เราจะพาทุกคนมาดู ขั้นตอนและส่วนผสมที่จำเป็นในการทำสบู่เหลวออร์แกนิกด้วยตัวเอง นอกจากนี้ เราจะมาแชร์เกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้สบู่เหลวจากธรรมชาติ และสูตรต่าง ๆ ที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้างสรรค์สบู่สูตรตัวเองได้ ด้วยการอ่านบทความนี้เพื่อเรียนรู้ วิธีทำสบู่เหลว ออแกนิค คุณจึงมั่นใจได้ว่าคุณกำลังทำเพื่อสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
วิธีทำสบู่เหลว ออแกนิค
การทำสบู่เหลวออร์แกนิก จากธรรมชาติด้วยตัวเอง เป็นวิธีที่ดีในการรับรองว่าคุณได้ใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ ไม่เพียงแต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดเงินได้อีกด้วย ด้วยส่วนผสมง่าย ๆ ไม่กี่อย่าง คุณสามารถเรียนรู้วิธีการทำสบู่เหลวออร์แกนิกที่ปลอดภัยต่อคุณ และครอบครัว ตลอดจนสิ่งแวดล้อมอีกด้วยค่ะ
1. เตรียมเบสสบู่
ขั้นตอนแรกในการทำสบู่เหลวออร์แกนิก คือการเตรียมเบสสบู่ เริ่มต้นด้วยการผสมน้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันปาล์ม และน้ำมันพืชอื่น ๆ ให้เข้ากับของเหลวจากผัก 2 ช้อนชา เช่น น้ำว่านหางจระเข้ จากนั้นอุ่นส่วนผสมในหม้อต้มน้ำ คนตลอดเวลาจนกว่าจะกลายเป็นของเหลว เมื่อส่วนผสมเหลวแล้ว ให้นำลงจากเตาแล้วค่อย ๆ เติมน้ำเดือด ¼ ถ้วยตวงลงไปขณะคน ปล่อยให้ส่วนผสมเย็นและข้นขึ้น กวนเป็นครั้งคราวก่อนที่จะเติมน้ำมันหอมระเหยที่ต้องการ
ตัวอย่างสูตรการทำสบู่ออร์แกนิก
- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำว่านหางจระเข้ 2 ช้อนชา
- อุ่นส่วนผสมในหม้อต้มน้ำ คนตลอดเวลาจนกว่าจะเหลว
- นำลงจากเตาแล้วค่อย ๆ เติมน้ำเดือด ¼ ถ้วยตวงลงไปขณะคน
- ปล่อยให้ส่วนผสมเย็นและข้นขึ้น
- ใช้สบู่เหลวออร์แกนิกมาผสม หรือจะใช้สบู่ก้อนออร์แกนิกหั่นฝอยแล้วนำไปต้มด้วยก็ได้ค่ะ
- กวนเป็นครั้งคราวก่อนที่จะเติมน้ำมันหอมระเหย
2. รวมส่วนผสม
ขั้นตอนต่อไปในการทำสบู่เหลวออร์แกนิก คือการรวมส่วนผสมที่คุณเลือก ใช้หม้อต้มเพื่อละลายน้ำมัน จากนั้นนำส่วนผสมมาผสมกับสบู่เหลวออร์แกนิก หลังจากตวงส่วนผสมทั้งหมดและผสมกันแล้ว ก็ถึงเวลาอุ่นส่วนผสม คุณสามารถทำได้โดยวางภาชนะในกระทะตื้นที่มีน้ำร้อน หรือใช้หม้อต้มน้ำสองชั้น จากนั้นเพิ่มความร้อนเป็นปานกลางและค่อย ๆ เพิ่มอุณหภูมิของส่วนผสมขึ้นไปที่ประมาณ 80°C คนส่วนผสมในขณะที่มันร้อนเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมได้รับความร้อนอย่างสม่ำเสมอ เมื่อถึงอุณหภูมิที่ต้องการแล้ว ให้ปิดความร้อน และปล่อยให้ส่วนผสมเย็นลงก่อนที่จะไปยังขั้นตอนต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : แนะนำวิธีการเลือกซื้อสบู่ให้ลูกอย่างปลอดภัย ป้องกันอาการ แพ้สบู่
3. เติมน้ำมันหอมระเหยเพื่อแต่งกลิ่น
การเติมน้ำมันหอมระเหยเพื่อแต่งกลิ่นเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการปรับแต่งกลิ่นสบู่เหลวออร์แกนิกของคุณ น้ำมันหอมระเหยมีหลายกลิ่น และสามารถหาซื้อได้ทั้งทางออนไลน์และในร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ เมื่อใช้น้ำมันหอมระเหย สิ่งสำคัญคือต้องเติมในปริมาณเล็กน้อย และทดสอบกลิ่นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่แรงเกินไป เริ่มต้นด้วยน้ำมันหอมระเหย 1/2 ช้อนชาต่อสบู่เหลว 2 ถ้วยตวง แล้วผสมให้เข้ากัน หากกลิ่นแรงเกินไป เพียงเพิ่มเบสสบู่อีกเล็กน้อยหรือหยดน้ำลงไปนิด ๆ หน่อย ๆ เพื่อเจือจางกลิ่น
บทความที่เกี่ยวข้อง : สบู่น้ำนมแม่ ทำอย่างไร มีวันหมดอายุไหม เก็บได้นานเท่าไหร่
4. เทสบู่ลงในขวด
เมื่อคุณผสมส่วนผสมทั้งหมดเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเทสบู่ลงในขวด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขวดสะอาดและแห้งก่อนที่จะเริ่ม เริ่มเทสบู่ลงในขวดช้า ๆ ระวังอย่าให้ล้นขวด คุณสามารถถือขวดเป็นมุมเพื่อให้แน่ใจว่าบรรจุขวดได้เท่ากัน เมื่อเติมใส่ขวดเสร็จแล้ว ให้ปิดฝาให้แน่นแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน สบู่จะพร้อมใช้ในวันถัดไป
5. ทดสอบสบู่ก่อนใช้
