6 วัฒนธรรม ต่างชาติ ที่เด็กต้องรู้ ! เพื่อไม่ให้เผลอสร้างบาดแผลในจิตใจของคนอื่น

วัฒนธรรมต่างชาติบางอย่าง ควรนำมาสอนเด็ก ๆ เพื่อให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของวัฒนธรรมเพื่อนร่วมโลก และไม่เผลอไปทำร้ายจิตใจของใครโดยที่ไม่รู้ตัว (ภาพโดย tirachardz จาก freepik.com)

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หากที่ผ่าน ๆ มาคุณแม่ได้ดูข่าวบันเทิง หรือติดตามกระแสบนโลกออนไลน์ ก็คงจะเห็นว่ามีประเด็นเกี่ยวกับการเหยียดวัฒนธรรมต่างชาติ ของทั้งคนบันเทิงและคนทั่วไปอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเขาเหล่านั้น อาจจะทำไปโดยที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว วัฒนธรรม ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นอยู่ของคนในกลุ่มนั้น ๆ แต่บางที บางวัฒนธรรมบางอย่าง กลับถูกนำไปใช้ หรือนำเสนอในทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในวันนี้ เราจะมาพูดวัฒนธรรมต่างชาติง่าย ๆ ที่เด็ก ๆ ควรรู้ เพื่อให้เขาได้ตระหนักถึงความสำคัญของวัฒนธรรมเพื่อนร่วมโลก และไม่เผลอไปทำร้ายจิตใจของใครโดยที่ไม่รู้ตัวกันค่ะ

 

วัฒนธรรมต่างชาติที่เด็ก ๆ ควรรู้ไว้

เรื่องบางเรื่องที่เราถูกสอนมาว่าเป็นเรื่องทั่วไป และทำกันได้ไม่ผิด อาจจะไม่ใช่เรื่องทั่วไปสำหรับคนอื่น ๆ เพราะเรื่องเหล่านั้น อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหวนนึกถึงอดีตของบรรพบุรุษที่เจ็บปวด หรือสร้างบาดแผลในจิตใจของเขาได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องสอนเด็ก ๆ ให้เข้าใจ ว่าสิ่งไหนควรทำและไม่ควรทำ เพื่อให้เขาเติบโตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งวัฒนธรรมจากต่างชาติที่เด็ก ๆ ควรรู้ มีดังนี้

 

1. การ Black Face

การ Black Face มีให้เห็นได้บ่อยในสังคมไทย ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน ผ่านละครทีวี โฆษณา หรือภาพยนตร์ไทยหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งสื่อไทยมักจะสร้างตัวละครที่ทาหน้า เปลี่ยนสีผิว หรือทาตัวเป็นสีคล้ำ และนำไปเชื่อมโยงกับสิ่งที่เป็นเชิงลบ เช่น ทำให้ดูซื่อบื้อ น่ารังเกียจ ขี้เหร่ ไม่ฉลาด ไม่มีคนรัก เป็นต้น หรือนำมาเปรียบเทียบกับคนที่ผิวขาวในโฆษณาครีมหรือสบู่ในเชิงลบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถือว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติและเหยียดสีผิวอย่างหนึ่ง ที่สร้างความไม่สบายใจให้กับคนแอฟริกันอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นการทำให้คนแอฟริกันดูเป็นคนซื่อบื้อ ดูต่ำต้อย และดูตลกในสายตาคนอื่น ทั้งที่ความจริงแล้ว ทุกคนล้วนความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเขาคนนั้นจะมีสีผิวอะไร ทุกคนล้วนความสวยงามในแบบของตัวเอง เราจึงไม่ควรมองว่าสีผิวสีไหนด้อยกว่าสีไหน

 

2. การสวมใส่ War Bonnets

War Bonnets ถือเป็นเครื่องประดับอันศักดิ์สิทธิ์ ที่มีคุณค่าทางจิตใจของชาวอินเดียแดง ซึ่งในอดีต ชาวอินเดียวแเดงมักจะสวมใส่ War Bonnets ในตอนที่ออกศึก ส่วนในปัจจุบัน ก็จะเน้นใส่ในช่วงที่มีพิธีที่สำคัญ ๆ อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นว่าในบางเทศกาล หรือแม้กระทั่งในเวทีประกวดนางงาม หรือเทศกาลดนตรีดัง ๆ ก็มักจะมีผู้เข้าร่วมงานที่ใช้ War Bonnets เป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายของตัวเอง ซึ่งการนำเครื่องประดับที่คนอินเดียถือว่าศักดิ์มาสวมใส่ในเทศกาลอื่น ๆ แบบนี้ ก็ทำให้คนที่มีเชื้อสายอินเดียแดงรู้สึกว่าไม่เหมาะสมนั่นเอง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วัฒนธรรม ต่างชาติ ที่เด็กควรรู้ การ Black Face คือการนำตัวละคร มาทาหน้าทาตา ทำสีผิวให้ดูคล้ำ และนำเสนอตัวละครนั้น ๆ ในเชิงลบ  (ภาพจาก Getty Image)

