เมื่อลูกเริ่มโตแล้ว นอกจากภาษาไทย พ่อแม่ก็อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ แล้วจะ เลือกโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษให้ลูก อย่างไรดี ?
เชื่อว่า คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกพูดภาษาอื่น ๆ ได้ นอกเหนือจากภาษาไทยของตัวเอง ภาษาอังกฤษนั้น ก็ถือเป็นภาษาสากลที่จำเป็นจะต้องรู้ และ นำไปใช้อย่างแน่นอน ดังนั้น ก็ไม่ผิดที่พ่อแม่จะพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกตัวเอง ลองมาดูกันดีกว่าว่า จะเลือกโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษให้ลูกของคุณ โดยมีปัจจัยอะไรบ้าง
1) ค่าเรียน และ จำนวนชั่วโมงเรียน
แต่ละสถาบันคิดค่าเรียนแตกต่างกัน มีตั้งแต่หลัก 3,000 ถึง 4,000 บาทต่อคอร์ส เรื่อยไปถึงหลักหมื่นต้น ๆ จำนวนชั่วโมงเรียนต่อคอร์สมีตั้งแต่ 20, 30 และ 40 ชั่วโมง หรือ มากกว่านั้น วิธีการที่ดีคือ เอาจำนวนค่าเรียนต่อคอร์สหารจำนวนชั่วโมง แล้วคุณจะเห็นค่าเรียนคิดเป็นต่อชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่า คุณพร้อมจะจ่ายหรือไม่
2) จำนวนนักเรียนในห้องต่อหนึ่งชั้น
สถาบันบางแห่งมีจำนวนนักเรียนต่อชั้นมาก บางแห่งน้อย ยิ่งจำนวนนักเรียนน้อย ยิ่งหมายความว่า นักเรียนแต่ละคนมีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์ผู้สอนได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่งนักเรียนน้อย ค่าเรียนอาจจะแพงขึ้น ถ้าเรียนตัวต่อตัวยิ่งแพงขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าค่าเรียนถูกมาก แต่จำนวนนักเรียนต่อชั้นเยอะมาก ก็อาจจะไม่คุ้มค่าก็เป็นได้
3) หลักสูตร
ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ว่า หลักสูตรใดที่เหมาะกับเด็ก ส่วนใหญ่หลาย ๆ สถาบันจะมีการทดสอบวัดระดับผู้เรียนก่อนลงทะเบียนเรียนอยู่แล้ว ข้อสอบมักประกอบด้วย ข้อสอบข้อเขียน และ การสอบสัมภาษณ์กับอาจารย์ผู้สอน บางสถาบันจะคิดค่าทดสอบนี้ด้วย บางแห่งก็ไม่คิด คุณควรตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ด้วยว่า แต่ละหลักสูตร “ สัญญา ” ว่าจะทำให้ลูกคุณมีพัฒนาการทางภาษาอย่างไรบ้าง บางสถาบันมีให้ทดลองเรียน หรือให้คุณเข้าไปสังเกตการเรียนการสอนอีกด้วย
4) อาจารย์ผู้สอน
ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ว่า อาจารย์ผู้สอนเป็นอาจารย์ชาวอะไร ? จำเป็นหรือไม่ว่า ต้องเป็นเจ้าของภาษาเท่านั้น ? มีประสบการณ์การสอน มีประกาศนียบัตรรับรองว่า ได้รับการฝึกฝนการสอนภาษาอังกฤษให้ชาวต่างชาติหรือไม่ ? แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ย่อมไม่อยากให้ลูกได้เรียนกับเจ้าของภาษาที่ขาดประสบการณ์ หรือ ไม่ได้รับการฝึกเรื่องการสอนมาเลย
5) เวลาเรียน และ สถานที่ตั้งของสถาบัน
คุณอยากให้ลูกเรียนช่วงเย็นวันธรรมดา หรือ ช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ? ถ้าช่วงวันธรรมดาลูกคุณจะเหนื่อยจากการเรียนปกติที่โรงเรียนมาแล้วหรือไม่ ? แต่ไม่ว่าเรียนวันไหน ทั้งคุณ และ ลูกก็ต้องเตรียมใจว่า ต้องเสียเวลาครอบครัวไปส่วนหนึ่ง สถานที่ตั้งของสถาบันก็เป็นเรื่องสำคัญว่า คุณต้องใช้เวลาเดินทางไปรับส่งลูกนานแค่ไหน
เรามีสถาบันสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กบางแห่งมาแนะนำให้คุณลองกดเข้าไปศึกษา พร้อมช่องทางให้คุณได้ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- British Council https://www.britishcouncil.org/th/thailand.htm
- AUA Language Center https://www.auathailand.org/
- Inlingua https://www.inlinguabangkok.com/
- ECC https://www.ecc.ac.th/blog/
- Berlitz https://www.berlitz.co.th/
- Edu First https://www.edufirstschool.com/
- Boston Bright https://www.bostonbright.com/kids/
สุดท้ายนี้ อย่าคิดว่าแค่การเสียเงินส่งลูกไปเรียนภาษาก็หมดหน้าที่ของคุณแล้ว หรือ คิดว่าการส่งลูกไปเรียนสถาบันชั้นนำจะช่วยให้ลูกคุณกลายเป็นเทพภาษาอังกฤษ แต่คุณต้องคอยส่งเสริมให้ลูกได้มีโอกาสใช้ภาษาบ่อย ๆ หรือ กระตุ้นให้เด็กได้ทบทวนการใช้ภาษาเรื่อย ๆ เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพราะแค่ไปใช้เวลาสัปดาห์ละครั้ง สองครั้ง ที่สถาบันภาษาเพียงอย่างเดียว ไม่อาจช่วยให้การเรียนรู้ก้าวหน้าได้เต็มที่อย่างแน่นอน
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพ และ สังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และ เอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่ และ เด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และ ผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และ สื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่ และ เด็ก โภชนาการแม่ และ เด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และ จิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้ และ มีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “ พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง ”
source หรือ บทความอ้างอิง : manorcourses.co.uk
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกเรียนรู้ภาษา