7 เคล็ดลับ ปู่ย่าตายายเลี้ยงหลานอย่างไรให้สมานฉันท์ในครอบครัว

หากคุณเป็นพ่อแม่ที่ต้องออกไปทำงาน หน้าที่เลี้ยงลูกจำเป็นต้องรบกวนให้ปู่ ย่า ตา ยาย ช่วยเลี้ยงหลานให้ ควรวางแผนในการเลี้ยงอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหา สบายใจทุกฝ่าย ติดตามอ่านค่ะ

ลักษณะของครอบครัวในปัจจุบัน

ในสมัยก่อนครอบครัวของคนไทยจะมีลักษณะเป็นครอบครัวใหญ่ นอกจากจะมีพ่อ แม่ ลูก อยู่ด้วยกันแล้ว  อาจรวมปู่ ย่า ตา ยาย  ลุง  ป้า  น้า  อา  อยู่ด้วยกัน  แต่ปัจจุบันวิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไป  ครอบครัวมีขนาดเล็กลง  คนเป็นแม่เคยอยู่บ้านเลี้ยงลูกก็ต้องออกไปทำงานข้างนอก  หน้าที่เลี้ยงลูกกลายอาจจะหาพี่เลี้ยงหรือไปฝากเลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงเด็ก  หรือบางครอบครัวโชคดีที่มีปู่  ย่า  ตา  ยายช่วยเลี้ยง ประหยัดเงินและเชื่อมั่นในความปลอดภัยมากกว่าไปฝากคนอื่นเลี้ยง แต่บางครั้งให้ปู่ ย่า ตา ยายเลี้ยงก็จะมีปัญหาอื่น ๆ เหมือนกันนะคะ  จะรับมือกับปัญหาอย่างไรให้สมานฉันท์   ติดตามอ่าน

รับมือปู่ย่าตายายเลี้ยงหลานอย่างไรให้สมานฉันท์ในครอบครัว

คุณพ่อคุณแม่ที่ฝากลูกปู่ ย่า ตา ยาย เลี้ยง  แน่นอนว่าท่านเลี้ยงหลานตัวน้อยด้วยความรัก  เคยมีคำโบราณบอกว่า  พ่อแม่รักลูกมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งรักหลานมากขึ้นไปเป็นทวีคูณ  ทำให้อาจมีบ้างที่ท่านเลี้ยงตามใจ  แต่ขัดใจพ่อแม่นี่สิ  จะหาวิธีปรองดองกันในการเลี้ยง  ทั้งเป็นลูกของพ่อแม่ และเป็นหลานของปู่  ย่า ตา  ยายเช่นกัน  สิ่งสำคัญคุณแม่ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง  และพยายามคิดในแง่บวก  อย่านำความไม่พอใจในการเลี้ยงมาเป็นปัญหา   เพราะทุกคนต่างก็อยากเลี้ยงลูกหลานให้ดี  เพียงแต่มีแนวทางเลี้ยงในแบบของตนซึ่งต้องพูดคุยหาทางประนีประนอมทุกฝ่าย

แนวทางการเลี้ยงหลานอย่างสมานฉันท์

1.หลีกเลี่ยงการปะทะ

ข้อนี้ถือเป็นอันดับหนึ่งเลยค่ะ  ไม่ควรใช้อารมณ์ซึ่งกันและกัน  เข้าใจว่าคุณแม่อาจจะเหนื่อยจากการทำงานข้างนอกมาก  เมื่อกลับมาบ้านแล้วหากมีเสียงบ่นของปู่ ย่า ตา ยาย บ้างถึงความเหนื่อยในการเลี้ยงหลาน  หรือคำตำหนิใด ๆ ก็ตาม  ให้นิ่งและอดทนนะคะ  รับคำ “ค่ะ”ไปเท่านั้น หรืออาจจะลองมุกใหม่ ๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้ด้วยการชวนคุยเรื่องอื่น  เช่น  ความซุกซนของเจ้าตัวเล็ก  ความน่ารักน่าชัง  คุยเรื่องทั่ว ๆ ไปนะคะ  พยายามเลือกเรื่องดี ๆ ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ  รื่นรมย์  ที่สำคัญระมัดระวังเรื่องสีหน้า  แววตาด้วยนะคะ  ไม่ใช่พูดเรื่องดี ๆ แต่สีหน้าไม่ให้ความร่วมมืออันนี้ก็ไม่ได้นะคะ  เชื่อว่าไม่ยากเกินไปสำหรับคุณแม่แน่ ๆ ใช่ไหมคะ