ขั้นตอนที่ 5 ในการทำสบู่เหลวออร์แกนิกคือการทดสอบก่อนใช้ ให้ใช้สบู่เหลวจำนวนเล็กน้อยผสมกับน้ำ หากสบู่แรงเกินไป จะเกิดฟองมากเกินไป และคุณจะต้องเติมน้ำเพิ่ม หากอ่อนเกินไปก็จะไม่เกิดฟองและฟองเลย ปรับความแรงของสบู่เหลวตามต้องการจนได้ความสม่ำเสมอที่ต้องการ เมื่อคุณได้ความสม่ำเสมอที่ต้องการแล้ว คุณสามารถเริ่มใช้สบู่เหลวในการทำความสะอาดได้
ประโยชน์ของการใช้สบู่ออร์แกนิก
-
สบู่ธรรมชาติให้ความชุ่มชื้นสูง
ประโยชน์อย่างหนึ่งของการใช้สบู่จากธรรมชาติ คือผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตอย่างหนึ่งคือกลีเซอรีน กลีเซอรีนเป็นมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวชั้นยอด เพราะจะดึงความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวและรอบ ๆ ผิว สบู่ที่ทำขึ้นแบบดั้งเดิมมีกลีเซอรีน ดังนั้นจึงให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวระหว่างอาบน้ำ ในขณะที่สบู่ที่ผลิตในเชิงพาณิชย์จำนวนมากอาจทำให้ผิวแห้งได้ เนื่องจากสบู่ที่ซื้อตามท้องตลาดมักผ่านกระบวนการที่ออกแบบมาเพื่อขจัดกลีเซอรีนโดยเฉพาะ
-
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ข้อดีอีกอย่างของสบู่ออร์แกนิกจากธรรมชาติคือคุณสามารถวางใจได้ว่าสบู่จะไม่ทำร้ายสัตว์ในขั้นตอนการทดสอบหรือการผลิต ส่วนผสมมักจะมาจากพืชโดยเฉพาะ และไม่ต้องผลิตโรงงานขนาดใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ผลิตสบู่ออร์แกนิกมีแนวโน้มที่จะมีโรงงานขนาดเล็กกว่าและใช้สมุนไพรและสารสกัดจากธรรมชาติ น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์มเป็นพื้นฐานของส่วนผสม และมีการเติมน้ำมันหอมระเหยจากพืช ดอกไม้ เครื่องเทศ และผลไม้ชนิดต่าง ๆ ในบางกรณี สบู่ธรรมชาติจะใช้ไขหรือน้ำมันหมูซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แต่ในกรณีนี้จะมีการระบุข้อความอย่างชัดเจน ที่สำคัญมาก การทดสอบกับสัตว์ไม่จำเป็นสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เนื่องจากไม่มีสารกำจัดศัตรูพืชและปราศจากสารเคมีที่ได้มาจากการสังเคราะห์
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 สบู่รักษาสิว ยี่ห้อไหน สบู่รักษาสิวที่หลัง เปลี่ยนผิวให้สวยมั่นใจยิ่งขึ้น
-
สบู่แฮนด์เมดที่ไม่ซ้ำใคร
สบู่เชิงพาณิชย์ที่ผลิตจำนวนมากผลิตขึ้นเพื่อประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งหมายถึงจำนวนเยอะมาก และส่วนประกอบที่เหมือนกันทุกประการ การมุ่งเน้นที่ผลกำไรมักเป็นค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้บริโภคที่จ่ายเงินให้กับพวกเขา
สบู่ออร์แกนิกมีความแตกต่างกันตรงที่ส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตราย และส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพที่มีอยู่มากมายจากแหล่งธรรมชาติ
-
มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติ
ในสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่ คุณจะพบไตรโคลซาน พาราเบน ซัลเฟต และสารเคมีที่เป็นพิษอื่น ๆ ที่คาดว่าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางชนิด สามารถเปลี่ยนแปลงสมดุลของฮอร์โมน และอาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของคุณ
ในทางกลับกัน สบู่ออร์แกนิกไม่มีสารเคมีเหล่านี้ แต่จะใช้สารต้านแบคทีเรียอย่างน้ำมันหอมระเหยแทน สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยต่อสู้กับแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นหอมที่ยอดเยี่ยม เช่น ลาเวนเดอร์ ใบชา ยูคาลิปตัส และเปปเปอร์มินต์ เป็นต้น
การทำสบู่เหลวจากธรรมชาติใช้เองที่บ้านนั้นง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย เมื่อทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในคู่มือนี้ คุณจะสามารถทำสบู่เหลวออร์แกนิกจากธรรมชาติที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังดีต่อสุขภาพผิวของคุณด้วย ด้วยส่วนผสมง่าย ๆ ไม่กี่อย่าง คุณก็สามารถทำสบู่เหลวธรรมชาติของคุณเองได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณและครอบครัว
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
รวม 10 แชมพูออแกนิค อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ในงบหลักร้อย!
5 แบรนด์ ยาทาเล็บออร์แกนิค ปลอดภัยไร้สารพิษ ที่คุณแม่ก็ใช้ได้
ทำไมแม่ท้องต้องใช้ผลิตภัณฑ์แบบออร์แกนิค? การเลือกของใช้ในช่วงตั้งครรภ์มีความจำเป็นอย่างไร