 

3. ทรงผม Dreadlock หรือ Cornrow

ทรงผม Dreadlock หรือ Cornrow ถือเป็นทรงผมที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานของชาวแอฟริกัน และถือว่าเป็นสัญลักษณ์ทางความเชื่อ และศาสนา ซึ่งทรงผม Dreadlock เป็นทรงผมที่มีลักษณะคล้ายกับเปีย แต่จะเน้นถักติดหนังศีรษะเล็ก ๆ เป็นทางยาว รูปร่างดูเหมือนเมล็ดข้าวโพด โดยคนแอฟริกันมักจะทำผมทรงนี้กัน เนื่องจากว่าพวกเขามีผมที่หยิกฟู และโซนเอเชียบ้านเราเอง ก็มีคนดังหลาย ๆ คนที่มักจะทำทรงนี้ออกงานบ่อย ๆ จนเกิดเป็นกระแสวิจารณ์ต่าง ๆ มากมายว่าเหมาะสมหรือไม่ แม้ว่าคนดังหลาย ๆ คน อาจจะไม่ทันได้รู้ และไม่ตั้งใจที่จะดูหมื่นคนแอฟริกัน แต่สิ่งนี้ก็ได้สร้างบาดแผลให้กับใครหลาย ๆ คนไปเสียแล้ว

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

4. ชุดกี่เพ้า

ในฝั่งเอเชียบ้านเรา ก็เคยมีดราม่าเรื่องการใส่กี่เพ้าด้วยเช่นกัน ชุดกี่เพ้าเป็นชุดที่ชาวจีนให้ความเคารพนับถือ และเป็นชุดที่สะท้อนวัฒนธรรมของชาวจีนได้ดี มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งคนจีนทั่วไปนั้น จะไม่สามารถใส่กีเพ้าลายมังกร 5 เล็บได้ เพราะมังกร 5 เล็บ ถือเป็นสิ่งที่สื่อถึงจักรพรรดิ์ แต่ว่าในปัจจุบัน ก็อาจจะมีหลาย ๆ คนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ นำชุดกี่เพ้ามาดัดแปลงเป็นชุดต่าง ๆ ซึ่งนี่ ก็สร้างความเจ็บปวดให้ชาวจีนไม่น้อยเลย

 

5. Fox Eyes

เนื่องจากว่าชาวเอเชียมีตาที่เล็ก จึงทำให้มักจะโดนชาวต่างชาติล้อเลียนเรื่องตา โดยการใช้มือยกหางตาขึ้นไป ให้ตาดูเล็กลงและหยี ซึ่งในอดีต ก็เคยมีคนดังถ่ายรูปลงแอคเค้าท์โซเชียลส่วนตัว ในท่าที่ใช้มือยกหางตาขึ้นไป จนกลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนแรง ว่านี่เป็นการเหยียดชาวเอเชียหรือไม่ โดยคนดังที่ตกเป็นประเด็นก็ได้ออกมากล่าวขอโทษ และบอกว่าตนนั้นไม่มีเจตนาจะเหยียดชาวเอเชีย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

6. เครื่องหมายสวัสดิกะ

สวัสดิกะ เป็นเครื่องหมายที่มีลักษณะกากบาทหักมุม ในอดีตถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ แต่ทว่าในสมัยฮิตเลอร์ สัญลักษณ์นี้กลับถูกนำมาใช้เพื่อแสดงถึงความเผด็จการ ความเหี้ยมโหด และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิว และได้กลายเป็นบาดแผลที่อยู่ลึกในจิตใจของคนที่มีเชื้อสายยิวมาหลายร้อยปี ซึ่งในปัจจุบัน เราจะเห็นว่ามีประเด็นดร่าม่าเรื่องสัญลักษณ์สวัสดิกะให้เห็นกันอยู่เป็นพัก ๆ ไม่ว่าจะทั้งในรูปแบบรอยสัก หรือเสื้อผ้า แม้บางคนจะมองว่าเป็นแฟชั่น แต่กับบางคน สัญลักษณ์สวัสดิกะกลับเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหวนนึกถึงอดีตที่โหดร้าย

