็บ
วัฏจักรของน้ำ เกี่ยวข้องกับการกักเก็บน้ำในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการกักเก็บน้ำในชั้นบรรยากาศ มหาสมุทร แม่น้ำ ทะเลสาบ และชั้นหินอุ้มน้ำใต้ดิน น้ำที่เก็บไว้ในชั้นบรรยากาศก่อตัวเป็นเมฆ ซึ่งมีหน้าที่ในการปล่อยฝน น้ำที่กักเก็บในมหาสมุทร แม่น้ำ และทะเลสาบจะระเหยเมื่อได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ซึ่งก่อตัวเป็นเมฆและทำให้เกิดฝน น้ำที่เก็บไว้ในชั้นหินอุ้มน้ำใต้ดินจะถูกปล่อยสู่พื้นผิวผ่านน้ำพุ และบ่อน้ำ กระบวนการทั้งหมดนี้กักเก็บและปล่อยน้ำในวัฏจักรของน้ำ ทำให้เป็นส่วนสำคัญของวัฏจักรอุทกวิทยาอีกด้วย
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภายในวัฏจักรน้ำ
- ความร้อน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดวัฏจักรน้ำบนโลก เนื่องจากความร้อนทำให้น้ำเกิดการเปลี่ยนแปลงสถานะ เช่น เมื่อน้ำแข็งขั้วโลกได้รับความร้อนจะเกิดการหลอมเหลวกลายเป็นน้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ จากนั้นเมื่อน้ำได้รับความร้อนต่อไปก็จะเกิดการระเหยกลายเป็นไอน้ำลอยขึ้นสู่บรรยากาศ และถ้าไอน้ำในอากาศเกิดการคลายความร้อน เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลง ไอน้ำจะเกิดการควบแน่นกลับเป็นหยดน้ำอีกครั้ง
- ลม ช่วยพัดพาไอน้ำที่ระเหยและลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำไปยังบริเวณอื่น ส่งผลให้บริเวณเหนือผิวน้ำไม่อิ่มตัวด้วยไอน้ำทำให้น้ำในแหล่งน้ำสามารถระเหยกลายเป็นไอได้ดีขึ้น หากไม่มีลมจะส่งผลให้บริเวณเหนือผิวน้ำอิ่มตัวด้วยไอน้ำ และน้ำในแหล่งน้ำจะระเหยได้ยาก
- ป่าไม้ เปรียบเสมือนอ่างเก็บน้ำธรรมชาติที่สำคัญ เพราะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำปริมาณมาก โดยรากของพืชสามารถดูดน้ำจากดินไปเก็บสะสมไว้ยังส่วนต่าง ๆ ของพืชนอกจากนั้นใบยังทำหน้าที่คายน้ำ ทำให้เกิดเป็นไอน้ำกระจายสู่บรรยากาศได้อีกด้วย
โดยสรุปแล้ว วัฏจักรของน้ำเป็นส่วนสำคัญของสิ่งแวดล้อม และช่วยให้โลกของเราแข็งแรง เป็นวัฏจักรต่อเนื่องที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานของดวงอาทิตย์ และมีหน้าที่รับผิดชอบในการกระจายน้ำบนพื้นผิวโลกในรูปของหยาดน้ำฟ้า สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า วัฏจักรของน้ำทำงานอย่างไร และเข้าใจถึงความสำคัญของน้ำในการรักษาสมดุลของสิ่งมีชีวิตบนโลกของเรา
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เรียนรู้ระบบนิเวศ ที่โครงการศึกษาวิจัย และพัฒนาสิ่งแวดล้อม แหลมผักเบี้ย
อาณาจักรพืช คืออะไร? สิ่งมีชีวิตที่สำคัญที่เราควรรู้!
การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ทำได้อย่างไร ความรู้เรื่องพลังงาน
ที่มา : learnneo