2.อย่าทำตัวเป็นฝ่ายค้าน

เราไม่ได้อยู่ในคณะรัฐบาล  ไม่จำเป็นต้องค้านใคร  แต่เราอยู่ในครอบครัวความสมานฉันท์ปรองดองถือเป็นสิ่งสำคัญ  คุณแม่ไม่จำเป็นต้องเถียงไปทุกเรื่องก็ได้  พยายามหาจุดบวกของท่าน  เช่น  ท่านช่วยเราเลี้ยงลูก  ความใจดีอ่อนโยนที่มีต่อหลาน การมองหาจุดบวกทำให้คุณแม่หงุดหงิดน้อยลง  และใจเย็นมากขึ้น  จัดการปัญหาด้วยสติ  หากท่านให้คำแนะนำอะไรมาหากไม่ขัดแย้งกับความคิดเกินไปนักก็ควรรับฟังไว้บ้างเพราะบางทีท่านสิ่งที่ท่านพูดก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง  ดังนั้น  อย่าเพิ่งรีบค้านนะคะ  การรับฟังไว้ก่อนเป็นเรื่องดี แต่เราจะปฏิบัติหรือไม่นั้นก็ดูตามความเหมาะสม  หรืออาจจะลองนำวิธีการที่ท่านแนะนำมาปรับใช้ดูก็ได้นะคะ

3.เห็นพ้องต้องกัน

วิธีการเลี้ยงดูหลานของปู่ ย่า ตา ยาย  บางอย่างถ้าไม่ตรงใจก็ต้องรับฟังถึงเหตุผลของท่าน สมมติว่า  คุณย่าพูดว่า คุณแม่ใจดีกับลูกมากเกินไป  ต้องตีเสียบ้าง  ถ้าคุณแม่คัดค้านว่าการตีลูกเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็จะมีปัญหาต่อไปอีก  แต่เปลี่ยนเป็นรับฟังและถามว่าตนเองนั้นใจดีในเรื่องใดบ้าง  เผื่อจะได้ปรับปรุง  จำไว้นะคะ  ผู้ใหญ่ท่านชอบให้เรารับฟังความคิดเห็นของท่านบ้าง  ซึ่งคุณแม่อาจจะไม่ต้องทำอะไรมาก  ลองปรับทัศนคติใหม่รับฟังท่านบ้าง  หากเรื่องใดที่นำมาปฏิบัติแล้วได้ผลอย่างไร ก็บอกให้ท่านทราบ  รับรองว่าท่านต้องปลื้มใจที่เราเชื่อฟัง  เพียงแค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วค่ะ

4.มีความยืดหยุ่น

ปัญหาในเรื่องนี้มักจะเกิดกับคุณแม่มือใหม่  คุณแม่บางคนเข้มงวดในการเลี้ยงลูกมากเกินไป  จัดตารางเป็นแบบแผนเอาไว้เพื่อให้ปู่ ย่า ตา ยาย ทำตามเพราะเชื่อมั่นว่าสิ่งนั้นดีและเหมาะสมกับลูกของตน  หากท่านไม่ทำตามตารางที่คุณแม่วางไว้เผลอไปดุท่าน  ก็เป็นสิ่งไม่สมควรนะคะเพราะอย่างไรท่านก็เลี้ยงเรามาก่อน  เช่น  คุณแม่กำหนดเวลาว่าต้องให้ลูกนอนนอนตอนเที่ยง  พอโทรกลับบ้านสอบถามคุณยายลูกยังเล่นอยู่เลยไม่ยอมนอน  ก็ควรฟังเหตุผลก่อนนะคะ ว่าทำไมลูกถึงยังไม่นอน ไม่ใช่รีบดุคุณยายก่อนเลยทำไมไม่ให้หลานนอนนี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว  เป็นต้น  อย่าลืมว่าในวันนี้ท่านเป็นปู่ ย่า แล้วเราต้องให้ความรพ  ดังนั้น  คุณแม่ควรจะปรับความคิดของตนเองให้มีความยืดหยุ่น  จะไม่ทำให้เกิดความตึงเครียดเกินไปสำหรับทุกฝ่าย  เรื่องใดไม่สำคัญก็ปล่อย ๆ ไปบ้าง