 

เครื่องหมายสวัสดิกะ ถูกนำมาใช้แสดงถึงระบบเผด็จการและการฆ่ามนุษย์ในสมัยนาซี (ภาพจาก BBC)

 

การเหยียดวัฒนธรรมต่างชาติ อาจแฝงอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแต่งตัว ท่าเต้น ทรงผม เพลง อาหาร เครื่องประดับ ภาษา หรือรอยสัก เป็นต้น ซึ่งการสอนให้เด็ก ๆ ตระหนักถึงวัฒนธรรมที่ควรรู้ จะช่วยให้เขาระมัดระวังในการแสดงออกมากยิ่งขึ้น และไม่เผลอไปทำร้ายใครเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนลูกยังไงให้ไม่เหยียด กรณีศึกษาจากดราม่า #Ummก็สวยอยู่

 

    ทำยังไงไม่ให้เด็กเหยียดวัฒนธรรมของคนอื่น

    วัฒนธรรมบนโลกมีมากมายหลายล้านวัฒนธรรม ซึ่งก็แน่นอน ว่าเราไม่มีทางสอนลูกให้รู้ได้หมดทุกอย่างแน่ ๆ แต่ก็มีบางวิธีที่อาจจะช่วยให้เราป้องกันลูก ๆ ไม่ให้เหยียด หรือดูถูกวัฒนธรรมของคนอื่นได้โดยที่ไม่รู้ตัว ดังนี้

     

    • สอนให้เด็กค้นคว้าหาข้อมูลก่อนที่จะสวมใส่ หรือแสดงออก เกี่ยวกับสิ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศ เพื่อให้รู้ที่มาที่ไปของสิ่งนั้น ๆ
    • หากรู้ว่าสิ่งไหนเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศ ควรหลีกเลี่ยงที่จะนำมาใช้หรือสวมใส่ หากไม่จำเป็นจริง ๆ
    • สอนให้เด็กยอมรับในความแตกต่าง ไม่ให้เด็กแบ่งแยก หรือมองว่าคนเชื้อชาตินี้ จะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เพื่อไม่ให้เด็กทำท่าทาง หรือแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อกล่าวถึงคนกลุ่มนั้น ๆ
    • หมั่นสอนให้เด็กติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อที่ว่าหากมีประเด็นดราม่าเกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างชาติ เด็กจะได้ตระหนักรู้และเข้าใจได้ทัน

     

    Loading...
    You got lucky! We have no ad to show to you!
    ติดต่อโฆษณา

      การหยิบยืมวัฒนธรรมคนอื่นมาสวมใส่หรือแสดงออก เป็นสิ่งที่ทำกันได้ หากทำในแบบที่สร้างสรรค์ มีเจตนาที่ดี และเหมาะสม เพราะการหยิบยืมวัฒนธรรมที่ดี ก็เป็นการนำเสนอ หรือทำให้วัฒนธรรมนั้น ๆ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร หากเราจะไม่รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างชาติทั้งหมดบนโลกนี้ เพียงแต่ว่าเราต้องคอยระวัง เมื่อต้องการพูด หรือแสดงออก เกี่ยวกับสิ่งที่มีต้นกำเนิดจากต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งเด็ก ๆ เอง ก็อยู่ในวัยที่เรียนรู้และซึมซับได้ง่าย หากเราสอนเขาตั้งแต่ยังเด็ก ให้รู้จักระมัดระวังในสิ่งที่จะพูด หรือแสดงออก ก็น่าจะช่วยให้เขาไม่ไปเผลอไปเหยียดวัฒนธรรม หรือไปทำร้ายจิตใจใครได้ง่าย ๆ นะคะ

       

      บทความที่เกี่ยวข้อง :
      ผู้ปกครองวอน ครูมีรอยสัก เลิกสอนกลัวเด็กฝันร้าย ครูพ้อหวังเลิกเหยียดผิว
      สอนลูกยังไงไม่ให้เหยียด ไม่ดูถูกคนอื่น เพราะความคิดต้องปลูกฝังตั้งแต่ลูกยังเล็ก
      อย่าเลี้ยงลูกให้เป็นคนชอบ เหยียด

      ที่มา : commisceo-global , dek-d

      บทความโดย

      Kanokwan Suparat