5.กฎของแม่

หากลูกโตพอที่จะรู้เรื่องแล้ว  อย่างเด็กในช่วงวัย 3 – 5 ขวบ อาจจะสับสนกับระเบียบที่เคร่งครัดของแม่  ชอบกฎสบาย ๆของคุณยายมากว่า คุณแม่อย่ากังวลเกินไป  ระหว่างกฎของยายกับแม่ เช่น  ห้ามไม่ให้ลูกกินขนมกรุบกรอบ  แต่คุณยายก็ซื้อให้ เพราะในเวลานั้นเด็กอาจจะร้องไห้จนคุณยายไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องซื้อให้เป็นต้น   คุณแม่ก็อย่าไปดุว่า  คิดเสียว่ามันก็ต้องมีบ้างเด็ก ๆกับขนบกรุบกรอบ  คุณแม่อาจจะหาเวลาคุยกับลูกเรื่องขนมที่ไม่มีประโยชน์กินเข้าไปจะเกิดผลเสียอย่างไร   หรือในบางคราวแม้ว่าเจ้าตัวเล็กจะป่วนไปบ้างแต่ที่สุดแล้วเขาก็จะกลับมาเข้าที่เข้าทางได้เองเพราะเคยชินกับกฎของคุณแม่ และคิดได้ว่าหากเล่นซนปีนป่ายอาจจะตกลงมาหัวแตก ขาหักก็ได้  เป็นต้น  แล้วคุณแม่ค่อยหาโอกาสพูดคุยกับคุณยายว่าควรเอาจริงเอาจังให้มากขึ้น  แต่เป็นการพูดคุยแบบถามความคิดเห็นก่อนนะคะไม่ใช่มุ่งประเด็นต่อว่า  หรือโจมตีว่าเป็นเพราะยาย อันนี้คงไม่ดีแน่ ๆ

6.อ้างคุณหมอ

แต่ไม่ควรใช้บ่อยนะคะ  เป็นการพูดคุยแบบสบายๆ แบบว่าได้ยิน  ได้ฟังมา  หรือคุณหมอบอกมา เป็นต้น  เรียกว่ายืมคุณหมอมาเป็นที่กำบัง  แต่ไม่ควรใช้บ่อยนะคะจะผิดใจกันเปล่า ๆ

7.เรียนรู้ไปด้วยกัน

คุณแม่อย่าลืมว่าเวลาในการเลี้ยงลูกและอยู่กับลูกในช่วงวัน  แน่นอนว่าคุณยายย่อมมีเวลามากกว่า  ดังนั้น  คุณแม่ควรรับฟังท่านและหาข้อมูลเรื่องการเลี้ยงดูมาคุยกันแบบสบาย ๆ เพื่อให้ท่านค่อย ๆ เปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ แต่คุณแม่เองก็ต้องเปิดใจด้วยนะคะ  พูดคุยแลกเปลี่ยนกันค่อย ๆ ปรับทัศนคติระหว่างกัน  หาเวลาที่สมาชิกในบ้านสบายใจมานั่งคุยกันเรื่องของเด็ก ๆ โดยอาจใช้วิธีถามว่า  ตอนนี้การเลี้ยงดูหลานของคุณยายมีปัญหาลำบากใจอะไรไหม  อยากให้ช่วยอะไรบ้าง เช่น  ตอนนี้เด็ก ๆ เริ่มเอาแต่ใจตัวเอง  ไม่ได้ดั่งใจก็งอแง แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ค่อยคุยว่าสาเหตุน่าจะมาจากอะไร  เราจะร่วมมือกันแก้ไขอย่างไร  อย่าทำให้ท่านรู้สึกว่าเพราะท่านตามใจหลานจึงเอาแต่ใจตัวเอง  ค่อย ๆพูดเพื่อปรับแนวทางการเลี้ยงดูให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน  การเลี้ยงดูของปู่ ย่า ตา ยาย มีสิ่งดี ๆ ให้คุณแม่มองเห็นมากมาย  ลองเลี่ยนมุมมองและยืดหยุ่นกับเรื่องต่าง ๆจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างนุ่มนวลมากกว่าที่จะเฝ้าจับจ้องแต่ปัญหา  อย่าลืมว่าลูกไม่ใช่ของพ่อแม่เท่านั้นนะคะ  ยังเป็นหลานของปู่ ย่า ตา ยายด้วย ทุกคนก็รักและปรารถนาดีกับเจ้าตัวน้อยด้วยกันทั้งสิ้น  เปิดใจให้เกิดสมานฉันท์ในครอบครัวดีที่สุดค่ะ

คุณแม่คนไหนให้ปู่ ย่า ตา ยาย เลี้ยงลูกบ้างคะ  มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันคะ

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.myfirstbrain.com/

https://women.mthai.com/

บทความอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง

หยุดปู่ย่าตายายไม่ให้ตามใจหลานเกินไป

5 เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่ เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เครียด